ดวงองค์เกณฑ์-ได้เป็นพระยา

     ดวงองค์เกณฑ์ - ได้เป็นพระยา โดย ประทีป อัครา
ในการอภิปรายบปํญหาโหราศาสตร์เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๒
      ได้มีผู้ถามบัญหาข้อหนึ่งว่า  ตำราได้ยกย่องดวงชาตาที่ได้องค์เกณฑ์เอาไว้มาก ว่าจะรุ่งเรืองมียศถาบรรดาศักดิ์ปรากฎว่าถึงชั้น "ยศนั้นถึงพระยา" หรือ "ยศนั้นนาพัน" แต่ตามความเป็นจริงนั้น ปรากฎว่ากรรมกรและผู้ที่อยู่ในฐานะแร้นเค้นต้องทำงานหนัก ๆ ไม่เคยร่ำรวยหรือมียสถาบรรดาศักดิ์เลยตลอดชีวิต ก็มีดวงชาตาได้องค์เกณฑ์อยู่เป็นจำนวนมาก ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะตำราผิดหรือเพราะอะไร?

     เผอิญผมเคยได้รับความเมตตาจากอาจารย์ผู้หนึ่งช่วยแนะนำ "หลักในการพิจารณาดวงองค์เกณฑ์" ให้มาบ้าง จึงได้นำมาเล่าสู่กันฟังในวันอภิปรายนั้น

      โดยที่เห็นว่าเป็นปัญหาน่าสนใจที่นักศึกษาอีกหลายท่าน อาจจะสงสัยและอาจจะอยากทราบเช่นเดียวกัน จึงได้นำมาลงไว้ในที่นี้อีก เผื่อจะเป็นประโยชน์ในการค้นคว้าให้กว้างขวางต่อไป.

     เมื่อตอนได้ใกล้ชิดกับอาจารย์ที่กล่าวถึงนี้ ผมรู้สึกสนใจที่ท่านมักชอบย้ำเรื่องยศและตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าชาตาเสมอ เช่น "ดวงนี้พันเอกแล้วนี่"หรือ "ดวงนี้คุณหญิงแล้วนี่"เป็นต้น และสังเกตุเห็นว่าการย้ำของท่านมักจะไม่ค่อยผิด ผมได้เคยถามว่า "อาจารย์ใช้หลักอะไรทายเรื่องนี้  "ท่านบอกว่า "ก็หลักองค์เกณฑ์อย่างไรเล่าคุณ"

     เมื่อผมแย้งว่า "มีดวงองค์เกณฑ์มาให้อาจารย์ดูตั้งหลายดวง ไม่เห็นอาจารย์ทายว่าเป็นนายพัน นายพล หรือคุณหญิง คุณนายเลย แถมบางดวงอาจารย์ยังทายว่าชีวิตของเขาค่อยข้างจะแย่เสียด้วยซ้ำไป"

     ท่านก็ว่า "ดวงพวกนั้นมัน องค์เกณฑ์ไม่จริง" 
อันหลักพยากรณ์ต่าง ๆ นั้นมักจะประกอบด้วยข้อมูลและข้อแม้บลิกย่อยมากมาย การจะกล่าวถึงหลักใด ๆ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ในหน้ากระดาษอันจำกัดในครั้งเดียวคราวเดียวย่อมจะทำไม่ได้ จึงจำต้องนำมากล่าวเฉพาะข้อใหญ่ ๆ อันเป็นหลักสำคัญก่อน

ถ้าท่านอ่านตำราโหราศาสตร์ด้วยความพินิจพิเคราะห์ ท่านจะเห็นว่าหลักพยากรณ์ที่ถือ"ประเภทของราศี" เป็นหลักนั้นมีอยู่ด้วยกันถึง ๓ ประการ คือ ๑.องค์เกณฑ์  ๒. อุดมเกณฑ์  ๓.ฆาต
      หลักพยากรณ์ทั้ง ๓ ประการนี้เป็นกระบวนหรือชุดเดียวกัน ซึ่งจะต้องใช้รวมกัน แต่โดยที่ตำรามีได้ให้คำอธิบายไว้โดยละเอียด ประกอบกับที่ปรากฏบันทึกในตำราก็อยู่คนละแห่ง คนละที่ หลักเกณฑ์ชุดนี้จึงถูกแยกออกจากกัน เหมือนกับร่างกายของราหูที่ถูกจักร์ขาดออกจากกันไปคนละทิศละทาง โดยเฉพาะหลัก "ฆาต" ด้วยแล้วเกือบจะกล่าวได้ว่าไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการพยากรณ์ดวงกำเนิดเลย มักจะใช้กันแต่ในการพยากรณ์จรหรือการพยากรณ์แบบกาลจักร์เท่านั้น

