พระเคราะห์สองเรือน
พระเคราะห์สองเรือน
วิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาที่ละเอิยดประณีตประกอบด้วยกฎเกณฑ์และหลักเกณฑ์อันตร์พิศตารมากมาย ความรอบคอบและความอดทนจึงเป็นส่วนประกอบอันสำคัญยิ่งประการหนึ่งในการที่จะศึกษาวิชานี้ให้ได้ผล
จากประวัติศาสตร์และพงศาวดารเก่า ๆ ที่พอจะค้นคว้าได้ ทำให้เรารู้ ว่าวิชาโหราศาสตร์ ไทยได้เคยรุ่งเรื่องเข้าขั้นที่เรียกได้ว่าเป็น "สัจจสูตร์" มาครั้งหนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่าพวกเรานักศึกษาโหราศาสตร์รุ่นหลังๆ นี้บุญน้อย จึงมิอันเป็นให้ถูกข้าศึกเผาผลาญทำลายตำรับตำรา อันเป็นผลงานของบรรพบุรุษบุรพโหราจารย์ไทยของเราไปเสียสิ้น แม้ว่าจะไม่สูญเสียทีเดียว ก็กระจัดกระจายไปอยู่ที่นั่นบ้างนี่บ้างแห่งละเล็กละน้อยมิได้ครบถ้วนสมบูรณ์
ผู้เฒ่าผู้แก่ในวงการโหรเคยให้ข้อคิดไว้ว่า วิชาโหราศาสตร์นี้เบ็นวิชาอาถรรพณ์จะไม่มิวันสูญไปจากโลกนี้ โดยเฉพาะวิชาโหราศาสตร์ไทย จะไม่มีวันสูญไปจากชาติไทย เพียงว่าวิชานี้มิสภาวธรรมที่ไม่ผิดกับสังขารที่ไม่เที่ยงและไม่จิรัง เมื่อมิการอุบัตี้ขึ้นก็มิดับไปเป็นของธรรมดา เมื่อใกล้จะถึงคราวแตกดับก็มิเหตุการณ์มาบันดาลให้ครูบาอาจารย์อบรมบ่มสอนศิษย์ให้รับทอดวิชาการนี้ไว้ ในสมอง และความจดจำต่อไปคนละมากบ้างน้อยบ้าง แม้ว่าจะกระจัดกระจายไม่รวมกันอยู่ แต่ก็เป็นที่เชื่อได้ว่าวิชานี้จะยังมีการสืบทอดกันไว้โดยครบถ้วน
เมื่อบ้านเมืองกลับเข้าสู่สภาพปรกติสุขจึงเป็นหน้าที่ของนักศึกษาที่จะต้องใช้ความอดทน และความรอบคอบเสาะแสวงหาตำรับตำราและครูบาอาจารย์เพื่อว่าวิชาการ์ที่กระจัดกระจายกันไปจะได้ มาอยู่รวมกันโดยสมบูรณ์ อิกครั้งหนึ่งของมั่นไม่แน่ในอนาคตอันไม่ไกลข้างหน้าใครจะรู้ อาจจะมีไโหรที่สามารถพยากรณ์แบบถวายหัว พยากรณ์ฟ้าผ่าไฟไหม้ และพยากรณ์ของในขั้นครอบได้แม่นยำกว่าตาเห็นเหมือนกับที่โหรบูรพาจารเคยทำเกิดขึ้นอีก เรื่องนี้มันอาจจะยาวนานจนไม่รู้ว่าอีกเมื่อไร หรืออาจจะในอนาคตอันใกล้ ๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรเหมือนกันที่จะเป็นไปได้ แต่สำหรับปัจจุบันท่านๆ ผมๆนี้เรามาช่วยกันคนละไม้คนละมื้อค้นคว้ารวบรวมกฎเกณฑ์และหลักเกณฑ์ ที่มันกระจัดกระจายเอามาไว้ ด้วยกันดีกว่า
