โหราศาสตร์ไทย(ดวงอีแปะ)ต่ำต้อย จริงหรือ

    
   

  ปัญหาโหร ::  โหราศาสตร์ไทย(ดวงอีแปะ)ต่ำต้อย จริงหรือ  โดยอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ
หน้าปัญหาโหรนี้ จะเปิดเป็นประจำทุกเล่มเพื่อเป็นการอนุเคราะห์แก่บรรดานักโหราศาสตร์ที่ริเริ่มและกำลังเรียนรู้ในโหราศาสตร์ มักเกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนการอ่านตำรับตำราทั้งหลายขึ้น แล้วไม่รู้จะถามใคร
 
 ถ้าท่านเกิดปัญหาในการเรียนโหราศาสตร์นี้ โปรดจดหมายถามาที่กองบรรณาธิการพยากรณ์สาร  และโปรดส่งซองจ่าหน้าถึงตัวท่านมาด้วย  เพราะการจะตอบปัญหาทุกปัญหาในหน้าพยากนณ์สาร อาจไม่สะดวกจะได้ตอบเป็นส่วนตัวให้ท่าน  ปัญหาใดที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมก็จะตอบในหน้าพยากรณ์สาร
 
ผู้ตอบมิได้คิดจะตั้งตนเป็นสัพพัญญูในโหราศาสตร์ เพียงปราถนาดีที่จะเป็นเพื่อนและพี่เลี้ยงให้นักโหราศาสตร์ที่เพิ่งจะเข้ามาสู่วงโหราศาสตร์จะได้แก้ปัญหาได้ ปัญหาใดที่ผมไม่รู้ก็จะพยายามไต่ถามผู้รู้หาคำตอบมาให้ แต่ถ้าปัญหาใดสูงสุดเกินสติปัญญาก็จนใจตอบไม่ได้
 
    เรียน  กองบรรณาธิการ พยากรณ์สารที่นับถือ
ผมเป็นนักโหราศาสตร์ในกรุงเทพฯ รักวิชาโหราศาสตร์ไทยเป็นชีวิต สนใจมานานพอสมควร รู้บ้างไม่รุ้บ้าง  แต่ที่ไม่รู้นั้นมากกว่ารู้ แต่เดิมเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกันหลายคนเรียนโหราศาสตร์มาพร้อมๆกัน นานปีเข้าเพื่อนๆต่างแตกแยกไปเรียนโหราศาสตร์ระบบอื่นหลายระบบ เหลือแต่ตัวผมเอกาอยุ่กับโหราศาสตร์ไทยคนเดียว
 
เมื่อเพื่อนๆเกิดความสันทัดในโหราศาสตร์ระบบอื่นเข้าก็กลับมาชักชวนให้ผมทิ้งโหราศาสตร์ไทยเสีย แล้วไปเรียนตามระบบของเขา ใจผมยังยึดมั่นในโหราศาสตร์ไทยระบบดวงอีแปะอยู่ แต่นานเข้า เหตุผลที่ชักชวนสารพัดเหตุสารพัดผล ทำให้จิตใจผมไขวเขว โอนเอนเหมือนใบไม้ต้องลม เพื่อนบางคนชวนผมไม่สำเร็จ พาลดูหมิ่นลบลู่ตัวผมและโหราศาสตร์ไทยไปพร้อมๆกัน เกือบๆจะโกรธกันไปหลายราย

ทุกวันนี้ ผมคับแค้นใจเหลือเกิน เกิดปมด้อยเพราะเรียนโหราศาสตร์ไทย ต้องคอยหลบหลีก นักโหราศาสตร์ด้วยกัน เมื่ออยู่ในกลุ่มสังคมนักโหราศาสตร์ จะพูดจะคุยเรื่องโหราศาสตร์ไทยด้วยกัน ก็ต้องคอยเหลียวหน้าเหลียวหลังแอบๆคุยกัน เพราะกลัวถูกขัดคอและดูหมิ่นเหมือนกับว่าโหราศาสตร์ไทย(ดวงอีแปะ)นี้ ต่ำต้อยเสียเหลือประมาณ
 
ขอเรียนถามตรงๆว่า ผมควรเรียนโหราศาสตร์ไทยต่อไปหรือไม่ เพราะเกิดความสงสัยในความสามารถของดวงอีแปะ
                                                                                                   นายโง่
 
         
เรียนคุณโง่ .....?

