พระเสาร์(๗)
ดาวพระเสาร์ โดย อาจารย์ ส. แสงตะวัน
วิชาโหรศาสตร์ไทยภาคพยากรณ์ เรามักจะใช้ดวงfาวเล่นกันอยู่ ๑๐ ดวงด้วยกัน คือเริ่มตั้งแต่ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์จนถึงดาวมฤตยูเป็นดาวสุดท้าย เนื่องจากดาวเหล่านี้ มีระยะสัมพันธ์ที่ใกล้เรามาก มีการปรุงแต่งกระแสธาตุอันเป็นมวลสาร ที่ทำให้โลกได้ สร้างสรรพสิ่งที่เราเรียกกันว่าธรรมชาตินั่นเอง
วิชาโหรศาสตร์ไทยภาคพยากรณ์ เรามักจะใช้ดวงfาวเล่นกันอยู่ ๑๐ ดวงด้วยกัน คือเริ่มตั้งแต่ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์จนถึงดาวมฤตยูเป็นดาวสุดท้าย เนื่องจากดาวเหล่านี้ มีระยะสัมพันธ์ที่ใกล้เรามาก มีการปรุงแต่งกระแสธาตุอันเป็นมวลสาร ที่ทำให้โลกได้ สร้างสรรพสิ่งที่เราเรียกกันว่าธรรมชาตินั่นเอง
ส่วนดาวอื่นที่อยู่ห่างไกลกับโลกมากเกินไป เรามักจะไม่ค่อยนำมาล่นกัน เพราะถือกันว่ามีพลังแสงที่ทรงอิทธิพลต่อโลกน้อยมาก อีกประการหนึ่งดวงดาวที่เราใช้กันอยู่นี้ ได้มีการค้นคว้าหาข้อมูลในทางพยากรณ์กันมานับเบ็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว จึงเบื่นที่เชื่อถือได้โดยไม่ต้องสงสัย ดาวทุกคงย่อมมีพลังแสงที่จะบันดาลให้มวลสารของโลก ได้บังเกิดเป็นอะไรก็ได้ และดาวทุกดวงจะทรงอิทธิพลแก่กล้าได้จะต้องได้รับพลังแสงจากอาทิตย์เสียก่อน เพราะดาวอาทิตย์เป็นคลังแสงและเบ็นผู้นำของดาวอื่น
อันที่จริงโหรไทยทางภาคพยากรณ์ เขาถือว่าดาวบริวารของอาทิตย์ทุกดวงย่อมได้รับแสงจากอาทิตย์อยู่เสมอ ส่วนที่จะได้รับมากอยู่เพียงใดนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่่ง ซึ่งจะต้องศึกษากันไปเรื่อยๆ
ดาวพระเสาร์ก็เป็นดาวบริวารดวงหนึ่งของอาทิตย์และมีความสำคัญต่อโลก ประดุจเพื่อนตายกันทีเดียว เพราะโลกคงรูปสัณฐานอยู่ได้ด้วยอิทธิพลของพระเสาร์ ถ้าดาวพระสาร์เกิดวิปริตแปรปรวนขึ้นเมื่อใดเมื่อนั้นโลกก็จะวิปริตแปรปรวนไปด้วย หรือถ้าหากดาวพระเสาร์เกิดระเบิดแตกแยกเป็นเถ้าธุลี โลกก็จะหายวับไปกับตา โดยไม่มีโลกนี้อีกต่อไป
ก่อนอื่นผู้เขียนใคร่จะขอกล่าวถึงปฏิทินโหรที่ไช้กันอยู่ทั่วไป มีคัมภีร์สุริยาตร์ของไทยเรา ที่ได้มีการคำนวณขึ้นใช้จนถึงปัจจุบันนี้ร่วมพันปีมาแล้ว และในระยะต่อมาได้มีกลุ่มดาราศาสตร์สมัยใหม่เกิดขึ้น มีบางท่านให้ความเห็นว่า ระบบสุริยาตรของไทยได้กลายเป็นการคลาดเคลื่อนมากมาย สมควรที่จะเลิกใช้ได้แล้ว
