เรียนจักรราศี

   การเรียนโหราศาสตร์  เป็นการเรียนรู้เรื่องของจักรวาล เพียงแต่เราย่อจักรวาลให้เล็กลงมาให้เหลือแค่แผ่นกลมๆเล็กๆ โดยแบ่งจักรวาลนี้ออกเป็น 12 ช่อง โดยกำหนด 12 ช่องนี้เป็น 12 เรือน โดยมีดาว10 ดวง และ ธาตุอีก 4 ธาตุ แล้วนำทั้ง 3 อย่างนี้แปลออกมาเป็นคำพยากรณ์ ก็เท่านั้น
 
   การเรียนหรือการศึกษาไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ใด สาขาไหน ล้วนจำเป็นจะต้องใช้ความรู้พื้นฐานด้วยกันทั้งสิ้น การศึกษาโหราศาสตร์ไทยก็เช่นเดียวกัน จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานทางโหราศาสตร์  โดยหลักๆที่ใช้ก็คือ .. 
   ราศี       
   ธาตุ ในโหราศาสตร์       
   ภพ/เรือน  
   ความหมายดาว  
   ต่ำแหน่งมาตราฐานดาว
และอื่น อีกมากมายฯ ที่จำเป็นในการออกคำพยากรณ์    

โดยการนำหลักข้างต้นคือ ไม่ว่าจะ ราศี  ราศีธาตุ  ต้น_กลาง_ปลายราศี ความหมายดาว ธาตุดาว  ความหมายภพ/เรือน  แล้วก็นำมาอ่านสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจจะลัคนา ตนุลัคน์ ตนุเศษ จะกุม เล็ง โยคหน้า โยคหลัง  อ่านแฝงเรือน แฝงดาว ต่ำแหน่งดาวมาตราฐาน หรือไม่ว่าจะกฎเกณฑ์ต่างๆ ก็จะออกคำพยากรณ์ ออกมาได้แม่นเหมาะพอดี   

โดยหลักๆจำเป็นก็ประมาณนี้นะ แต่ส่วนที่จะลงรายละเอียดได้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นกับความชำนาญของผู้พยากรณ์ ว่าจะแปลออกมาได้ละเอียดได้มากน้อยแค่ไหน                                             
   

ที่เวปบ้านคุณยายกลิ่นโสม ก็จะใช้หลักประมาณนี้ ซึ่งเพียงพอในการอ่านพื้นดวงฯ  ส่วนใคร ท่านใดจะใส่กฎเกณฑ์ประมาณไหน ก็ขึ้นกับความชำนาญของท่านๆนั้นนะ ส่วนยายอ่านดวง แปลดวงขอใช้ท่านนี้แร่ะ เอิ๊ก เอิ๊ก 
เอิ๊ก
 
อืมมมม ว่าแต่ว่า เราจะรู้ ราศี  ราศีธาตุ  ต้น กลาง ปลายราศี ความหมายดาว ธาตุดาว  ความหมายภพ/เรือน  แล้วก็นำมาอ่านสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจจะลัคนา ตนุลัคน์ ตนุเศษ จะกุม เล็ง โยคหน้า โยคหลัง อ่านแฝงเรือน แฝงดาว ต่ำแหน่งดาวมาตราฐาน ประมาณไหนล่ะ ยายพูดแบบนี้นะ ให้รู้ให้ละเอียด มากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะยิ่งเรารู้พื้นฐานยิ่งแน่น ยิ่งมาก ก็จะทำให้เราขยายความหมาย อ่านดวงได้ละเอียดมาก และมากขึ้น แล้วมากขึ้นนั่นเอง 
 
ระหว่างเขียนก็ไป..นึกถึงการฝึกยุทธของวัดเส้าหลิน ว่าจะเก่งได้ พื้นฐานต้องแน่น ต้องแกร่ง อ่านให้เกี่ยว ไม่รู้ว่าเกี่ยวไหม 55555
 

     
    จักรราศี   

   จักรราศีเป็นวงกลม ซึ่งถ่ายทอดความหมายจากวิถีการโคจรของโลกบนท้องฟ้า ลงมาเป็นแผ่นกระดาษ และได้แบ่งวงกลมออกเป็นส่วนๆ เป็น 12 ส่วน แต่ละส่วนเรียกว่าราศี และในแต่ละราศีจะมีชื่อกำหนดเรียกประจำจนครบ 12 ราศี โดยเริ่มตั้งต้น ที่ราศีเมษ พฤษภ เมถุน กรกฎ เวียนไปจนถึง ราศีมีน ตามรูป  ซึ่งจะเป็นชื่อเดือนในรอบปีพอดี ทั้งๆนี้และในเดือนนั้นๆ พระอาทิตย์(๑) จะโคจรเข้าประจำราศีตรงตามชื่อเดือน 