     หลัก "องค์เกณฑ์" นั้นนักโหราศาสตร์ส่วนมากทราบกันดีอยู่แล้ว จึงจะไม่นำมากล่าวให้เบ็นการช้าซากในที่นี้อีก เพื่อไม่ให้เป็นการเปลืองหน้ากระดาษ

หลัก "อุดมเกณฑ์" ในตำรามีบันทึกไว้ว่า
ผิว์ลัคนาสถิตราศีปัศวะ ถ้าอาทิตย์ก็ดี จันทร์ก็ดี อังคารก็ดี  และศุกร์ก็ดี อยู่ในเรือนที่๖ หรือที่๑๐ ท่านว่าดวงชาตานั้นได้ "อุดมเกณฑ์"
ผิว์ลัคนาสถิตราศิอำพุ ถ้าอังคารก็ดี พฤหัสก็ดี  เสาร์ก็ดี หรือราหูก็ดี อยู่ในเรือนที่๔ ที่๕ หรือที่๙ ท่านว่าดวงชาตานั้นได้ "อุดมเกณฑ์"
ผิว์ลัคนาสถิตราศีนระ ถ้าพุธก็ดี พฤหัสก็ดี ศุกร์ก็ดี หรือเสาร์ก็ดี อยู่ในเรือนที่๑ ที่๓ ที่๔ ที่๗ หรือที่๑๑ ท่านว่าดวงชาตานั้นได้ "อุดมเกณฑ์"
ผิว์ลัคนาสถิตราศีกีฎะ ถ้าอังคารก็ดี หรือราหูก็ดี อยู่ในเรือนที่ ๑ ที่ ๘ ที่๙ หรือที่๑๒ ท่านว่าดวงชาตานั้นได้ "อุดมเกณฑ์"

     ดวงชะตาใดได้ "อุดมเกณฑ์" จะอุดมด้วยอำนาจวาสนามิรู้จักเข็ญใจเลย แม้ลูกไพร่ก็จะให้เป็นนาย 
ท่านที่ต้องการหลัก " อุดมเกณฑ์" ที่เป็นคำกลอนเพื่อจำง่าย(ดูได้จากพยากรณสารฉบับประจำเดือน มีนาคม ๒๕๑๒)
หลัก "ฆาตประจำราศี" ในตำราบันทึกไว้ว่า
ปัศวะ-ชีโว (ลัคนาสถิตราศีปัศวะ คือราศีเมษ พฤษภ และสิงห์ พฤหัสเป็นฆาต)
อาพุ -กุมโม (ลัคนาสถิตราศีอำพุ คือราศีกรกฎ มังกร และมีน อังคารเป็นฆาต)
นระ-โสโร (ลัคนาสถิตราศ๊นระ คือราศีมิถุน กันย์ ตุลย์ ธนู และกุมภ์ เสาร์เป็นฆาต)
กิฏะ- อสุรินโท (ลัคนาสถิตราศีกฏะ คือราศีพิจิก ราหูเป็นฆาต)

หลักทั้ง ๓ ประการนั้นท่านเปรียบความสำคัญไว้ว่า
องค์เกณฑ์ เปรียบได้กับ โครงร่าง
อุดมเกณฑ์       "          ส่วนประกอบอันทำให้เกิดความสมบูรณ์
ฆาด               "          พลังงาน
 
     ดวงชาตาใดถ้าเข้าหลัก "องค์เกณฑ์" แล้ว จะต้องตรวจดูหลักอีก ๒ ประการประกอบด้วยเสมอ เพราะเป็นดวงที่ท่านอุปมาว่าเป็นรถยนต์ประเภทที่มิความเร็วสูง ถ้าส่วนประกอบเช่นล้อหรือยางไม่ดี คือขาด "อุดมเกณฑ์"ก็ถือว่าเป็นดวงที่จะต้องระมัดระวังในเรื่องการพลาดพลั้งเป็นพิเศษกว่าธรรมดา
 