ผู้เขียนศึกษาโหราศาสตร์ฝ่ายพยากรณ์ และศึกษาไหราศาสตร์ไทยโบราณ มิได้ศึกษาทางดาราศาสตร์ จึงไม่ขอออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น และผู้เขียนเองก็ได้ทดสอบการเล่น จากระบบปฏิทินต่างๆ และพยายามสังเกตุทุก ๕ นาทีนับเบ็นเวลานาน กลับเห็นว่า ปฏิทินระบบโหรศาสตร์ไทยเรายังรักษามาตรฐานได้ดีอยู่ จึงไม่มีข้อสงสัยอันใดอีก ทั้งนี้เนื่องจากครูบาอาจารย์รุ่นเก่าท่านเคยกล่าวอยู่เสมอว่า ถ้าจะเอาเก่งในทางพยากรณ์กันแล้ว ให้เรียนโหรภาคพยากรณ์ไห้ชำนาญเสียก่อน แล้วจึงค่อยไปเรียนดาราศาสตร์ขั้นต่อไป แต่ถ้าหากไปเรียนดาราศาสตร์ก่อน แล้วจึงค่อยมาเรียนโหราศาสตร์ จะทำให้มีปํญหายุ่งยากเกิดขึ้น ในที่สุดก็จะเหลวทั้งโหราศาสตร์กับดาราศาสตร์ เพราะดาราศาสตร์ ในระบบวิทยาศาตร์นั้น มองจากโลกออกไปหาดวงดาวในจักรวาล

ส่วนดาราศาสตร์ในระบบสุริยาตร์ทางโหราศาสตร์นั้น คือการมองจากดวงดาวเข้ามาหาโลก ด้วยการอาศัยการตำนวณค้นหาข้อมูลที่ใกล้เคียงที่สุด จนถือเป็นแบบฉบับอันเป็นสัจจสูตรดังที่ใช้กันอยู่ การมองมุมกลับ ย่อมจะต้องผ่านชั้นบรรยากาศของโลก และย่อมจะต้องบังเกิดมุมหักเห มุมเฉียง หรือมุมเอียงอยู่เสมอ จริงอยู่ทีวิชาศาสตร์กับดาราศาสตร์จะต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่ ก็เป็นเรื่องของคนละมุมกลับนั้นเอง ฉะนั้นวิชาโหราศาสตร์แท้ๆ นั้น บัจจุบันยังคงหลืออยู่ที่ประเทศไทยเราเท่านั้น ซึ่งเป็นแบบฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก
วันนี้ผู้เขียนใคร่อยากจะสนทนาปราศรัยกันถึงเรื่องดาวพระเสาร์จร ซึ่งนักศึกษารุ่นใหม่กำลังเป็นที่สนใจกันอยู่ทั่วไป และในขณะนี้ดาวพระเสาร์ได้โคจรเข้าสู่ราศีตุล อันเป็นเรือนตำแหน่งมหาอุตม์ของพระสาร์หรือที่เรียกกันทั่วๆ ไปในวงการโหรว่า เสาร์จรเข้าเรือนอุตม์ คำว่อุตหรืออุตม์ หมายถึงตีเลิศ สูงสุดบริบูรณ์ และในวงการโหรเขาถือ ว่าดาวอะไรก็ตาม ถ้าจรเข้าตำแหน่งมหาอุตม์หรืออุตม์ ดาวดวงนั้นจะเพิ่มกำลังในตัวแรงขึ้นอีก หรืออย่างน้อยก็เพิ่มพลังขึ้นอีก ๓ เท่าตัวขึ้นไป แต่จะให้คุณหรือให้โทษมากน้อยเพียงใดนั้น ต้องแล้วแต่จุดลัคนาของเจ้าตาเป็นสำคัญ เช่นตาวอุตม์อยู่ในตำแหน่ง อริ มรณะ และวินาส ต้องถือเสื่อมเสียอย่างแรง คือเสื่อมเสียเพิ่มขึ้นเป็น ๓ เท่าเช่นกัน แต่ต้องเป็นอุตม์แท้จริงๆ นะ ถ้าไม่เป็นอุตม์ที่ถูกต้องตามเกณฑ์ของโหร ก็ให้ถือว่าเป็นเพียงดาวธรรมดาเหมือนดาวทั่ว ๆ ไป
วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๕ ตามปฏิทินโหราศาสตร์ของราชสำนัก ดาวอังคารย้ายจากราศีพิจิก เข้าสู่ราศีธนู เวล ๑๓ นาฬิกา ๕๘ นาที ของนายทองเจือ อำงเเก้ว ย้ายเวลา ๑๔ นาฬิกา ๐๘ นาที่ จะพึงเห็นได้ว่าต่างกันอยู่เพียง ๑๐ นาทีเท่านั้น เห็นจะเป็นด้วยเหตุเนื่องมาจากการตั้งจุดสถานที่การคำนวณ มากว่า และในวันนั้นอุณหภูมิในเมืองหลวง มีลักษณะแปรปรวนอย่างผิตปกติ คือเวลาระหว่าง ๑๒ นาฬิกา ถึง ๑๓ นาฬิกา ช่วงนี้โดยประมาณ ดินฟ้าอากาศในกรุงเทพรู้สึกมืดตึ้ม มีเมฆหนาแน่นส่อเดาว่าฝนจะตก ลมหนาวเริ่มพัตโชยมาและหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดฟ้าคะนองเปรี้ยงปร้าง อยู่ทั่วไป และที่อื่น ๆ นอกกรุงเทพคงมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๒๕ วันนี้ดาวพระเสาร์ โคจรย้ายจากราศึกันย์ เข้าสู่ราศีตุล ตามเวลาปฏิทินของราชสำนัก พระเสาร์ย้ายเวลา ๓ นาฬิกา ๔๓ นาที ของนายทองเจือ อ่างแก้ว ย้ายเวลา ๑๓ นาฬิกา ๔๑ นาที พึงเห็นได้ว่าผิดกันเพียง ๒ นาทีเท่านั้น นับว่าเวลาใกล้เคียงกันที่สุด
ดาวพระเสาร์เป็นดาวใหญ่ เเละมีอิทธิพลในลักษณะของกระเเสธาตุในเชิงบาปเคราะห์ ซึ่งมีทั้งคุณและโทษอย่างมหันต์ เวลาพักร์หรือย้ายราศีแต่ละครั้ง ย่อมจะบังกิดแรงกระเทกทำให้เกิดการสั่นสะทือนที่สูงมาก อาการสะทือนของพระสาร์จะแผ่วงกว้างในรัศมีประมาณ ๑๒๐ องศา เรือนธาตุในราศีที่ใกล้เคียง จะเกิดวิปริตแปรปรวนผิดปกติอยู่ประมาณ ๙๐ วัน แล้วจึงค่อยลดผ่อนลงเรื่อย ๆ จนสงบเบ็นปกติ
ด้วยพลังอานุภาพของดาวพระเสาร์ ที่ได้เริ่มต้นย้ายเข้าสู่ราศีตุล อยู่ในขณะนี้ ได้ทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกและพื้นผิวโลก พลอยได้รับกระทบกระเทือนและเกิดวิปริตไปเกือบทั่วโลก เช่นมีการทำสงครามสู้รบ การรัฐประหาร การอุบัติเหตุรายใหญ่ๆ การสูญเสียบุคคลสำคัญของโลก ดังเช่น ประธานาธิบดี เบรสเนฟ แห่งรัสเชีย เป็นตัน และยังจะมีอีกต่อไปจนกว่าจะพ้น ๙๐ วันล่วงไปแล้ว
เหตุการณ์วันที่ ๒๔ เฉพาะในเมืองหลวง รู้สึกว่าบุคคลทั่วไปได้มีการเคลื่อนไหวผิกปกติ คงจะหวั่นเกรงเรื่องความไม่สงบอันอาจจะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองก็เป็นได้ เวลาตกตอนค่ำ ฟากฟ้าอากาศในกรุงเทพเริ่มเย็นฉ่ำ มีเมฆหนาแน่นและมืดคลื้มอยู่ทั่วไป แสดงว่าลมหนาวได้ย่างผ่านเข้ามาในพระนครอีกระลอกหนึ่ง วันที่ ๒๕ ก่อนเริ่มรุ่งอรุณคลื่นลมหนาวได้รวมตัวหนาแน่นยิ่งขึ้นจนรู้สึกยะเยือกทั่วไป แต่ลมหนาวในกรุงเทพในระยะปีนี้มีหนักเบาสลับกันเรื่อยๆ ส่วนทางต่างจังหวัดทางภาคกลางและภาคเหนือคงจะหนาวจัดพอดูทีเดียว