   จักรราศี มี 12 ราศี  มี 360 องศา ใน 1 ราศี มี 30 องศา จึงทำให้เกิดเป็นการแบ่งทิศ บอกขอบเขตของฤดูกาล ซึ่งใแต่ละราศีจะกำหนดการหนักเบาของเรื่องที่เกิด(ในการทำนาย) จักรราศีบอกถึงบุคคล สิ่งของ สถานที่ เหตุการณ์และอื่นๆ อีกมากมาย    

ยกตัวอย่างเช่น  ราศีเมษ หากเป็นคน ก็จะมีบุคคลิกคล่องแคล่ว ว่องไว 
                                 หากเป็นสถานที่  ก็จะเป็น ที่โล่งๆ    
                                 หากเป็นทิศ ก็จะเป็น ทิศตะวันออก 
                                 หากเป็นอวัยวะ  ก็จะเป็นศรีษะ เป็นต้น 

  

   ธาตุในโหราศาสตร์


อ้าวววว แล้วยังจะมีธาตุอะไรอีกล่ะยาย มีธาตุอะไรกันอีกกก  
ในโหราศาสตร์ไทยเราใช้กัน 4 ธาตุค่ะ นั่นก็คือ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุลม แล้วก้อธาตุน้ำ สงสัยไม๊คะว่าทำไมเราต้องใช้ธาตุด้วยล่ะ นั่นก็เพราะเราจะได้อ่านดวงกันได้ขยายมากขึ้น ละเอียดขึ้นไงคะ และการส่งผลแน่นอน รุนแรงหนักเบาอย่างไร

ยกตัวอย่างเช่นเจ้าชะตาลัคนาราศีสิงห์ มีอาทิตย์กุมลัคนา ก็เท่ากับได้ดาวอาทิตย์(๑)เป็นตนุลัคน์ และตนุเศษ 
อะไรกันอีกล่ะยาย ดันมีตนุลัคน์ ตนุเศษอะไรเข้ามาอีก 555 อย่าเพิ่งรีบขัดสิคะ 
ยายกำลังจะบอกว่า ตนุลัคน์ก็คือดาวแทนตัวเจ้าชะตาว่ามีรูปร่างยังไง บุคลิกลักษณะเป็นยังไง

ส่วนตนุเศษก็คือดาวจิตใจ คิดยังไง รู้สึกแบบไหนไงคะ มาเข้าเรื่องอาทิตย์ต่อกันดีกว่า 
อาทิตย์เป็นดาวธาตุไฟ ไฟเป็นยังไงคะ ไฟก็ให้ความร้อน ไฟให้พลังงาน ไฟให้แสงสว่าง ฉะนั้นมันก็จะทำให้รุ้ว่า คนๆนั้นเป็นคนดูกระตือรือร้น บุคคลิกจะดูนิ่งไหมคะ แน่นอนว่าไม่นิ่ง และดาวอาทิตย์(๑) ยังอยู่ราศีธาตุไฟ(ราศีสิงห์) อีก แน่นอนว่าเท่ากับย้ำเลยว่าคนๆนั้นต้องเป็นคนอยู่เฉยๆไม่เป็น มีเรื่องต้องทำตลอด ไม่มีงานก็ไม่ได้ต้องหาอะไรทำไปเรื่อยๆ ออย่างนั้นเป็นต้น 

แล้วยังอาทิตย์(๑) เป็นตนุเศษเข้าไปอีก ก็เท่ากับว่าเค้าคิดปุบ ต้องลงมือทำปับทันที นั่งรอๆๆเป็นนางสายบัว รอไหมคะ แน่นอนว่าไม่  เพราะเป็นคนรอไม่เป็น นี่คือที่ยายอ่านดวงเล่นๆ ประกอบว่าทำไมเราจึงต้องเรียนเรื่องธาตุเข้ามาประกอบการอ่านดวงฯด้วยไงคะ คงคิดนะคะว่า ยิ่งอ่านกันไปก็ยิ่งยากขึ้นเน๊อะ 
 
