ยูเรนัส หรือ มฤตยู
ดาวยูเรนัส (Uranus)
ดาวยูเรนัส (Uranus) ถ้านับตามลำดับดาวทางดาราศาสตร์ (Astronomy) แล้ว ดาวยูเรนัสจัดเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 7 ในระบบสุริยะจักรวาล (Solar System) ของเราครับ เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ถัดจากดาวเสาร์มานั้นเอง
ดาวยูเรนัสนั้นมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง) อีกทั้งยังมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่า เนปจูน แต่มีมวลน้อยกว่า โดยมีมวลประมาณ 8.68 x 10^25 กก ครับ
ดาวยูเรนัสถูกค้นโดย วิลเลี่ยม เฮอส์เชล เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2324 โดยตอนแรกนั้นได้ถูกเรียกว่า "ดาวเฮอส์เชล" ต่อมานักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ โบด ได้ตั้งชื่อ "ยูเรนัส" เพื่อให้สอดคล้องกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ซึ่งใช้ชื่อในเทพนิยายกรีก และเป็นที่แพร่หลายตั้งแต่ปี พ.ศ.2393 เป็นต้นมา
ดาวยูเรนัสมีวงแหวนเช่นเดียวกับดาวเคราะห์แก๊สดวงอื่น แต่วงแหวนของดาวยูเรนัสก็มืดมาก และมันมีองค์ประกอบคล้ายวงแหวนของดาวเสาร์ คือประกอบด้วยอนุภาคซึ่งมีขนาดเล็กมากดังฝุ่นผง ไปจนใหญ่ถึง 10 เมตร มีวงที่สว่างที่สุดชื่อ วงแหวนเอ็ปซิลอน ดาวยูเรนัสนับเป็นดาวเคราะห์ดวงแรกที่ถูกค้นพบว่ามีวงแหวนล้อมรอบเช่นเดียวกับดาวเสาร์ ซึ่งมันทำให้เราทราบว่า มันเป็นลักษณะปกติที่ดาวเคราะห์แก๊สต้องมีวงแหวน มิใช่เพียงเฉพาะดาวเสาร์เท่านั้น
ดาวยูเรนัสเป็นดาวที่แปลกกว่าชาวบ้านเค้า เพราะปกติทั่วไป ดาวต่างๆ จะมีแกนการหมุนที่ตั้งฉากกับแนวการโคจรของดาว หรือเรียกว่าแนวสุริยะวิถี (Eclipse) แต่ดาวยูเรนัสเป็นดาวดวงเดียวที่แกนการหมุนขนานกับแนวสุริยะวิถี ว่าง่ายๆ คือเป็นดาวที่นอนหมุนครับ (ขี้เกียจจริงๆ)

ดาวยูเรนัสจะมีคาบการโคจรประมาณ 84 ปีต่อรอบ หรือใช้เวลาประมาณ 7 ปีในแต่ละเรือนชะตาครับ
สำหรับความหมายทางโหราศาสตร์สากลนั้น ด้วยที่ดาวยูเรนัสเป็นกลุ่มดาวเคราะห์รอบนอก (Outer Planet) เช่นเดียวกับดาวพฤหัสและดาวเสาร์ ดังนั้น ความหมายของดาวยูเรนัสจึงกล่าวถึง ความหมายในเชิงของสังคมและสิ่งรอบตัว (Social Intent) เป็นสำคัญ
เมื่อดาวพฤหัสเป็นพลังของการนำตัวเองไปสู่โลกกว้างเพื่อการเรียนรู้และเติบ (Expansion) แต่ดาวเสาร์กลับเป็นพลังที่ตีกรอบ หรือกำหนดกฎเกณฑ์แห่งความเป็นจริง (Rule/ Norm and Social Boundary) ที่ทำให้เรานั้นทำอะไรไปไม่ได้มาก ไม่สามารถเติบโต หรือเติบใหญ่ได้ตามที่ต้องการ ดังนั้นการที่จะทำลายกรอบ ทำลายกฎเกณฑ์ของสังคมในชีวิตจริงเพื่อนำตัวเองให้หลุดออกไปสู่โลกกว้าง โลกที่เราจะมีอิสระในการใช้ชีวิตและทำอะไรได้ตามใจนั้น จำเป็นต้องใช้พลังในการปลดปล่อยสู่ความเป็นอิสระ (Independent) นั้นก็คือ พลังของดาวยูเรนัส
เมื่อเราใช้ชีวิตในโลกนี้มาได้ระดับหนึ่ง เราจะเข้าใจถึงความเป็นจริง และข้อจำกัดต่างๆ ที่มีอยู่ ว่าสิ่งใดที่เราทำได้ สิ่งใดเราทำไม่ได้ ซึ่งเหล่านี้นั้นเราจะนำมันกลับมาทบทวนและเรียนรู้เป็นประสบการณ์ เมื่อเราเข้าใจแล้ว เราก็จะยกระดับตัวเองไปได้โดยอัตโนมัติ (Shift autonomous) นำตัวเราไปสู่ความอิสระของการเข้าใจโลก และการใช้ชีวิตอีกระดับ
ใช้พลังของดาวยูเรนัส ทำลายกรอบของดาวเสาร์ และทำให้พลังของดาวพฤหัสสัมฤทธิ์ผล ให้เกิดขึ้นแบบฉับพลันหรือรวดเร็ว ก่อนที่กรอบหรือกฎต่างๆ จะกลับเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง
เป็นการใช้พลังทั้ง 3 ส่วนควบคู่กันอย่างสมดุล
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะทำมันได้ เพราะอย่างที่บอกว่าประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่า เราจะเข้าและเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เกิดจากการเผชิญปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ ในชีวิตจริงได้ดีแค่ไหน หากเราทำมันได้ดี เราก็จะนำประสบการณ์เหล่านั้น หากแต่มันต้องเกิดจากการเรียนรู้ประสบการณ์อย่างลึกซึ้ง และเข้าใจมันอย่างถ่องแท้เสียก่อน เพราะการที่เราจะปลดปล่อยตัวเองจากข้อจำกัดเหล่านี้ได้นั้น หากเราไม่เข้าใจถึงความเป็นจริงของโลก เราก็จะทำอะไรไปแบบขาดความพอดี และไม่เกิดผลดีกับตัวเอง
พลังของดาวยูเรนัส จึงมาพร้อมๆ กับประสบการณ์ในการชีวิตของเราครับ เป็นพลังที่จะสังเคราะห์มุมมองของเราที่มีต่อโลกกว้างใบนี้ ให้แตกต่างออกไปจากโลกที่เราเคยรู้จัก
ความหมายของดาวยูเรนัส จึงหมายถึง ความเป็นอิสระ การปลดปล่อยจากพันธนาการ สิ่งที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบ ไม่เป็นแบบแผน ความไม่แน่นอน เกี่ยวกับกิจกรรมสันทนาการต่างๆ การท่องเที่ยวหรือการเรียนรู้ในเรื่องราวใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ความปัจจุบันทันด่วน การเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน แม้แต่เรื่องราวของวิทยาศาสตร์ หรือโหราศาสตร์ก็เป็นความหมายของดาวยูเรนัส เพราะมันหมายถึงศาสตร์ที่ไม่ยอมรับอยู่กับความคิดแบบเดิมๆ เป็นศาสตร์ที่พัฒนาและปรับปรุงสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นครับ
ขอบคุณที่มา : https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=myastro&group=2
ดาวยูเรนัส (Uranus) ถ้านับตามลำดับดาวทางดาราศาสตร์ (Astronomy) แล้ว ดาวยูเรนัสจัดเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 7 ในระบบสุริยะจักรวาล (Solar System) ของเราครับ เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ถัดจากดาวเสาร์มานั้นเอง
ดาวยูเรนัสนั้นมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง) อีกทั้งยังมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่า เนปจูน แต่มีมวลน้อยกว่า โดยมีมวลประมาณ 8.68 x 10^25 กก ครับ
ดาวยูเรนัสถูกค้นโดย วิลเลี่ยม เฮอส์เชล เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2324 โดยตอนแรกนั้นได้ถูกเรียกว่า "ดาวเฮอส์เชล" ต่อมานักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ โบด ได้ตั้งชื่อ "ยูเรนัส" เพื่อให้สอดคล้องกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ซึ่งใช้ชื่อในเทพนิยายกรีก และเป็นที่แพร่หลายตั้งแต่ปี พ.ศ.2393 เป็นต้นมา
ดาวยูเรนัสมีวงแหวนเช่นเดียวกับดาวเคราะห์แก๊สดวงอื่น แต่วงแหวนของดาวยูเรนัสก็มืดมาก และมันมีองค์ประกอบคล้ายวงแหวนของดาวเสาร์ คือประกอบด้วยอนุภาคซึ่งมีขนาดเล็กมากดังฝุ่นผง ไปจนใหญ่ถึง 10 เมตร มีวงที่สว่างที่สุดชื่อ วงแหวนเอ็ปซิลอน ดาวยูเรนัสนับเป็นดาวเคราะห์ดวงแรกที่ถูกค้นพบว่ามีวงแหวนล้อมรอบเช่นเดียวกับดาวเสาร์ ซึ่งมันทำให้เราทราบว่า มันเป็นลักษณะปกติที่ดาวเคราะห์แก๊สต้องมีวงแหวน มิใช่เพียงเฉพาะดาวเสาร์เท่านั้น
ดาวยูเรนัสเป็นดาวที่แปลกกว่าชาวบ้านเค้า เพราะปกติทั่วไป ดาวต่างๆ จะมีแกนการหมุนที่ตั้งฉากกับแนวการโคจรของดาว หรือเรียกว่าแนวสุริยะวิถี (Eclipse) แต่ดาวยูเรนัสเป็นดาวดวงเดียวที่แกนการหมุนขนานกับแนวสุริยะวิถี ว่าง่ายๆ คือเป็นดาวที่นอนหมุนครับ (ขี้เกียจจริงๆ)