เมื่อได้รับความร่วมมือกันมากๆ เข้าอนาคตที่เราหวังกันว่าวิชานี้จะรวมตัวกันเข้าโดยสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งก็คงจะอีกไม่ไกลนัก
การพยากรณ์ในทางโหราศาสตร์ไม่ว่าจะไทยหรือเทศ นิรายนะหรือสายนะแม่บทที่สำคัญในการพยากรณ์ก็คือพระเคราะห์เจ้าเรือน หรือ พระเคราะห์เกษตร
ดาวพระเคราะห์ทั้งหลายนอกจาก อาทิตย์ และจันทร์ แล้วท่านจะเห็นว่ามีเรือนครองอยู่สองเรือนทุกดวง คือ อังคาร ครองราศีเมษเรือนหนึ่ง ราศีพิจิกอีกเรือนหนึ่ง
พุธ ครองราศี เมถุนเรือนหนึ่ง ราศีกันย์อีกเรือนหนึ่ง
พฤหัส ครองราศีธนูเรือนหนึ่ง ราศีมีนอีกเรือนหนึ่ง
ศุกร์ ครองราศีพฤษภเรือนหนึ่ง ราศิตุลย์อีกเรือนหนึ่ง
เสาร์ ครองราศีมังกรเรือนหนึ่ง ราศีกุมภ์อีกเรือนหนึ่ง
เมื่อผูกดวงวางลัคนาเสร็จแล้ว จึงเกิดเป็นปัญหาว่า เมื่อจะเอาดาวพระเคราะห์นั้นขึ้นมาพยากรณ์ จะเอาความหมายของเรือนไหนมา ตัวอย่างเช่นลัคนาสถิตราศีเมษ พฤหัสสถิตราศีตุลย์ภพปัตนิ ภพปัตนิเป็นภพคู่ครอง พฤหัสเป็นเกษตร์ในราศีมีนเรือนวินาศน์หนึ่ง เป็นเกษตรในราศีธนูเรือนศุภะอีกหนึ่ง รวมเป็น 2 เรือนด้วยกัน ตามความหมายของเรือนก็จะเป็นดีหนึ่ง ขั้วหนึ่ง ถ้าหากเราไม่มีกฎเกณฑ์ ที่จะกำหนดลงไป ให้เป็นการแน่นอนว่าควรจะเอาความหมายของเรือนไหนมาพยากรณ์ ก็เห็นทิจะต้องใช้พยากรณ์หมดทั้งสองเรือนคือ ดาวพฤหัสที่สถิตอยู่ที่ภพบัตนิของดวงชะดานั้น.แสดงถึงเจ้าชะดาจะได้คู่ครองที่เป็นคนดี จะอยู่กินด้วยกันราบรื่นมีความสุขและความเจริญ เพราะว่าดาวพฤหัสนั้นเป็นเจ้าเรือนศุภะของดวงชะตา แต่ทว่าเนื่องจากดาวพฤหัสนั้นเป็นเจ้าเรือนวินาศน์ด้วย บางครั้งคู่ครองอาจจะก่อความยุ่งยากให้หรืออาจจะนำความเดือดร้อนเสียหายมาให้แก่เจ้าชะตาได้
สรุปแล้ว คู่ครองของเจ้าชะตานั้นบางครั้งก็ดี บางครั้งก็ไม่ดี แบบนนี้ต่ำแหน่งหมอดุแม่นๆ คงจะไม่พ้นมือแน่


พระเคราะห์ : เรือนที่ครองราศีที่เป็นเพศชายคือ
ศุกร์ ราศีตุลย์
ศุกร์ ราศีตุลย์

จากการแยกและนี้ ท่านจะเห็นว่า พระเคราะห์ ที่ถูกต้องตรงกันทั้งหลักเกณฑ์ ทางราศีเพศเละราศีเวลามีอยู่เพียง พระเคราะห์คือพฤหัสและศุกร์ ส่วนพระเคราะห์อีก ๓ ดวงคือ อังคาร พุธ และเสาร์แย้งกันในหลักเกณฑ์ทั้ง ๒ นั้น ซึ่งในกรณีที่ตกลงกันไม่ได้ นี้แหล่ะที่จำเป็นจะต้องใช้จุดสถิตของลัคนาเป็นเครื่องชี้ขาด