ปัญหาที่คุณถามมาไม่น่าจะเป็นปัญหาโหร แต่ควรเป็นปัญหาชีวิตมากกว่า ผมรับคำปรับทุกข์ในทำนองนี้อยู่เสมอ น่าเห็นใจ
 
ผมว่าคุณลบลู่ตัวคุณเอง แม้แต่แต่การใช้ชื่อในจดหมายก็ไม่เป็นมงคลนาม และคุณเองนั่นแหล่ะที่ลบลู่โหราศาสตร์ไทยด้วยตัวคุณเอง คือ เรียกโหราศาสตร์ไทยว่า”ดวงอีแปะ” ซึ่งเท่ากับ ๑ สตางค์แดงของจีนเท่านั้น โหราศาสตร์ไทยระบบนี้เขาเรียก “ราศีจักร” เหตุที่คุณเล่ามา ล้วนแต่คุณคิด คุณทำ ในด้านดูหมิ่นตนเองจนกลายเป็นปมด้อย
 
จริงอยู่ โหราศาสตร์ไทยระบบราศีจักรนี้มีจุดอ่อนอยู่ คือเรียนรู้ง่าย  แต่พยากรณ์ยาก ส่วนมากจะไปติดข้ออยู่ตรงการพยากรณ์ทั้งดวงเดิมและดวงจร  โปรดอย่าหาว่าตำหนิติเตียน ส่วนมากการเรียนโหราศาสตร์ ๙๐ใน๑๐๐ ไม่มีครูเป็นตัวเป็นตน ศึกษาจากหนังสือตำราบ้าง มีสภาพเหมือนคนเดินในที่มืด ไม่มีไฟส่องทาง
 
บ้างพอเริ่มต้นเรียน ก็เรียนในทางสกัดกั้นตนเอง เหมือนเดินในหนทางตัน หาทางออกมิได้ ขอยกตัวอย่างที่มักเป็นปัญหาที่ติดขัดกันส่วนใหญ่ เช่นดวงเดิม   เวลาอ่านดวงดาว มักจะจับดาวลอยดวงเดียวโดด ๆ อยู่ภพใดก็ทายเรื่องภพนั้นบ้างก็จับดาวลอยทำมุมกับลัคนา เป็นจุดพยากรณ์ การใช้หลักพยากรณ์เช่นนี้  สำหรับนักพยากรณ์ริเริ่มใหม่ไม่ควร  เพราะต้องใช้ความจำมากในการจดจำกฎพยากรณ์ซึ่งมีมากมาย ผู้ที่ใช้ได้ดี จะต้องมีประสบการณ์มานาน ๆ ปี
 
ทางที่ถูกแบบแผนโหราศาสตร์ไทยแบบโบราณ คือยึดหลักเจ้าเรือนเข้าไว้ เจ้าเรือนภพใดไปสถิตอยู่ภพใด อ่านความหมายของภพผนวกเข้าหากัน ส่วนดาวลอยจะเล่นเป็นความหมายรองเมื่อเข้าร่วมด้วย ใช้คุ่มิตรคู่ศัตรู คู่ธาตุของดาว  ใช้ธรรมซาติของดาว และธาตุแห่งเรือราศีเข้าประกอบ ดาวใดที่ทำมุมสัมพันธ์ถึงเป็นความหมายเข้าประกอบเป็นเรื่องราวพยากรณ์

ดวงราศีจักรในระบบโหราศาสตร์ไทย เป็นแม่บทแห่งโหราศาสตร์ เป็นแก่นแท้ของโหราศาสตร์ มาตลอดเวลา ๑,๐๐๐ ปี และยังมีอานุภาพอยู่กระทั่งปัจจุบัน
 
ถ้าจะอ้างเรื่องราวยืนยันเป็นเรื่องราวโบราณเก่าแก่ ท่านอาจคิดว่าเป็นเรื่องนิทาน ขอเล่าเรื่องโหรโทยระบบราศีจักร์ยุคเมื่อเร็วๆนี้มาสู่กันฟัง เพราะมีผู้รู้เห็นยังพออ้างอิงมีตัวตนอยู่หลายท่าน
 
ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๔ และ ๒๕๑๕  สมาคมโหรในยุคนั้นได้ปรับปรุง ระบบบริหารใหม่มีห้องพยากรณ์ (ห้องสมุดปัจจุบัน) เป็นห้องรับแขกและสมาชิกมีการดูดวงพยากรณ์กันบ้าง โดยกรรมการสมาคม แต่ก็เป็นการส่วนตัว ไม่เป็นกิจจะลักษณะ
 
สมาคมได้มอบให้อาจารย์ประทีป อัครา และผมรับผิดชอบห้องพยากรณ์ เราสองคนได้ มีความคิดก้าวหน้าขึ้นมาใหม่ โดยยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน คือ บุคคลภายนอกจะมาขอรับการพยากรณ์ ได้ทุกท่าน โดยไม่เสียค่าพยากรณ์ แต่จะต้องปฎิบัติดังนี้ คือผูกดวงแล้วนำขึ้น กระดานดำโดยเปิดเผย  นักพยากรณ์จะต้องพยากรณ์ตอหน้าให้ได้ยินกันทั่ว ๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์แก่สมาชิกสมาคมที่จะเข้าฟัง เพื่อเรียนรู้ในกฎและวิธีการพยากรณ์
 
พอจัดขึ้นแล้ว เหตุการณ์กลับผิดหวังเพราะบรรดาโหรรุ่นเก่าชี้หน้า ตอกเอาว่าผมและอาจารย์ประทีป อัครา วางแผนสร้างห้องโหรขึ้นเพื่อเผาเครื่องโหร ต่างไม่ยอมเข้าห้องโหรร่วมพยากรณ์
 
ผมและอาจารย์ประทีป อัครา ตกในฐานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เลยต้องผลัดกันมาเป็นนักพยากรณ์ยืนโรง ทุกวันเสาร์กระทั่งค่ำ พอจัดไปได้สักพัก ชักสนุกครึกครื้น มีผู้มารับการพยากรณ์มาก และสมาชิกสมาคมก็เข้าฟังกันแน่น เพราะวิธีการพยากรณืใช้การอ่านดาวในดวงให้สมาชิกเข้าใจความหมายเสียก่อน แล้วก็จะเก็บดาวมาพยากรณ์ทั้งเดิมทั้งจร เมื่อพยากรณ์ถูกต้อง จะมีการปรบมือเฮฮากันอึงมี
 
เมื่อห้องโหรเป็นที่นิยม มีสมาชิกคับคั่ง บางท่านท่านถือสมุดดินสอคอยจดกันทีเดียว ตอนนี้รู้ไปถึงเพื่อนฝูงนักพยากรณ์ที่ชอบสนุก ก็เข้ามาร่วมวงด้วยมากท่าน เท่านี้นึกย้อนไปพอจดจำได้มี
๑.พ.อ.เอื้อน มณเฑียรทอง  ๒.อาจารย์เชย บัวก้านทอง  ๓.คุณแหม่ม อาจารย์บุญเรือน วรรณวิจิตร  ๔.พ.ท.วิจอม ปรีดานุชาด  ๕.อาจารย์นภา วรบุตร์  ๖.คุณจินดา ธรรมรังสี  ซึ่งทุกท่านมักมาเป็นประจำ
 
ส่วนท่านที่มาเป็นประจำเป็นบางครั้งบางคราวก็คือ  ๑.อาจารย์สมัย วงศาโรจน์   ๒.อาจารย์มหาบรรเทา จันทรศร ๓.อาจารย์เทอม เสตักสิกร และที่นึกไม่ออกคงมีอีก
 
ตอนนี้นักพยากรณ์มาก พอดวงขึ้นกระดานดำแทบจะแย่งกันทายทีเดียว ห้องพยากรณ์ ในยุคนั้นโด่งดังสุดขีด เล่าลือกันไปวงการโหราศาสตร์ ที่ยอมรับนับถือก็คือนักพยากรณ์ทุกท่านมีความสุจริตและจริงใจ กล้าพยากรณ์ดัง ๆ ได้ยินกันรู้ผิดรู้ถูก ไม่กลัวตกม้าตาย
 
 การพยากรณ์ในยุคนั้น ผู้พยากรณ์ได้รับทั้งสนุกสนาน ความสุขและบางทีก็มีความทุกข์ เช่น คราวหนึ่งอาจารย์ประทีบ อัครา พยากรณ์คุณผู้หญิงท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของ โรงภาพยนตร์แถวปากคลองตลาดว่า "เมื่อวันสองวันที่ผ่านมาจะต้องได้ไปทำฟันที่เกิดเดือดร้อน ขึ้นและเลี่ยมทองด้วย" เจ้าชะตายิ้มแล้วแยกเขี้ยวให้ดูฟันทองในปากเป็นการยืนยัน

