ดาวเสาร์ ที่มาของวันเสาร์
กาลครั้งหนึ่งนานแสนนานมาแล้ว ตามตำนานกรีกโบราณ เมื่อแรกเกิดสรรพสิ่งนั้นมีแต่ความวุ่นวาย (Chaos เคออส) ต่อมาได้เกิดสิ่งต่างๆ ขึ้น รวมทั้งยูเรนัส (Uranus) เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า ต่อมายูเรนัสได้อยู่กับไกอา (Gaia) เทพเจ้าแห่งโลก จนมีลูกด้วยกันเป็นยักษ์ 18 ตน
ยูเรนัสไม่ชอบลูกตัวเองจึงกักขังลูกๆ ไว้ ทำให้ไกอาไม่พอใจ จึงยุให้ลูกๆ ยึดอำนาจจากยูเรนัส แต่มีเพียง โครนัส (Cronus) ที่ทำตาม และยึดอำนาจจากยูเรนัสได้สำเร็จ

![]()
ต่อมาโครนัสได้แต่งงานกับรีอา (Rhea) โครนัสกลัวว่าลูกของตนจะเลียนแบบมายึดอำนาจ ทันทีที่รีอาคลอดลูก โครนัสจะกลืนกินลูกของตัวเอง
พอมาถึงลูกคนที่ 6 คือ ซูส (Zeus) รีอาไม่อยากให้โครนัสกินซูสเข้าไปอีก จึงใช้ก้อนหินห่อผ้าหลอกโครนัสว่าเป็นลูกที่เพิ่งคลอดใหม่ โครนัสกลืนก้อนหินก้อนนั้นเข้าไปโดยเข้าใจว่าเป็นลูกตัวเอง
เมื่อซูสโตขึ้นมา ซูสได้ต่อสู้ชนะโครนัส และช่วยพี่ๆ อีก 5 คน ออกมาจากท้องของโครนัสโดยบังคับให้โครนัสคายทุกคนออกมา แล้วซูสขึ้นเป็นราชาแห่งเทพเจ้าครอบครองสวรรค์แทนโครนัส

![]()
ชาวโรมันเรียกชื่อเทพโครนัสว่า แซตเทิร์น (Saturn) ซึ่งคำนี้ยังหมายถึงดาวเสาร์ และเป็นที่มาของชื่อวันเสาร์ (Saturday = Saturn’s Day)
ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์แก๊สขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ใหญ่กว่าโลกประมาณ 9 เท่า (ไม่รวมวงแหวน) ประกอบด้วยแก๊สไฮโดรเจนและฮีเลียม เนื่องจากดาวเสาร์มีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ ทำให้ดาวเสาร์สามารถลอยน้ำได้

เอกลักษณ์ของดาวเสาร์คือวงแหวนขนาดใหญ่สวยงาม แม้ว่าดาวอื่น (ดาวพฤหัสบดี, ดาวเนปจูน และดาวยูเรนัส) จะมีวงแหวน แต่วงแหวนของดาวเสาร์นั้นมีขนาดใหญ่กว่ามาก จนสามารถใช้กล้องโทรทรรศน์หรือกล้องดูดาวขนาดเล็กที่มีกำลังขยายตั้งแต่ 30 เท่าขึ้นไป ส่องเห็นวงแหวนดาวเสาร์ได้
![]()
วงแหวนดาวเสาร์ประกอบด้วยน้ำแข็งและก้อนหิน มีความกว้างมากถึง 282,000 กิโลเมตร แต่หนาเพียง 10 เมตร


เมื่อมองจากบนโลก เราจะเห็นเหมือนวงแหวนส่าย ทำให้บางช่วงเมื่อวงแหวนหันด้านข้าง เราจะเห็นเหมือนวงแหวนหายไปทุก 13-15 ปี ครั้งต่อไปที่จะเกิดปรากฏการณ์นี้ในอีก 3 ปีข้างหน้า คือวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2568 แต่เนื่องจากช่วงนั้นดาวเสาร์อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากจึงสังเกตผ่านกล้องโทรทรรศน์ทั่วไปไม่ได้ ต้องรอถึงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2581 จึงจะสังเกตปรากฏการณ์นี้ได้
ดาวเสาร์ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 1,400 ล้านกิโลเมตร ใช้เวลา 29 ปี โคจรรอบดวงอาทิตย์ และหมุนรอบตัวเองประมาณ 11 ชั่วโมง
ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์บริวารมากที่สุดในระบบสุริยะคือมีมากถึง 82 ดวง
เราสามารถมองเห็นดาวเสาร์ด้วยตาเปล่าแม้ในเมืองที่มีมลพิษแสงมากอย่างกรุงเทพฯ
ตลอดปี พ.ศ. 2565 ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวแพะทะเล (Capricornus) ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 ดาวเสาร์จะสูงจากขอบฟ้าเกิน 10 องศา (ประมาณ 1 กำปั้น เมื่อเหยียดแขนสุด ถ้าอยู่ต่ำกว่า 10 องศา จะสังเกตเห็นได้ยาก) เห็นดาวเสาร์ช่วงเช้ามืดทางทิศตะวันออก หลังจากนั้นดาวเสาร์จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนช่วงเช้ามืด

![]()
วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2565 ดาวเสาร์จะอยู่ใกล้ดาวศุกร์ ช่วงเช้ามืดทางทิศตะวันออก (ดูภาพประกอบ)
วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2565 ดาวเสาร์อยู่ใกล้ดาวอังคาร
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 ดาวเสาร์จะขึ้นก่อนเที่ยงคืนทางทิศตะวันออก และเห็นจนถึงเช้ามืดทางทิศตะวันตก
วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ดาวเสาร์จะอยู่ตรงข้ามดวงอาทิตย์ เป็นตำแหน่งที่ใกล้โลกและสว่างที่สุด จะเห็นดาวเสาร์ได้ตลอดคืนตั้งแต่หัวค่ำถึงเช้ามืด โดยตอนหัวค่ำดาวเสาร์จะอยู่ทางทิศตะวันออกและเช้ามืดอยู่ทางทิศตะวันตก
ช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 จะเห็นดาวเสาร์ตอนหัวค่ำทางทิศตะวันออกแล้วค่อยๆ เฉียงไปทางทิศใต้ ดาวเสาร์จะตกก่อนเช้ามืดทางทิศตะวันตก
ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 จะเห็นดาวเสาร์ตอนหัวค่ำทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จนถึงก่อนเที่ยงคืนทางทิศตะวันตก
โดย พงศธร กิจเวช (อัฐ)
Facebook: คนดูดาว stargazer
ขอบคุณที่มา : นิตยสารสาระวิทย์ โดย สวทช.
เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเองที่ : www.baankhunyai.com