ในราศีตุลย์ภพอริ มีพระเคราะห์ ๒ เรือนสถิตอยู่ ๑ ดวงคือดาวพุธ ดาวพุธนั้นมีน้ำหนักแห่งความหมายว่ากดุมภะ พอจะรวมเข้าเป็นความหมายว่า เจ้าชะดาจะต้องได้รับความยุ่งยากเดือดร้อนและเกิดศัตรูขึ้น(ความหมายของภพอริ) ด้วยสเหตุอันเนื่องมาจากเงิน (พุธเป็นเจ้าภพกดุมภะ)
ในราศีธนูภพมรณะมิพระเคราะห์ ๒ เรือนสถิตอยู่ ๑ เรือน คือดาวพระศุกร์ ดาวพระศุกร์ซึ่งแปลว่าศัตรู ความขัดข้องเดือดร้อนเมื่ออ่านรวมเข้ากับความหมายของภพแล้ว จะเป็นใจความว่าศัตรูและความเดือดร้อนของเจ้าชะตานั้น (ความหมายของดาวพระศุกร์เจ้าภพอริ) จะสูญสิ้นไปในที่สุด(ความหมายภพมรณะ)
ในราศีมังกรภพศุภะมีพระเคราะห์ ๒ เรือนสถิตอยู่ดวงหนึ่งคือดาวพระอังคาร ภพศุภะนั้นมิความหมายว่าบ้านอยู่ที่อาศัย ความสงบ ความสุข ดาวพระอังคารมิน้ำหนักแห่งความหมายว่าวินาศน์ ซึ่งแปลว่าทำลาย ความผิดหวัง ความสะเทือนใจ รวมเป็นความหมายว่า ความผิดหวังหรือความสะเทือนใจที่เจ้าชะตาจะได้รับนั้น (ความหมายของดาวพระอังคารเจ้าภพวินาศน์) จะเกิดขึ้นจากภายในบ้านของเจ้าชะตานั้นเอง (ความหมายของภพศุภะ)
เท่าที่ได้เแสดงวิธีขยายความหมายของพระเคราะห์ ๒ เรือนมานี้ เพียงเพื่อให้เห็นเป็นแนวทางเพียงสังเขป เมื่อเข้าใจโดยถ่องแท้แล้ว การที่จะขยายความหมายให้ละเอิยดพิศดาร ออกไปอิกก็ย่อมจะไม่เป็นการยาก
ยกตัวอย่างเช่นเราจะขยายความหมายของดาวพระอังคารให้มิความหมายกว้างขวางออกไป ก็ด้วยวิธิพลิกแพลงเอาภพอื่นเข้ามาผสมเข้าไปอีก คือ
ภรรยาของเจ้าชะตา(อังคารเป็นเจ้าภพปัตนิ) จะมีส่วนเป็นสาเหตุนำความผิดหวังสะเทือนใจ (อังคารมิน้ำหนักแห่งความหมายของภพวินาศน์) เข้ามาสู่ภายในบ้าน (อังคารสถิตภพสุภะ) เรื่องราวมันเกี่ยวๆ พันๆ ไปถึงญาติๆ (เสาร์เจ้าเรือนที่อังคารสถิตอยู่ในภพพันธุ) ดังนี้เป็นต้น
วิธีการอ่าน ความหมาย ของดาวพระเคราะห์ ในดวงชะตาที่ผมนำมาเสนอนี้ เป็นเพียงแบบแผนพื้นๆ ทั่วไป ครูบาอาจารย์ที่ ท่านเชี่ยวขาญชำนาญมาก ท่านก็สามารถแจกแจงความหมายให้วิจิตร์ พิสดารออกไปได้อีกมาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของท่านที่สนใจจะไปขวนขวายเก็บเกี่ยวความรู้จากครูบาอาจาร์ย์ดีๆ เอาเอง.