คุณแหม่ม อาจารย์บุญเรือน วรรณวิจิตร ทายสุภาพบุรุษท่านหนึ่งว่า "ในชีวิตน่าจะเคยถูกไฟลวกร่างกายมาแล้ว " ซึ่งท่านผู้นั้นรับว่าจริง ท่านเป็นทหารเรือน และเกิดอุบัติเหตุ ไฟลุกท่วมตัวต้องโดดน้ำ 

พ.ต.ท.ประวิณ เกษมสุข พยากรณืท่านผู้หนึ่งว่า "การเดินทางมาห้องพยากรณ์นี้ ท่านมากัน ๓ คน แต่ท่านเข้ามาคนเดียวอีกสองคนแยกทางกันหน้าสมาคม และสองคนที่แยกไปนั้น ถือร่มไปด้วย" เจ้าชะตาพยักหน้าก็จริง แต่สีหน้าเหมือนถูกผีหลอก 

ส่วนผมนั้นมีอยู่ครั้งหนึ่งพยากรณืแล้ว เกิดความทุกข์ไม่สบายใจไปหลายวัน คือมีชายหญิงคู่หนึ่งเข้ามาห้องโหร อายุร่วม ๓๐ ฝ่ายหญิงยุให้ฝ่ายชายดูดวง แต่ฝ่ายชายสงวนท่าทีทำท่าจะปฎิเสธ และเป็นคนเปิดเผยคือบอกว่าตนไม่เชื่อถือโหราศาสตร์  เป็นเรื่องเหลวไหลแต่เมื่อถูกฝ่ายหญิงเซ้าซี้หนักเข้าก็ยอมให้ผูกดวงขึ้นกระดานดำ และเจ้าชะตาบอกอนุญาติให้ทายได้ตรงๆ ได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ 

ดูกันไปหลายเรื่องมาถึงเรื่องของครอบครัว ก็ได้พยากรณ์ไปตามดาวว่า เรื่องภรรยาที่อยู่กันนี้มีความขัดแย้งกันอย่างมาก แต่จะเลิกร้างกันมิได้เพราะบุตรเป็นตัวเชื่อมโยงใยอยู่ เจ้าของดวงเห็นแกนั่งนิ่งคอแข็งอยู่พักใหญ่  คุณผู้หญิงเอียงเข้าไปกระซิบไม่มีใครได้ยินว่ากระไร แล้วดูเหมือนร้องไห้กระซิกผลุนผลันออกจากห้องพยากรณ์ไป  

คุณผู้ชายลุกข้นบอกเบาๆ ว่าผมและเธอกำหนดจะแต่งงานกันในเดือนหน้า เธอบอกเลิกการแต่งงานหมด เพราะหลอกเธอว่ายังโสด แล้วก็รีบผละติดตามไปง้อ

แต่ตอนนั้น น.อ.เฉวียง สัชชุกร เป็นนายกสมาคมและอยุ่ในห้องด้วย ท่านยกมือไหว้ผม มิได้ยกย่องผมหร๊อก ท่านว่า "บรรลัยแล้วอาจารย์ เขาแตกแยกกันบาปแน่" 

ผมกำลังตกใจตลึงเลยไม่ได้เถียงอะไร แต่นึกในใจว่า ผมทำบาปแต่ก็ได้บุญ  

มีเรื่องสนุกอยู่เรื่องหนึ่งเกือบจะลืม ในตอนบ่ายประมาณสี่โมง  เพื่อนนักโหราศาสตร์ไทยด้วยกันท่านหนึ่ง ถือกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมมากว้างยาวประมาณสองคืบเข้ามาในห้องพยากรณ์ มาถึงก็วางกล่องกระดาษโครมลงบนโต๊ะท่ามกลางพวกเราที่เป็นนักพยารณ์ ซึ่งอยู่กับครบองค์แล้วถามว่า " ลองทายดูซิ ว่าในกล่องนี้มีอะไร"
      