ขณะนี้ดาวพระเสาร์กำลังโคจรอยู่ในราศีตุลย์ และจะเกินอยู่เป็นระยะยาวนาน ๒ ปี กับ ๖ เดือน ทำให้สถานการณ์ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่นการเมืองระดับโลก. ระดับประเทศ การเหมืองแร่ การอุตสาหกรรมแผนใหม่ และพืชพันธ์ธัญญาหาร ต่างๆ เป็นต้น พระเสาร์จะเบนเข็มทิศทางการเมือง ในลักษณะการผูกมิตรกับนานาประเทศ ดำเนินนโยบายแผนใหม่ เพื่อให้สอดคล้อง ต้องกันกับที่อารยะประเทศส่วนใหญ่ยอมรับนับถือ พระเสาร์จะเพิ่มพูนพืชพันธ์ธัญญาหารมากขึ้น อันได้แก่จำพวกแป้ง ข้าวน้ำตาลและอื่นๆ กับมีการขยายโครงการณ์ อุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น เช่นจำพวกอาหารสำเร็จรูปต่างๆ จำพวกเหล็กกล้าและสินแร่ทั่วไปเป็นต้น
มีบางท่านที่ชอบศึกษาวิชาโหราศาสตร์ ได้ให้ความเห็นว่า ดาวพระเสาร์เมื่อโคจรเข้าราศีตุลย์ พระเสาร์ได้เข้าไปอยู่ในเรือนมหาอุตม์ ซึ่งควรจะหมายการแสดงคุณมากกว่าการให้โทษ และในระยะที่ดาวพระสาร์โคจรอยู่ในราศีตุลนี้ ใครๆ ที่เกิดมาในช่วงนี้พระเสาร์ควรจะเป็นมหาอุตม์หมดทุกคน
อันที่จริงเรื่องดาวเกษตรหรือมหาอุตม์นี้ ยังมีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อนกันอยู่มาก จึงขอแสดงความคิดเห็นตามที่เคยเล่าเรียนมาดังนี้ ดาวจรดวงใดก็ตาม เมื่อจรเข้าเรือนเกษตรหรือมหาอุดม์ จะมิได้มีตำแหน่งเกษตรหรือมหาอุตม์ทั้งหมตทุกวันดังที่เข้าใจกัน จะทรงอิทธิพล ตำเหน่งเกษตรหรือมหาอุตม์แท้จริงที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ เพียงระยะเดือนประมาณ ๒ หรื ๓ วัน เท่านั้น ส่วนวันอื่นจะไม่เบ็นเกษตรหรือมหาอุตม์ อย่างดาวพระเสาร์ ในขณะนี้ก็เช่นกัน ได้จรเข้าไปอยู่ในเรือนมหาอุตม์ แต่หาได้เบ็นมหาอุตม์ทุกวันไม่ จนกว่าจะจรเข้ากฎเกณฑ์ครั้งหนึ่ง จึงจะเบ็นอุตม์วันหนึ่ง ส่วนที่จะะไห้คุณหรือให้โทษนั้นอยู่ที่ลัคนา ดังได้กล่าวมาแล้วในตอนต้น
ดังจะเห็นได้ว่าในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๒๖ ดาวพระเสาร์จะจรเข้สู่ตำแหน่งมหาอุตม์ที่แท้จริงครั้งหนึ่ง หรือถ้าหากใครเกิดในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ในวันนั้นดาวพฤหัสบดี โคจรเข้าสู่ตำแหน่งมหาจักรแท้ในราศีพิจิกครั้งหนึ่ง จะเป็นนผู้ที่เจริญรุ่งเรื่อง ไปด้วยวิชาความรู้ และเบ็นเจ้าแห่งปัญญา ทำงานในระดับประทศหรือระดับการเมือง ชื่อเสียงเกียรติยศจะปรากฎแก่ชนทั่วไป ...สวัสดี
อันที่จริงโหรไทยทางภาคพยากรณ์ เขาถือว่าดาวบริวารของอาทิตย์ทุกดวงย่อมได้รับแสงจากอาทิตย์อยู่เสมอ ส่วนที่จะได้รับมากอยู่เพียงใดนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่่ง ซึ่งจะต้องศึกษากันไปเรื่อยๆ
ดาวพระเสาร์ก็เป็นดาวบริวารดวงหนึ่งของอาทิตย์และมีความสำคัญต่อโลก ประดุจเพื่อนตายกันทีเดียว เพราะโลกคงรูปสัณฐานอยู่ได้ด้วยอิทธิพลของพระเสาร์ ถ้าดาวพระสาร์เกิดวิปริตแปรปรวนขึ้นเมื่อใดเมื่อนั้นโลกก็จะวิปริตแปรปรวนไปด้วย หรือถ้าหากดาวพระเสาร์เกิดระเบิดแตกแยกเป็นเถ้าธุลี โลกก็จะหายวับไปกับตา โดยไม่มีโลกนี้อีกต่อไป
ก่อนอื่นผู้เขียนใคร่จะขอกล่าวถึงปฏิทินโหรที่ไช้กันอยู่ทั่วไป มีคัมภีร์สุริยาตร์ของไทยเรา ที่ได้มีการคำนวณขึ้นใช้จนถึงปัจจุบันนี้ร่วมพันปีมาแล้ว และในระยะต่อมาได้มีกลุ่มดาราศาสตร์สมัยใหม่เกิดขึ้น มีบางท่านให้ความเห็นว่า ระบบสุริยาตรของไทยได้กลายเป็นการคลาดเคลื่อนมากมาย สมควรที่จะเลิกใช้ได้แล้ว
ผู้เขียนศึกษาโหราศาสตร์ฝ่ายพยากรณ์ และศึกษาไหราศาสตร์ไทยโบราณ มิได้ศึกษาทางดาราศาสตร์ จึงไม่ขอออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น และผู้เขียนเองก็ได้ทดสอบการเล่น จากระบบปฏิทินต่างๆ และพยายามสังเกตุทุก ๕ นาทีนับเบ็นเวลานาน กลับเห็นว่า ปฏิทินระบบโหรศาสตร์ไทยเรายังรักษามาตรฐานได้ดีอยู่ จึงไม่มีข้อสงสัยอันใดอีก ทั้งนี้เนื่องจากครูบาอาจารย์รุ่นเก่าท่านเคยกล่าวอยู่เสมอว่า ถ้าจะเอาเก่งในทางพยากรณ์กันแล้ว ให้เรียนโหรภาคพยากรณ์ไห้ชำนาญเสียก่อน แล้วจึงค่อยไปเรียนดาราศาสตร์ขั้นต่อไป แต่ถ้าหากไปเรียนดาราศาสตร์ก่อน แล้วจึงค่อยมาเรียนโหราศาสตร์ จะทำให้มีปํญหายุ่งยากเกิดขึ้น ในที่สุดก็จะเหลวทั้งโหราศาสตร์กับดาราศาสตร์ เพราะดาราศาสตร์ ในระบบวิทยาศาตร์นั้น มองจากโลกออกไปหาดวงดาวในจักรวาล

ส่วนดาราศาสตร์ในระบบสุริยาตร์ทางโหราศาสตร์นั้น คือการมองจากดวงดาวเข้ามาหาโลก ด้วยการอาศัยการตำนวณค้นหาข้อมูลที่ใกล้เคียงที่สุด จนถือเป็นแบบฉบับอันเป็นสัจจสูตรดังที่ใช้กันอยู่ การมองมุมกลับ ย่อมจะต้องผ่านชั้นบรรยากาศของโลก และย่อมจะต้องบังเกิดมุมหักเห มุมเฉียง หรือมุมเอียงอยู่เสมอ จริงอยู่ทีวิชาศาสตร์กับดาราศาสตร์จะต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่ ก็เป็นเรื่องของคนละมุมกลับนั้นเอง ฉะนั้นวิชาโหราศาสตร์แท้ๆ นั้น บัจจุบันยังคงหลืออยู่ที่ประเทศไทยเราเท่านั้น ซึ่งเป็นแบบฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก
วันนี้ผู้เขียนใคร่อยากจะสนทนาปราศรัยกันถึงเรื่องดาวพระเสาร์จร ซึ่งนักศึกษารุ่นใหม่กำลังเป็นที่สนใจกันอยู่ทั่วไป และในขณะนี้ดาวพระเสาร์ได้โคจรเข้าสู่ราศีตุล อันเป็นเรือนตำแหน่งมหาอุตม์ของพระสาร์หรือที่เรียกกันทั่วๆ ไปในวงการโหรว่า เสาร์จรเข้าเรือนอุตม์ คำว่อุตหรืออุตม์ หมายถึงตีเลิศ สูงสุดบริบูรณ์ และในวงการโหรเขาถือ ว่าดาวอะไรก็ตาม ถ้าจรเข้าตำแหน่งมหาอุตม์หรืออุตม์ ดาวดวงนั้นจะเพิ่มกำลังในตัวแรงขึ้นอีก หรืออย่างน้อยก็เพิ่มพลังขึ้นอีก ๓ เท่าตัวขึ้นไป แต่จะให้คุณหรือให้โทษมากน้อยเพียงใดนั้น ต้องแล้วแต่จุดลัคนาของเจ้าตาเป็นสำคัญ เช่นตาวอุตม์อยู่ในตำแหน่ง อริ มรณะ และวินาส ต้องถือเสื่อมเสียอย่างแรง คือเสื่อมเสียเพิ่มขึ้นเป็น ๓ เท่าเช่นกัน แต่ต้องเป็นอุตม์แท้จริงๆ นะ ถ้าไม่เป็นอุตม์ที่ถูกต้องตามเกณฑ์ของโหร ก็ให้ถือว่าเป็นเพียงดาวธรรมดาเหมือนดาวทั่ว ๆ ไป
วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๕ ตามปฏิทินโหราศาสตร์ของราชสำนัก ดาวอังคารย้ายจากราศีพิจิก เข้าสู่ราศีธนู เวล ๑๓ นาฬิกา ๕๘ นาที ของนายทองเจือ อำงเเก้ว ย้ายเวลา ๑๔ นาฬิกา ๐๘ นาที่ จะพึงเห็นได้ว่าต่างกันอยู่เพียง ๑๐ นาทีเท่านั้น เห็นจะเป็นด้วยเหตุเนื่องมาจากการตั้งจุดสถานที่การคำนวณ มากว่า และในวันนั้นอุณหภูมิในเมืองหลวง มีลักษณะแปรปรวนอย่างผิตปกติ คือเวลาระหว่าง ๑๒ นาฬิกา ถึง ๑๓ นาฬิกา ช่วงนี้โดยประมาณ ดินฟ้าอากาศในกรุงเทพรู้สึกมืดตึ้ม มีเมฆหนาแน่นส่อเดาว่าฝนจะตก ลมหนาวเริ่มพัตโชยมาและหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดฟ้าคะนองเปรี้ยงปร้าง อยู่ทั่วไป และที่อื่น ๆ นอกกรุงเทพคงมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๒๕ วันนี้ดาวพระเสาร์ โคจรย้ายจากราศึกันย์ เข้าสู่ราศีตุล ตามเวลาปฏิทินของราชสำนัก พระเสาร์ย้ายเวลา ๓ นาฬิกา ๔๓ นาที ของนายทองเจือ อ่างแก้ว ย้ายเวลา ๑๓ นาฬิกา ๔๑ นาที พึงเห็นได้ว่าผิดกันเพียง ๒ นาทีเท่านั้น นับว่าเวลาใกล้เคียงกันที่สุด
ดาวพระเสาร์เป็นดาวใหญ่ เเละมีอิทธิพลในลักษณะของกระเเสธาตุในเชิงบาปเคราะห์ ซึ่งมีทั้งคุณและโทษอย่างมหันต์ เวลาพักร์หรือย้ายราศีแต่ละครั้ง ย่อมจะบังกิดแรงกระเทกทำให้เกิดการสั่นสะทือนที่สูงมาก อาการสะทือนของพระสาร์จะแผ่วงกว้างในรัศมีประมาณ ