ดาวเจ้าฤกษ์

     ดาวเจ้าฤกษ์  โดย..  ประทีป อัครา
(บรรยายที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ ๑๕ มินาคม ๒๕๑๒)

   เรื่องฤกษ์นั้นเป็นเรื่องที่รู้จักกันดีโดยทั่วไป เพราะเป็นหลักเกณฑ์ที่มีบทบาทอยู่ในธุรกิจและประจำวันของคนเราอยู่มากนับตั้งแต่เกิดมาทีเดียว โดยเฉพาะในสถานที่อันเป็นสถาบันโหรแห่งนี้ เชื่อได้ว่ามีผู้รู้เรื่องฤกษ์ชั้นดีอยู่ไม่น้อย และคงมีอยู่หลายท่านที่มาฟังจะเป็นผู้มีความรอบรู้ในเรื่องดีกว่าผู้บรรยายเสียด้วยซ้ำไป

   อย่างไรก็ตาม โดยที่วิชาโหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่มีความละเอียดลึกซึ้งงและชับซ้อนอยู่มากและเป็นศาสตร์ที่เรียนกันไม่รู้จบ จึงมีเงื่อนแง่ให้คิดให้ค้นและให้ติดตามอยู่เสมอ

   เรื่อง"ดาวฤกษ์" นี้ก็เป็นเงื่อนแง่ประการหนึ่ง "ฤกษ์" ซึ่งยังไม่สู้เป็นที่รู้กันแพร่หลายนัก จึงหวังไว้ว่าผมจะไม่ทำให้เวลาของบรรดาท่านที่กรุณาให้เกรียติมาฟังเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เสียทีเดียว

   ก่อนที่จะกล่าวถึง "ดาวเจ้าฤกษ์" ผมใคร่จะกล่าวถึงความหมายของฤกษ์ในคัมภีร์นี้เสียก่อน เพราะมีความแตกต่างกับที่ปรากฎในหนังสือตำราทั่วๆ ไปอยู่บ้างดังนี้

        ความหมายของฤกษ์ ๙ หมวด
   ทฤทโธ    หมายถึง  ขอ  ติดต่อ เจรจา
   มหัทธโน      "        เงิน ผลประโยชน์ ทรัพย์สิน 
   โจโร           "        แข่งขัน ชิงชัย ภยันตรายอันมนุษย์เป็นผู้ก่อ
   ภูมิปาโล      "        การสร้างสรรให้ถาวร การปกครอง การสร้างบ้าน สร้างเมือง
   เทสาตรี       "        เดินทาง โยกย้าย
   เทวี            "        นางพญา หญิงสูงสักดิ์
   เพชรฆาต    "         อุบัติการแห่งธรรมชาติ ภยันตรายอันเทพยดาฟ้าดินเป็นผู้บันดาล
   ราชา          "        พระราชา  ชายสูงศักดิ์
   สมโณ        "        ความสงบ ความสุขอย่างมีสันติ

   ท่านอาจจะแปลกไม่คุ้นกับความหมายเหล่านี้มาก่อน และอาจจะสงสยว่า"ทฤทโธ" ทำไมไม่แปลว่า "ขอทาน" หรือทำไมจึงใช้คำว่า "เพชรฆาต" ไม่ใช้ว่า "เพบรราด" เหมือนกับตำราอื่นๆเขา ข้อนี้รับรองว่าไม่ได้เกิดเพราะความอุตริวิตถารของผมโดยไป"แผลง" หรือ "แปลง"ตำราแต่อย่างใตเลย ได้ถ่ายทอดมาตาม "คัมภีร์ดาวเจ้าฤกษ์" ทุกประการ

   การที่ตำราส่วนมากใช้คำว่า "เพชรฆาต" แทนที่จะใช้คำว่า "เพชรฆาต" นั้นสันนิษฐานว่า ในสมัยก่อนนั้นการศึกษาวิชามักจะศึกษาจากปากจากคำของครูกันเป็นพื้น เมื่อจะจดจะบันทึกก็ต้องจดตามคำบอก คำว่า "เพชรฆาด" สั่งไม่ออกเสียงตัว "ร" เช่นเดียวกับคำว่า "เพชรบุรี จึงถูกจดกันเป็น "เพฌชฆาต" ไปเพราะเป็นคำที่คุ้นหูกันมากกว่า "เพชรฆาต" ซึ่งรู้และใช้กันนเฉพาะในวงการโหร ทั้งนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผมที่นำมาเสนอสู่กันฟัง ส่วนท่านจะวินิจฉัยเลือกใช้คำใดก็สุดแต่อัธยาศัย