ดาวยูเรนัสจะมีคาบการโคจรประมาณ 84 ปีต่อรอบ หรือใช้เวลาประมาณ 7 ปีในแต่ละเรือนชะตาครับ
สำหรับความหมายทางโหราศาสตร์สากลนั้น ด้วยที่ดาวยูเรนัสเป็นกลุ่มดาวเคราะห์รอบนอก (Outer Planet) เช่นเดียวกับดาวพฤหัสและดาวเสาร์ ดังนั้น ความหมายของดาวยูเรนัสจึงกล่าวถึง ความหมายในเชิงของสังคมและสิ่งรอบตัว (Social Intent) เป็นสำคัญ
เมื่อดาวพฤหัสเป็นพลังของการนำตัวเองไปสู่โลกกว้างเพื่อการเรียนรู้และเติบ (Expansion) แต่ดาวเสาร์กลับเป็นพลังที่ตีกรอบ หรือกำหนดกฎเกณฑ์แห่งความเป็นจริง (Rule/ Norm and Social Boundary) ที่ทำให้เรานั้นทำอะไรไปไม่ได้มาก ไม่สามารถเติบโต หรือเติบใหญ่ได้ตามที่ต้องการ ดังนั้นการที่จะทำลายกรอบ ทำลายกฎเกณฑ์ของสังคมในชีวิตจริงเพื่อนำตัวเองให้หลุดออกไปสู่โลกกว้าง โลกที่เราจะมีอิสระในการใช้ชีวิตและทำอะไรได้ตามใจนั้น จำเป็นต้องใช้พลังในการปลดปล่อยสู่ความเป็นอิสระ (Independent) นั้นก็คือ พลังของดาวยูเรนัส
เมื่อเราใช้ชีวิตในโลกนี้มาได้ระดับหนึ่ง เราจะเข้าใจถึงความเป็นจริง และข้อจำกัดต่างๆ ที่มีอยู่ ว่าสิ่งใดที่เราทำได้ สิ่งใดเราทำไม่ได้ ซึ่งเหล่านี้นั้นเราจะนำมันกลับมาทบทวนและเรียนรู้เป็นประสบการณ์ เมื่อเราเข้าใจแล้ว เราก็จะยกระดับตัวเองไปได้โดยอัตโนมัติ (Shift autonomous) นำตัวเราไปสู่ความอิสระของการเข้าใจโลก และการใช้ชีวิตอีกระดับ
ใช้พลังของดาวยูเรนัส ทำลายกรอบของดาวเสาร์ และทำให้พลังของดาวพฤหัสสัมฤทธิ์ผล ให้เกิดขึ้นแบบฉับพลันหรือรวดเร็ว ก่อนที่กรอบหรือกฎต่างๆ จะกลับเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง
เป็นการใช้พลังทั้ง 3 ส่วนควบคู่กันอย่างสมดุล
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะทำมันได้ เพราะอย่างที่บอกว่าประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่า เราจะเข้าและเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เกิดจากการเผชิญปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ ในชีวิตจริงได้ดีแค่ไหน หากเราทำมันได้ดี เราก็จะนำประสบการณ์เหล่านั้น หากแต่มันต้องเกิดจากการเรียนรู้ประสบการณ์อย่างลึกซึ้ง และเข้าใจมันอย่างถ่องแท้เสียก่อน เพราะการที่เราจะปลดปล่อยตัวเองจากข้อจำกัดเหล่านี้ได้นั้น หากเราไม่เข้าใจถึงความเป็นจริงของโลก เราก็จะทำอะไรไปแบบขาดความพอดี และไม่เกิดผลดีกับตัวเอง
พลังของดาวยูเรนัส จึงมาพร้อมๆ กับประสบการณ์ในการชีวิตของเราครับ เป็นพลังที่จะสังเคราะห์มุมมองของเราที่มีต่อโลกกว้างใบนี้ ให้แตกต่างออกไปจากโลกที่เราเคยรู้จัก
ความหมายของดาวยูเรนัส จึงหมายถึง ความเป็นอิสระ การปลดปล่อยจากพันธนาการ สิ่งที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบ ไม่เป็นแบบแผน ความไม่แน่นอน เกี่ยวกับกิจกรรมสันทนาการต่างๆ การท่องเที่ยวหรือการเรียนรู้ในเรื่องราวใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ความปัจจุบันทันด่วน การเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน แม้แต่เรื่องราวของวิทยาศาสตร์ หรือโหราศาสตร์ก็เป็นความหมายของดาวยูเรนัส เพราะมันหมายถึงศาสตร์ที่ไม่ยอมรับอยู่กับความคิดแบบเดิมๆ เป็นศาสตร์ที่พัฒนาและปรับปรุงสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นครับ
ขอบคุณที่มา : https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=myastro&group=2