..แต่จริงๆแล้วไม่ยากส์หร๊อกค่ะ เพียงแต่เราต้องค่อยเพิ่ม ค่อยๆเติม ตามความหมายเข้าไปเท่านั้นเอง 
คนที่จะเรียน ก็อย่าเพิ่งด่วนท้อไปนะ ค่อยๆอ่านไปทีละนิด วันละนิด พอให้เพลินๆ พอสนุกได้ค่ะ 
 
   
    อกจากสิ่งที่ต้องรู้ข้างต้นแล้ว เราก็ต้องรู้ ความหมายดาว 
ในแต่ละดาว จะมี "
ความหมาย" ที่จะใช้ในการออกคำพยากรณ์
โดยหลักๆเราจะใช้ความหมายดาวแทน
 บุคคล สิ่งของ สถานที่ สถานการณ์ และอื่นๆอีกมากมาย
เช่น.. ดาวอาทิตย์ (๑)
 ดาวอาทิตย์(๑).. แทนคนก็เป็นพ่อไง ข้าราชการก็ได้ เจ้าของกิจการก็ได้ 
                         แทนสิ่งของล่ะก็หลอดไฟ อิเลคทรอนิค ไงคะ
                         แทนสถานที่ล่ะ ^^ อิอิ ก็สถานที่ราชการ โรงไฟฟ้า 
                         แทนเหตุการณ์ล่ะ ก็ได้รับเกรียติ การเลื่อนตำแหน่ง ฯ
                         และอื่นๆ ถ้าเป็นอารมณ์ล่ะก็อารมณ์ร้อน ใจร้อน ประมาณนี้
   
เห็นมั๊ยคะว่า เราใช้ดาว ๑ ดวงแทนอะไร ได้เยอะแยะมากมายเชียวล่ะ 

ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับดาวต่างๆ คงคิดแล้วล่ะ ว่าแล้วนี่ต้องใช้ดาวกันกี่ดวง อิอิ!! ไม่มากไม่มายหร๊อกค่ะ ก็แค่ 10 ดวง มีอาทิตย์(๑)  จันทร์(๒)  อังคาร(๓) พุธ(๔) พฤหัส(๕) ศุกร์(๖) เสาร์(๗) ราหู(๘) เกตุ(๙) มฤตยู(๐)  คิดว่าพอไหวนะ  น่าาา !! ยายว่าคุณๆ คงไหวกันอยู่แล้วล่ะ เน๊อะ!!  เอาล่ะพอเข้าใจแล้วนะว่าทำไมเราต้องรู้เรื่องดาว ว่าแต่ดาวอ่านเดียวอ่านดวงได้ไหม ตอบว่าอ่านได้จ๊ะ  อ่านได้ติ๊ดๆๆ หากเราต้องการอ่านขยาย เราก็ต้องรู้ว่าดาวนั้นๆ ธาตุอะไร
 
   ธาตุดาว
หากเราก็ต้องการลงลึก อ่านขยายเพิ่มขึ้น เราก็ต้องลงรายละเอียดเพิ่มขึ้นกันอีกนิดนึง นั่นก็คือ อาทิตย์(๑)  จันทร์(๒)  อังคาร(๓)  พุธ(๔)  พฤหัส(๕)  ศุกร์(๖)  เสาร์(๗)  ราหู(๘)  เกตุ(๙)  มฤตยู(๐) เป็นธาตุอะไร เช่น 
อาทิตย์(๑)เป็นธาตุไฟ ไฟเป็นอย่างไงนะ ไฟให้ความร้อนให้พลังงาน ก็จะหมายความว่าย่อมกระตือรือร้น ดูไม่นิ่งฯไง
จันทร์(๒) เป็นธาตุดิน จันทร์เป็นธาตุดิน ก็จะมั่นคง แต่จันทร์เป็นดินเหลว ย่อมมั่นคงเป็นไปมิได้ เนอะ 
อังคาร(๓) ล่ะ อังคารเป็นธาตุลม ลมย่อมไม่แน่นอน แปรปรวนง่าย นั่นแสดงว่า เอาแน่เอานอนไม่ได้ ว่าไหม
พุธ(๔) เป็นดาวธาตุน้ำ น้ำย่อมจะปรับตัวเข้ากับได้ทุกสภาวะ จะหมายถึง สามารถปรับตัวเข้ากันได้กับทุกสถานการณ์ 
พฤหัส(๕) เป็นดาวธาตุดิน ดินอย่างพฤหัสเป็นดินแข็ง นั่นก็แสดงถึงความมั่นคง ก้าวหน้าอย่างช้าๆ แต่มั่นคง
ศุกร์(๖)เป็นดาวธาตุน้ำ ศุกร์เป็นน้ำใสๆ แสดงสถานะถึง มองโลกแง่ดี ด้านบวกๆ
เสาร์(๗) เป็นดาวธาตุไฟ เสาร์เป็นไฟสุมขอน ไฟยังไงก็ต้องร้อนเนอะ นั่นจะหมายถึง มีกรุ่นของพลังงานตลอดเวลา  
ราหู(๘) เป็นดาวธาตุลม ราหูเป็นลมหมุน แน่นอนว่า ลมไม่แน่ไม่นอน มุนแบบนี้ก็เอาแต่ใจมากๆแน่เลย 
เกตุ(๙) เป็นดาวไม่มีเรือนจึง ไม่มีธาตุดาวตามทักษา
มฤตยู(๐) เป็นดาวไม่มีเรือนจึง ไม่มีธาตุดาวตามทักษา เหมือนกัน