   อาจารย์ผู้กรุณาสอนวิชา "ดาวเจ้าฤกษ์" นี้ให้ ได้อธิบายให้พ้งว่า
ความหมายของฤกษ์ทุกฤกษ์ในคัมภีร์นี้ได้กล่าวไว้เป็นกลาง ๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่เอนเอียงไปในทางใดทางหนึ่ง จะชั่วก็ตามหรือดีก็ตาม ขึ้นอยู่ที่ฤกษ์นั้นให้โทษหรือให้คุณเป็นสำคัญ

   เพื่อให้ท่านเข้าใจความหมายของฤกษ์ทั้ง ๙ หมวดนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผมขอถ่ายทอดคำอธิบายของอาจารย์มาบรรยายให้ฟังดังนี้

        ทฤทโธ   
    ถ้าให้คุณ จะทำให้ประสบผลดีในการติดต่อเจรจา, หรือการทุต และถ้าเป็นฤกษ์ กำเนิดให้คุณ จะทำให้เจ้าชะดาเบ็นผู้มีความโอบอ้อมอารี  มีความเสียสละสูง ใจกว้าง ถ้าขอก็จะขออย่างมีเกิยรติคือขอให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว และมักจะเบ็น "ผู้ถูกขอ" มากกว่าจะเป็น "ผู้ขอ"
   ถ้าให้โทษ จะทำให้เป็นคนใจแคบ  เอารัดเอาเปรียบเพื่อนเห็นแก่ได้และเป็น "คนขี้ขอ" อย่างปราศจากความละอาย  ผู้หญิงที่ถือกำเนิดเกิดมาใต้ฤกษ์'" ทฤทโธให้โทษ" มักจะเป็นคนที่เพื่อนบ้านเอือมระอาในความเป็นคนขี้ขอของเธอ ขอพริก  ขอกระเทียม ฯลฯ จิปาถะ นี่เองเป็นเหตุให้ฤกษ์ทฤทโธ ถูกแปลว่า"คนขอทาน" เพราะผู้บันทึกตำราเผอิญไปพบทฤทโธประเภทให้โทษเข้า

       มหัทธโน
   ถ้าให้คุณ จะทำให้เกิดผลประโยชน์ อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง
   ถ้าให้โทษ จะทำให้เกิดความอัตคัตขาดแคลน - และร้อนเงินอยู่ตลอดเวลา

 

โจโร
ถ้าให้คุณ จะทำให้เป็นทหาร ตำรวจที่มีเกียรติบระวัติตีเด่น เป็นนักกีฬามีชื่อ
ถ้าให้โทษ ม้กจะถูกโจรภัย ถูกปล้น ถูกขโมย. ถูกทำร้าย

ภูมิปาโล
ถ้าให้คุณ จะได้ครอบครองทรัพย์สินถาวร  สามารถสร้างหลักฐานได้สำเร็จ
ถ้าให้โทษ มักจะเดือดร้อนเรื่องที่ดินที่อยู่ มีแล้วก็มักจะต้องเอาไปจำนำจำนอง เกิดการพิพาทเป็นถ้อยความกันต้วยเรื่องดังกล่าว

เทศาตรี
ถ้าให้คุณ จะทำให้ใด้ประโยชน์จากผู้สัญจร จากคนต่างถิ่นต่างแดนต่างชาติ ทำให้มีโอกาสได้เดินทางไกลไปยังที่เจริญเช่นต่างบระเทศ
ถ้าให้โทษ จะทำให้ต้องพลัดถิ่นพลัดฐาน อยุ่ไม่เป็นที่ ได้รับความเดือดร้อนจากคนต่างถิ่น