จะว่าท่านลองของ หรือหักเหลี่ยมก็ใช่ที เพราะท่านกับเรารักชอบกันเป็นอันดีคงจะเกิดอารมณ์พิเรนขึ้นมา พวกเรานั่งนิ่งงงๆ ได้แต่มองหน้ากัน เสียงใครแนะว่าขอให้เอาดวงเจ้าของกล่องขึ้นกระดาน ท่านผู้นั้นเดิมอ้อมโต๊ะไปเขียนดวงท่านลงบนกระดานดำเอง เพราะท่านก็เป็นโหราศาสตร์ เขียนทั้งดวงเดิมและดวงจรครบถ้วน จำได้ว่าลัคนาอยู่เมษ 

พวกเราอ่านดวงและอ่านดาว แล้วก็นิ่งกันไปอีกพัก เหมือนกันเกี่ยงกันให้เพื่อนทายก่อน เสียงอาจารย์เทอมบ่นพึมพัมดังได้ยินกันทั่ว และนับนิ้ว ว่า "วันนี้วันเสาร์ สี่โมงเย็น มันยามจันทร์นี่"

ดวงตาทุกคู่ไปรวมกันอยู่ที่ดวงบนกระดาน จันทร์จรวันนี้อยู่ราศีตุลย์ พอจับเงื่อนได้ทีนี้แทบจะแย่งกันทายทีเดียว จนจำไม่ได้ว่าเสียงใครพยากรณ์บ้าง เพราะทุกคนมัวแต่จับตาดูดวงบนกระดานดำ 

"ยามจันทร์ ความหมายจันทร์ก็คือของอ่อนๆ นิ่มๆ บอบบางๆ " พวกเราคลางฮือยอมรับด้วยเสียงนักพยากรณื อีกท่านสวนทันควัน " จันทร์เจ้ายามอยู่เรือนศุกร์ " ต้องเป้นของสวยๆ งามๆ แน่" เสียงพวกเรา ฮือตามอีก 

อีกท่านหนึ่งจับภพมาพยากรณ์ว่า " จันทร์จรอยู่ภพปัตนิ ของเจ้าชะตา ต้องเป็นสิ่งของ ของเพศตรงข้าม หรือของภรรยาเจ้าชะตานั่นเอง " พอตอบมีเสียงฮือชักดังเพราะพวกคนดูผสมฮือด้วย 

อีกท่านละเอียดออกไปคือว่า " จันทร์อยู่เรือนศุกร์ และศุกร์เรือนในดวงเดิมไป อยู่ราศีมีนเป็นวินาสน์ลัคนา มันของเร้นลับ ปิดบัง ไม่เปิดเผย "

เมื่อประมวลคำพยากรณ์เข้า พวกเราเดาในใจตรงกันอยู่ว่าดาวมันระบุว่า น่าจะเป็นผ้าอนามัยสตรี แต่ไม่กล้าพยากรณ์ตรงๆ เพราะดูหยาบคายและที่สำคัญคือ กลัวผิด 

เจ้าของกล่อง หัวร่อชอบอกชอบใจ บอกว่าเป็นของฝากของภรรยาเป็นของขวัญวันเกิดและแกะกล่องเปิดออก คนที่ฟังอยู่ห่างๆ ลุกเ้ามารุมล้อมอยู่ใก้ล ปรากฎว่าของข้างในกล่อง คือ กางเกงในสตรี ผ้าเยอรซี่ สีฟ้าอ่อน 

คุณโง่เจ้าของปัญหาที่มีปมด้อย คงจะพอสบายใจบ้างว่า ดวงไทยระบบราศีจักร์ยังมีศักดานุภาพอยู่เสมอ ตั้งหน้าตั้งตาเรียนโหราศาสตร์ไทยไปเถิด 

เรียนอะไรให้รู้จริงแต่สิ่งเดียว เรียนให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล 
 

ที่มา : วารสาร พยากรณ์สาร 
โหลดข้อมูล : คุณ.start_astro / 19 กุมภาพันธ์ 2547

#คุณยายกลิ่นโสม
#คุณยายเล่าเรื่องจากเรือนดาว
#โหราศาสตร์ไทยเรียนง่ายกว่าที่คิด
#เรียนโหราศาสตร์ไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#อ่านดวงไทยสบายสบาย ตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม   
#เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรี ที่เวปนี้นะ:: htthttp://www.baankhunyai.com
  --------------------  
 
Visitors: 171,495