พอเอาความหมายดาว แล้วอ่านขยายด้วยความหมายธาตุอีกที เราก็จะอ่านขยายได้เพิ่มมากขึ้นได้อีก ก็ทำให้เรารู้รายละเอียดมากขึ้นอีกนั่นเอง 

หากลงลึกเรื่องดาว เรื่องธาตุ จะอ่านดวงได้หรือยัง ก็น่าจะได้นะ แต่ยังลงรายละเอียดมากๆคงไม่ได้ เพราะนอกจากดาวแล้ว เรายังก็ต้องรู้เรื่อง ภพ/เรือน เพื่อจะอ่านได้ละเอียดมากขึ้นไปอีก 
 
   
             
ความหมายภพ/เรือน
 
แต่ว่าแต่ ทำไมเราต้องเรียนความหมายเรือนอีกล่ะ เราต้องเรียนความหมายเรือนก็เพราะว่าจะทำให้เราลงรายละเอียดในการแปลดาวได้ละเอียดมากขึ้นไปอีก แล้วจะทำให้เราสามารถแปลลงในความหมายได้ละเอียด และละเอียดมากขึ้นค่ะ

แล้วเรือนที่ว่านี่คืออะไร เรือนก็คือบ้าน ที่ตั้งของเจ้าของดาวดวงนั่นเอง แล้วเค้ามีกันกี่เรือนล่ะยายฯ อ๋อ!! เค้ามีกัน 12 เรือนนะ โดยเริ่มที่ ตนุ  กดุมภะ  สหัสชะ พันธุ ปุตตะ อริ  ปัตนิ  มรณะ ศุภะ กัมมะ  ลาภะ  แล้วก้อ วินาศน์ ครบ 12 เรือนพอดี ซึ่งในเรือนแต่ละเรือนก็จะมีความหมาย ของเรือนนั้นอยู่ 

     ตนุ ก็จะหมายถึง ตัวเจ้าชะตา ผิวพรรณ รูปร่าง บุคคลิก สิ่งแวดล้อม ฯ
     กดุมภะ ความหมายถึง เงิน รายได้ ฯ
     สหัสชะ ความหมายถึง เพื่อน สังคม น้องฯ
     พันธุ ความหมายถึง แม่ วงศาคณาญาติ บ้าน ฯ
     ปุตตะ ความหมายถึง บุตรหลาน บริวาร ฯ
     อริ ความหมายถึง อุปสรรค ปัญหา การแก้ไข ศัตรู ฯ
     ปัตนิ ความหมายถึง คนรัก คู่ครอง ศัตรู ฯ
     มรณะ ความหมายถึง ตาย จากไป เจ็บป่วย ฯ
     ศุภะ ความหมายถึง ความสำเร็จ คนช่วยเหลือ การศึกษาต่อ ฯ
     กัมมะ ความหมายถึง การงาน อาชีพ ความรับผิดชอบ ฯ
     ลาภะ ความหมายถึง โชคลาภ ลาภลอย ฯเราก็ใช้
     แล้วก้อ  วินาศนะ  ความหมายถึง ปกปิด กระทันหัน ลึกลับ ฯ
 