เทวี
ถ้าให้คุณ จะทำให้ชีวิดก้าวหน้ารุ่งเรื่องเป็นหญิงสูงศักดิ์ หรือได้รับความอุปการะเกื้อกูลจากผู้หญิงสูงศักดิ์
ถ้าให้โทษ จะทำให้เจ้าชะตาที่เป็นหญิงเกิดความเหิมเห่อทะเยอทะยานใฝ่สูงเกินศักดิ์ ชายที่เกิตภายใต้ "ฤกษ์เทวีให้โทษ"เป็นผู้ก่อให้เกิดโคลงสุภาษิตว่า" อย่ามุ่งเด็ดดอกฟ้ามาถนอม  สูงนักมักจะตรอม อกไข้" และมักจะได้รับโทษจากผู้สูงศักดิ์
 
เพชรฆาต
ถ้าให้คุณ จะทำให้เบ็นผู้แคล้วคลาดจากพิบัติภัยต่าง ๆ
ถ้าให้โทษ มักจะต้องประสบภัยพิบัติต่าง ๆ เช่นไฟไหม้  ฟ้าผ่า พลัดตกกหกล้ม รถชนกัน เรือล่ม เครื่องบินตกเป็นต้น

ราชา
ถ้าให้คุณ จะได้สังคมกับชายผู้สูงศักดิ์ หรือไต้รับความอุปการะเกื้อกุลจากชายสูงศักดิ์ หญิงที่เกิดใน "ราชาฤกา์ให้คุณ" จะได้สามีที่เป็นชายสูงศักดิ์
ถ้าให้โทษ มักจะต้องราชภัย ผู้ใหญ่เป็นศัตรู หญิงที่เกิดใน"ราชาฤกษ์ให้โทษ" มักจะตกเป็นเครื่องเล่นของรายผู้มีอำนาจหรือสูงศักติ อย่างดีก็จะได้เป็นอนุหรือเมียเก็บ

สมโณ
ถ้าให้คุณ ชีวิตจะร่มรื่นด้วยความสุขสงบ  ไม่โลภโมโทสัน
ถ้าให้โทษ นักจะเป็นผู้มีจิตใจฟุ้งสร่านวุ่นวาย หาความสงบระงับมิใคร่ให้ "คันภีร์ดาวเจ้าฤกษ์" นี้หลักเกณฑ์ทั้งภาคให้ฤกษ์และภาคพยากรณ์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นคัมภีร์ตันสิร์ที่สมบูรณ์แบบได้ทีเดียว

    ในภาคพยากรณ์นั้น อาศัยความหมายของฤกษ์ที่ชันษาจรผ่านเข้าไปถึงเป็นจุดพยากรณ์ เช่นเมื่อชันษาจรผ่านเข้าอาณาเขตของฤกษ์ เทศาตรี จะทำให้เจ้าชะตาต้องโยกย้ายหรือต้องเดินทาง แล้วแต่ลักษณะดวงดาวในชะตากำเนิดของแต่ละคน สมมุติว่าเจ้าชะตากำลังจะเปลี่ยนงานจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่ง ก็สามารถะบอกได้ว้าเมื่อเปลี่ยนไปแล้วจะดีขึ้นหรือเลวลง โดยดูว่าฤกษ์ "เทศาตรี" นั้นให้คุณหรือให้โทษ

   ถ้าเปลี่ยนงานในขณะที่ชันษาโคจรผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ "เทศาตรีให้คุณ" ก็แสดงถึงว่าเจ้าชะตาจะประสบความสำเร็จในการย้ายหรือเปลี่ยนงานนั้นสมความคาดหมาย คือจะไปไว้ตำแหน่ง หรือหน้าที่ๆ ดีกว่าเก่าจะเจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต

   ถ้าชันษาโคจรผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ "เทศาตรีให้โทษ" ก็แสดงถึงว่าเจ้าชะตาจะประสบความผิดหวังงาการเปลี่ยนหรือย้ายงานนั้น คือไปได้ตำแหน่งที่ด้อยกว่าเก่า หรือไปแล้วเกิดขัดแย้งกับคนที่อยู่เก่า ถูกกลั่นแกล้งบีบคั้นให้คับอกคับใจจนในที่สุดต้องออกแบบเพลงเดี๋ยวตกม้าตาย เป็นต้น