     "ดวงองค์เกณฑ์" ที่จะส่งผลให้เจ้าชาตาประสบความสำเร็จรุ่งเรืองนั้น จะต้องเป็นดวงองค์เกณฑ์ที่สมบูรณ์ คือมี "อุดมเกณฑ์" และมี "ดาวฆาต" ที่อยู่ในตำแหน่งได้องค์เกณฑ์ หรืออุดมเกณฑ์ด้วย

      ดาวที่จะเป็น "อุดมเกณฑ์" แก่ล้คนานั้น จะต้องอยู่ในอิกราศีหนึ่งต่างหากจากราศีที่เป็น "องค์เกณฑ์" จะถือดาวในราศีที่เป็นองค์เกณฑ์แล้วมาเป็นอุดมเกณฑ์ซ้ำอีกไม่ได้

     ข้ออนุโลม องค์เกณฑ์กับอุดมเกณฑ์ ซึ่งท่านบังคับดาวไว้เป็นการเฉพาะว่าราศีไหน ดาวอะไรเป็นองค์เกณฑ์หรืออุดมเกณฑ์นั้น มีข้ออนุโลมไว้ว่า ถ้าหลักใดหลักหนึ่งได้เกณฑ์ตามกฎบังคับแล้ว ให้ถืออีกหลักหนึ่งเป็นเกณฑ์ได้หากมีดาวอยู่ในราศีบังคับแม้ว่าดาวนั้นจะไม่ใช่ดาวตามกฎบังคับก็ตาม

ตัวอย่างเช่น. ลัคนาสถิตราศีเมษ มีดาวพฤหัสหรือจันทร์หรืออังคารหรืออาทิตย์ซึ่งเป็นดาวบังคับตวงใดดรงหนึ่งอยู่ในเรือนที่๑๐ แล้ว ถ้าในภพที่๖  มีดาวดวงใดดวงหนึ่งอยู่ในเรือนที่๖ ถึงแม้จะไม่ใช่ดาวตามกฎบังคับก็ตาม ก็ให้ถือว่าเป็น " อุดมเกณฑ์" ใด้โดยอนุโลม

      หรือ-ดวงชาตาที่ลัคนาสถิตราศีกรกฎ มีดาวที่ไม่ตรงตามกฎบังคับอยู่ในเรือนที่๔  อันเป็นภพองค์เกณฑ์ เช่นมีอาทิตย์หรืออังคารหรือเสาร์หรือราหูเป็นต้นอยู่ในราศีตุลย์ ถ้าในดวงนั้นมีราหูหรืออังคารหรือพฤหัสหรือเสาร์อันเป็นดาวบังคับของอุดมเกณฑ์ดวงใดดวงหนึ่งสถิตอยู่ในเรือนที่๕ เรือนที่๙ ก็ให้ถือว่าดวงนั้นเป็น "องค์เกณฑ์" ได้โดยอนุโลม

     หลักพยากรณ์องค์เกณฑ์อันเน้นหนักในเรื่องยศถาบรรถาศักดิ์นี้ ท่านว่าบรูพาจารย์ได้อาศัยดวงชาตาของเหล่ารุนศึกขุนพลและนักรบผู้ประสบชัยชนะจากสมรภูมิในสมัยโบราณมาเป็นเกณฑ์ของตำราเพราะฉะนั้นลีลาชีวิตเจ้าชาตาผู้เบ็นเจ้าของดวงองค์เกณฑ์ จึงไม่ค่อยจะต่างไปจากลีลาชีวิตของนักรบเท่าใดนัก คือต้องต่อสู้แข่งขันชิงชัยต้องมิภาระรับผิตชอบต่อผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ผู้หญิงถ้าดวงชาตาได้องค์เกณฑ์แล้ว เธอผู้นั้นมักจะมีชีวิตแบบแม่ทัพมากกว่าแม่บ้าน ให้มั่งมีศรีสุขเพียงไรก็อยู่เฉยๆ นั่งกินนอนกินไม่ได้ ต้องคิดนี่ทำโน่นอยู่ร่ำไป ไม่มีอะไรไปวิ่งเต้นเป็นนายหน้าก็เอาดี