    ซึ่งเราก็จะแปลออกมาหลักๆเหมือนกันคือ ภพ/เรือนก็จะใช้แทน คน สิ่งของ สถานที่ เหตุการณ์ 
    ยกตัวอย่างเรือนสหัสชะ
เราใช้สหัสชะก็จะใช้แทน แทนคน  ก็จะหมายถึง เพื่อน น้อง  ฯ                              
                                           แทนสิ่งของล่ะ  ก็คือ รถยนตร์ ก็ได้
                                   แทนสถานที่ล่ะ ก็จะเป็นที่ที่เราไปประชุม สัมนา มิตติ้ง อะไรทำนองนี้
                                   แทนเหตุการณ์ล่ะ ก็จะเป็นเรากำลังเม้าส์ กำลังคุย
                                   และอื่นๆ แทนความรู้สึกก้อเป็น ความรุ้สึกแบบเพื่อน   เป็นต้น

  พออ่านได้มากขึ้น สมมุติว่ามีดาวอะไรจากเรือนไหนเข้าไปอยู่ในเรือนสหัสชะ เช่นมีดาวจากเจ้าเรือนอริ เข้ามาอยู่ในเรือนสหัสชะ นั่นก็หมายความว่า เพื่อนคนๆนี้อาจจะเป็นคนไม่ดี หรือเป็นคนที่มีปัญหาเข้ามามีปัญหากับเจ้าชะตา ก็ได้เช่นกัน
ฉะนั้นนี่คือสาเหตุที่เราต้องรุ้เรื่องความหมายเรือนไงคะ

  โอ๊ะๆ ยายเริ่มดูยากแล้วนะ ไม่หร๊อกค่ะ ยายคิดดูแล้วว่าเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน สามารถอ่านดวง ดูดวงได้ สบายๆอยู่แล้วล่ะค่ะ เพียงแต่เราต้องค่อยๆเพิ่มๆเข้าไปทีละอย่าง ทีละความหมายไง อย่ารีบใส่ทุกอย่างลงไปพร้อมกัน อ่านแล้วจะงงๆ 
แต่ยังไม่จบนะ ถ้าจะบอกว่าในการอ่านเราใส่ธาตุไปด้วย เราก็จะอ่านได้ ละเอียดมากขึ้น มากขึ้นไปอีกนั่นเอง
 
 ยายจะค่อยๆเพิ่มรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เข้ามาผสม นานๆไปก็อ่านดวงกันได้สบายยยยยยย ให้ยายอ่านดววง ยายก็เขียนกันไปเรื่อยๆ เอิ๊ก เอิ๊ก  
 
 นี่ขนาดว่า ยายcopyของครูบาอาจารย์มานะ ยังเหนื่อยขนาดนี่เลย เขียนเองล่ะก้อ 55555 
 
    ในเวลาที่เราออกคำพยากรณ์ เราจะใช้ตามหลักการข้างต้น แล้วเราจะค่อยๆเพิ่ม การสัมพันธ์ของเรือน การสัมพันธ์ดาว กุม โยค เล็ง ต่ำแหน่งดาวมาตราฐาน ทิศ เพศ ฯ เพื่ออ่านขยายเรื่องราว ของเดวงชะตานั้นเข้าไป และอื่นๆ ฉะนั้นขอทุกๆท่าน ค่อยๆอ่าน ค่อยๆทำความเข้าใจ ยายเชื่อว่าทุกท่านจะสามารถที่จะคำพยากรณ์ได้แม่นยำแน่นอน 
 
ส่วนใหญ่เนื้อหาในเวปนี้ จะอ้างอิงถึงตำราขออาจารย์อรุญ ลำเพ็ญ (หมอเถาวัย์) เป็นหลัก 
ฉะนั้นใครอ่านที่หน้าเวปฯแล้วไม่เข้าใจ ก็หาอ่านเพิ่มเติมที่ .. 
 " หนังสือบทเรียนทางไปรษณีย์ ของ อาจารย์อรุญ ลำเพ็ญ" นะจ๊ะ
 
                        
 ขอบคุณที่มา : บทเรียนทางไปรษณีย์ ของ อาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ (หมอเถา)วัลย์

 
#By_คุณยายกลิ่นโสม 102100
 #อ่านดวงไทยสบายสบายตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
 #ฟรี!!เรียนดูดวงฟรี!!เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรีที่บ้านคุณยายกลิ่นโสมนะคะ
 #โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม ได้ที่ #htthttp://www.baankhunyai.com 
 ----------------------------------
  สนใจดูดวงติดต่อ: baankunyai  102100450
          
Visitors: 201,379