   เนื่องจากเวลาในวันนี้มีจำกัด จึงจะขอนำแต่เฉพาะ "ภาคการให้ฤกษ์" มากล่าวก่อนโดยจะนำเอาหลักเกณฑ์มาบรรยายให้ทราบตามลำดับ ดังนี้
๑.หลักการให้ฤกษ์ ท่านกำหนดจุดสำคัญไว้ ๒ จุด คือให้ถือ
จันทร์เป็นฤกษ์ฟ้า  ลัคนาเป็นฤกษ์ดิน
   ด้วยเหตุผลที่ว่า ความสำเร็จในความมุ่งหวังตั้งใจของมนุษย์นั้น มิใช่ว่าปรารถนาอะไรแล้วก็จะได้รับความสำเร็จสมใจเพียงชั่วหาเวลาให้ลัคนาสถิตในฤกษ์และราศีๆเท่านั้น การจะสำเร็จสมดังปรารถนาหรือไม่ขึ้นอยู่กับ " ฟ้าปราณี" มากทีเดียว ท่านจึงกำหนดให้ถือพระจันทร์ เป็นหลักประกอบด้วย เพราะพระจันทร์มีคติโคจรอันแน่นอนปราศจากอคติ, มนุษย์จะไปเร่งให้โคจรเร็วหรือหน่วงให้โคจรช้าตามใจตนไม่ได้

   อย่างไรก็ตาม ใคร่ขอเรียนให้ทราบว่า หลักการให้ฤกษ์ดังกล่าวนี้ กล่าวเฉพาะของ "คัมภีร์ดาวเจ้าฤกษ์" เท่านั้น ส่วนการให้ฤกษ์ที่สมบูรณ์จริง ๆ ยังมีหลักเกณฑ์อีกมากมายหลายประการ เช่นที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดนำจุฬาโลกได้รงสอดแทรกไว้ในพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ตอนพระพรตให้โหรหาฤกษ์บราชาภิเษกพระราม ดังนี้
บัดนั้น                                 ขุนโหรผู้มียศถา
ก้มเกล้ารับราชบัญชา                    จับกระดานชนวนมาทันที
แล้วตั้งศักราชลงสองฐาน               บวกลบคูณหารตามที่
ขับไล่ใส่สอบทุกคัมภีร์                  โดยศรีชันษาพยากรณ์
แล้วเอาชะตาเมืองเข้ามาเปรียบ       เทียบกับชะตาพระทรงศร
ทั้งองค์อัฐเคราะห์โคจร                 ถาวรสถิตเป็นมิตรกัน
เห็นพร้อมแล้วกราบบาทบงสุ์          ทูลลองค์พระพรครังสรรค์
ว่าข้างขึ้นสามค่ำวันจันทร์              สิบหกชั้นฤกษ์สี่ดีนัก
จะทำการราชาพิเษก                    ถึงที่เอกองค์พระยาจักร์
มีแต่จำาเริญศิริลักษณ์                  เป็นหลักโลกาธาตรี

     พิจารณาความตามพระราชนิพนธ์บทนี้จะเห็นได้ว่า การให้ฤกษ์นั้นนอกจากจะให้ได้ฤกษ์ ดีและให้พระเคราะห์ต่างๆ อยู่ในตำแหน่งดีและสัมพันธ์ ดีต่อกันแล้ว ยังต้องให้สัมพันธ์ดีกับดวงชะตาของผู้ประกอบฤกษ์อีกด้วย และคำว่า "ข้างขึ้นสามค่ำวันจันทร์" นั้นก็เป็นวัน "ราชาโซค"
เหมาะ "จะทำการราชาภิเษก" และ "สิบหกชั้นฤกษ์สี่ดีนัก" ก็ได้แก่เวลาที่เป็นฤกษ์ที่สื่ คือ "ฤกษ์ภูมิปาโล" เหมาะแก่การจะเบ็นผู้รักษาแผ่นดิน ปกครองบ้านเมืองอีกด้วย
 
    กล่าวเฉพาะ "หลักการให้ฤกษ์" ตาม "คัมภีร์ดาวเจ้าฤกษ์" ให้ฤกษ์จะต้องทำความเข้าใจกับความประสงค์ของผู้ต้องการประกอบฤกษ์ให้ถ่องแท้เสียก่อน เพื่อจะได้กำหนดหมวดฤกษ์ให้ถูกว่า จะให้จันทร์เสวยฤกษ์อะไร และลัคนาเสวยฤกษ์อะไร รวมกันแล้วให้ได้ความหมายตรงกับจุดประสงค์ของการประกอบฤกษ์

    ตัวอย่างเช่นการเปิดโรงแรมกับเปิดร้านตัดผมตัดเสื้อสตรี ถ้าพิจารณาโดยผิวเผินจะเห็นว่าเหมือนกันเพราะต้องการผลประโยชน์จากลูกค้าด้วยกัน แต่ถ้าพิจารณาโดยละเอียดแล้ว องค์ประกอบของฤกษ์ทั้งสองนี้แตกต่างกันมากที่เดียว
 
     กิจการของโรงแรมนั้นต้องการผลประโยชน์จากลูกค้าจร จากคนเดินทาง นักท่องเที่ยว โดยไม่จำากัดชาติ  วัน หรือเพศ จึงควรเลือกฤกษ์มหัทธโนหมวดหนึ่ง และฤกษ์เทศาตรีอีกหมวดหนึ่งสำหรับให้ลัคนาและจันทร์แยกกันครอง
 
ส่วนกิจการร้านตัดผมตัดเสื้อสตรีนั้น ย่อมหวังที่จะได้ลูกค้านประจำมากกว่า และจำกัดว่าจะต้องเป็นลูกค้าที่เป็นเพศหญิง ยิ่งมีฐานะและมีเกียรติ์มีหน้ามีตาเท่าไรก็ยิ่งเบ็นผลดีแก่กิจการ มากขึ้นเท่านั้น ฤกษ์สำหรับลัคนาและจันทร์จะครองในการประถอบกิจการนี้จึงควรเป็นฤกษ์เทวี
หมวดหนึ่งและฤกษ์มหัทธโนอีกหมวดหนึ่ง เป็นต้น

     ๒.การให้คุณและการให้โทษของฤกษ์ จะพิจารณาได้จากตำแหน่งของ "ดาวเจ้าฤกษ์" เบ็นหลักและพิจารณา "ดาวเจ้าบาทฤกษ์" ประกอบ
ฤกษ์ทั้ง ๙  หมวดนั้น แต่ละหมวดมีอยู่ ๓ หมู่ฤกษ์ ดังนี้
 
     "ดาวเจ้าฤกษ์" ตลอดทั้งชื่อและกลุ่มดาวฤกษ์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มีอยู่ในไม้บรรทัดเลื่อนสำหรับหาลันาและหาฤกษ์ฯลฯ แบบสารพัดประโยชน์ที่ผมได้ค้นคิดประดิษฐ์ขึ้น ซึ่งจะนำออกเผยแพร่ในเร็วๆนี้ เชื่อว่าจะอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ท่านที่สนใจในเรื่อง "ดาวเจ้าฤกษ์" นี้ได้เป็นอย่างมาก

     การที่บูรพาจารย์ท่านจัดให้แต่ละหมวดฤกษ์มีถึง ๑หมู่ ก็เพื่อให้สามารถเลือกฤกษ์ที่ดาวเจ้าฤกษ์สัมพันธ์ดีคือให้คุณกับเจ้าชะดาได้
     เช่นดวงกำเนิดของเจ้าชะตาที่มีดาวพฤหัสเบ็นอริ ศุกร์เป็นสุภะ อังคารเป็นถฎุมภะ ก็ควรจะหลีกเลี่ยงฤกษ์มหัทธโนหมู่ที่๓ ซึ่งมีดาวพฤหัสเป็นเจ้าฤกษ์ ควรใช้ฤกษ์มหัทธโนหมู่ที่๑ หรือที่๒ ซึ่งดาวศุกร์และดาวอังคารเป็นเจ้าฤกษ์ ดังนี้เป็นต้น

      ๓. องค์ประกอบของฤกษ์ ในแต่ละฤกษ์นั้นท่านแบ่งออกเป็น ๔ บาทฤกษ์โดยมีพระเคราะห์ครองทุกฤกษ์ ดาวพระเคราะห์ที่ครองบาทฤกษ์ซึ่งเรียกว่า "ดาวเจ้าบาทฤกษ์" นี้ประกอบที่สำคัญของฤกษ์ โดยใช้กฎ "พระเคราะห์คู่" เป็นหลัก

      ถ้าฤกษ์นั้นมีจุดประสงค์ในการติดต่อ หรือหวังผลในการผูกมิตรหรือการเจรจาอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้หาช่วงเวลาที่บาทฤกษ์ครองด้วยพระเคราะห์ที่เป็นคู่มิตรกับดาวเจ้าฤกษ์ เว้นแต่ดาวพระเคราะห์เจ้าบาทฤกษ์นั้นให้โทษ

      ถ้าฤกษ์นั้นมีจุดประสงค์ในการสร้างสรรเพื่อความมั่นคงถาวรหรือเพื่อความเป็นหลักฐานปึกแผ่น ให้หาช่วงเวลาที่บาทฤกษ์ครองด้วยพระเคราะห์ที่เป็นธาตุกับดาวเจ้าฤกษ์เว้นแต่ดาวเจ้าบาทฤกษ์นั้นให้โทษ

      ถ้าฤกษ์นั้นมีจุดประสงค์ในเรื่องต้องใช้ไหวพริบหรือกำลังหรือความสมารถ ให้หาช่วงเวลาที่บาทฤกษ์ครองด้วยพระเคราะห์ที่เป็นคู่สมพลกับดาวเจ้าฤกษ์เว้นแต่ดาวพระเคราะห์เจ้าบาทฤกษ์นั้นให้โทษ
 
อนึ่งได้สังเกตุเห็นว่ายังมีความเข้าใจหลักประกอบฤกษ์พื้นๆ คลาดเคลื่อนกันอยู่มาก จึงขอนำมากล่าวเป็นการเพิ่มเติมไว้อีกเล็กน้อย ดังนี้
หลักกาลโยค ท่านว่ามีที่มาจาก "คัมภิร์พิชัยสงคราม"
วัน "อธิบดี" นั้นเป็นวันดีสำหรับมอบอาญาสิทธิ์แก่แม่ทัพ
วัน "ธงชัย" นั้นเป็นวันดีสำหรับมอบหรือเจิมธงชัยเฉลิมพลหรือธงประจำทัพ
หลักเกณฑ์นี้พอจะสรุปได้ว่า
วัน "อธิบดี" ดีสำหรับคน. หรือสิ่งที่มีชีวิต
วัน "ธงชัย" ดีสำหรับของ หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิต
ตัวอย่างการใช้วันกาลโยคในเรื่องบ้านที่อยู่
วันปลูกบ้านคือวันยกเสาเอกควรใช้เฉพาะวัน "ธงชัย" เพราะเป็นสิ่งไม่มีชีวิต
วันขึ้นบ้านใหม่ควรจะใช้เฉพาะวัน "อธิบดี" เพราะเป็นเรื่องคนอันเป็นสิ่งมีชีวิต
 
เท่าที่ปรากฏใช้ๆ กันเห็นสับสนกันไปหมด เช่นวันปลูกบ้านไบใช้วัน "อธิบดี" แต่พอเจ้าของบ้านจะขึ้นบ้านใหม่กลับใช้วัน "ธงชัย" ดังนี้เป็นต้น

วันดี ๕ ประการคือวัน อมฤตโซค สิทธิโชค มหาสิทธิโซล ชัยโชค และ ราชาโชค มักจะใช้กัน โดยไม่เข้าใจความหมายว่าวันไหนควรจะใช้ในความประสงค์อะไรเพราะหนังสือตำรา ไม่มีกล่าวแนะนำไว้เลย จึงขอนำคำแนะนำจากครูบาอาจารย์ซึ่งผมเผชิญได้มากล่าวไว้ดังนี้
วันอมฤตโชค  ใช้สำหรับหาโชคจร
วันสิทธิโชค    ใช้สำหรับประกอบกิจการที่เป็นโครงการระยะสั้นหรืองานเล็ก ๆ
วันมหาสทธิโชค ใช้สำหรับประกอบกิจการที่เป็นโครงการณ์ระยะยาวหรืองานใหญ่
วันชัยโชค ใช้สำหรับการแข่งชัน ชิงชัย
วันราชาโชค ใช้สำหรับไปหาผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือ
ขอยุติการบรรยายเพียงเท่านี้  หวังว่าเรืองที่ได้นำมาบรรยายในวันนี้คงจะให้ประโยชน์แก่ท่านบ้างไม่มากก็น้อย.-สวัสติ
 
       By_คุณยายกลิ่นโสม 100
         ---------------------
  สนใจดูดวงติดต่อ: baankunyai 102 100450
     
Visitors: 216,743