     ดวงชาตาที่ได้เกณฑ์บังคับครบถ้วนทั้ง ๓ ประการ เกือบจะไม่มีปัญหาในเรื่องชีวิตจะประสบความรุ่งโรจน์และราบรื่น. แต่ดวงชาตาที่ได้เกณฑ์แบบอนุโลมแม้จะรุ่งโรจน์ก็ไม่สู้จะราบรื่นนัก ส่วนดวงชาตาที่ได้แก่องค์เกณฑ์อย่างเดียวที่เรียกว่าองค์เกณฑ์โทน มีโอกาสรุ่งได้เท่าๆกับโอกาสร่วงเพราะเป็นดวงที่มีลักษณะเทียบกับรถที่ล้อหรือยางไม่ค่อยจะดีนักดังที่กล่าวข้างต้น ดวงองค์เกณฑ์โทนจึงเป็นดวงที่ก่อนข้างจะมีชีวิดเสี่ยงอันตรายที่ต้องอาศัยความรอบคอบและความไม่ประมาทมากเป็นพิเศษ


     เพื่อให้ท่านเข้าใจหลักเกณฑ์ที่อธิบายมานี้โดยชัดเจน จึงขอนำดวงตัวอย่างมาแสดงให้เห็นดังนี้
   

พิจารณาตามหลักโดยลำดับ ดังนี้
๑. เป็นดวงได้องค์เกณฑ์ตามกฎบังคับที่ว่า
นระสุริยะเรือง            รังสี
โสระชีวะมี                ถูกต้อง
สามองค์เทพโสภี       กุมลัคน์ 
ดวงซาตาใดดั่งพร้อง  ยศนั้นนาพัน
๒.เป็นดวงที่ไม่ได้อุดมเกณฑ์ เพราะไม่มีดาวสถิตในเรือนที่๓ ที่๔ ที่๗  หรือ ที่๑๑
๓.พระเสาร์ดาวฆาตประจำลัคนาราศีนระสถิตในราศีนระราศีกุมภ์ ไม่ได้องค์เกณฑ์ หรืออุดมเกณฑ์เลย



พิจารณาตามหลักโดยลำดับ ดังนี้
๑.เป็นดวงไต้องค์เกณฑ์ ตามกฎบังคับที่ว่า
อำพุจตุรแจ้ง                สี่สถาน 
พุธศุกร์ชีวะวาร             ส่งสร้อย
            จันทร์ องค์ประไพพาฬ   รุจิเรก
คุณย่อมแสดงใช่น้อย     ยศนั้นถึงพระยา

๒. เป็นดวงได้อุดมเกณฑ์ตามกฎบังคับที่ว่า
ลัคน์อำพุ ราศี มีราหุู              อังคารครู และเสาร์ เนาให้เห็น
ในเรือนสี่ เก้าห้า- ท่านว่าเป็น  อุดมเกณฑ์- ตามที่จัด บัญญัติมา
 
๓. อังคารดาวฆาตประจำราศีได้องค์เกณฑ์ตามกฎบังคับที่ว่า
นระสุริยะเรื้อง         รังสี
โสระชีวะมี             ถูกต้อง
สามองค์เทพโสภี    กุมลัคน์
ดวงชาตไดดังพร้อง  ยศนั้นนาพัน
คือดาวอังคารอันเป็นดาวฆาตสถิตในนระราศี จึงถืออังคารเสมือนลัคน์ มีอาทิตย์กุมจจึงได้องค์เกณฑ์ตามกฎบังคับ

     ดวงนี้เป็น "ดวงองค์เกณฑ์" สมบูรณ์แบบตามกฎบังคับครบถ้วนทั้ง ๓ ประการ เพราะเหตุนี้จึงเป็นที่ประจักษ์กันว่า ชีวิตของท่านผู้นี้รุ่งโรจน์และสูงส่งขนาดไหน
 
เจ้าของดวงชาตานี้เป็นรัฐบุรุษคนสำคัญท่านหนึ่งรองไทย ผู้ที่ชนะใจประชาชนอยู่ตลอดกาล แม้ตัวท่านจะล่วงลับไปแล้ว ความเป็นเคารพเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อท่านก็ยังหาได้เสื่อมคลายไม่ ท่านผู้นี้คือ นายควง อภัยวงศ์

พิจารณาตามหลักโดยลำดับดังนี้
๑.เป็นดวงได้องค์เกณฑ์ตามกฎบังคับที่ว่า
ปัศวะทศะต้อง          องค์เกณฑ์
ชีวะจันทร์กุมเมนทร์   ผ่องแผ้ว
อีกองค์สุริเยนทร์       ทรงยศ
สี่สถานเลิศแล้ว        ยศนั้นถึงพระยา

๒. เป็นดวงได้อุดมเกณฑ์โดยอนุโลม คือมีดาวอยู่ในเรือนที่๖ แต่ไม่ใช่ดาวตามกฎบังคับ
 
๓. พฤหัสซึ่งเป็นคาวฆาดประจำราศีบัศวะ สถิดอยู่ในอำพราคื มิอังคารตามกฎบังคับของอุดมเกณฑ์ที่ว่า
                 ลัคน์อำพุ ราศี มีราหู            อังคารครู และเสาร์ เนาให้เห็น
                 ในเรือนสี่ เก้าห้าท่านว่าเป็น   อุดมเกณฑ์ ดามที่จัด บัญญัติมา 
 

      ดวงชะตานี้เป็นดวงได้องค์เกณฑ์และฆตดสมบูรณ์ตามกฎ แต่ได้อุดมเกณฑ์โดยอนุโลม จึงเป็นที่ทราบกันว่า ชีวิตของท่านผู้นี้รุ่งโรจน์โดดเด่น แต่เบ็นไปในสภาพใจสู้ คือรถที่มีแชสซีดี มีเครื่องยนต์ที่กำลังดี แต่ตัวถังที่นั่งที่พิงไม่สู้จะเรียบร้อยสมบูรณ์ทำให้นั่งได้ไม่ค่อยสบายนัก

     ที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้เบ็นหลักพิจารณาว่า "ดวงองค์เกณฑ์"เช่นไรที่พอจะเชื่อได้ว่าจะส่งผสให้เจ้าราคาประสบความรุ่งเรื่องและถาวรสมดังที่ดำรากล่าวไว้ ไม่ได้หมายความดวงชาตาที่ได้องค์เกณฑ์เท่านั้นจึงจะมียศถาบรรดาศักดิ์รุ่งเรืองได้ เพราะดวงที่ไม่มีองค์เกณฑ์หรืออุดมเกณฑ์เลยก็เป็นใหญ่โตได้ เพียงแต่ใช้หลักในการพิจารณาต่างกันออกไปเท่านั้น

      ตำราโหราศาสตร์ส่วนมากนั้น มุ่งในการให้ "ความรู้" กันอย่างกว้างขวางและละเอียดพิสดาร เหมือนกับการพยายามสร้างกองทหารประกอบด้วยกำลังพลมากมายเต็มอัตราไว้ให้ แต่ลืมให้หลักแบ่งชั้นไว้ว่า คนไหนเป็นนายพัน นายร้อย นายสิบหรือพลทหาร เลยไม่รู้ว่าใครสำคัญกว่าใคร ใครจะบังคับบัญชาใคร

     ข้อเปรียบเทียบนี้จะเห็นได้จากนักศึกษาด้วยตนเองจากตำราส่วนมาก แม้จะมีความรู้ความเข้าใจตำราเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ก็ยังอดพรั่นพรึงและลังเลในการพยากรณ์ไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่ากฎเกณฑ์พยากรณ์ที่มีอยู่มากมายนั้นอะไรสำคัญกว่าอะไรและควรจะใช้กฎข้อไหนก่อนหรือหลัง หรือข้อไหนควรใช้หรือไม่ควรใช้ในที่เช่นไร

     แต่การหา "หลัก" นั้นทำได้ยากกว่าการหา "ความรู้" เพราะเป็นสิ่งตกหล่นอยู่นอกตำรา และต้องใช้เวลาในการไปศึกษากับผู้รู้เป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่สามารถจะทำได้ทุกคน การเสนอบทความเกี่ยวกับหลักวิชาที่ดูเสมือน "แผลงตำารา" หรือ "นอกครู" ของผม เท่าที่ทำมา ก็ด้วยเจตนาที่จะอำนวยความสะดวกแก่นักศึกษาและผู้สนใจเพื่อให้ได้ทราบ "หลัก" ที่จะยึดถือในการพยากรณ์ได้ดังกล่าวข้างต้น และตั้งใจว่านำมาเสนอต่อไปเรื่อยๆ เท่าที่โอกาสและหน้ากระดาษจะอำนวย 

      By_คุณยายกลิ่นโสม 100
         ---------------------
  สนใจดูดวงติดต่อ: baankunyai 102 100450
     
Visitors: 216,743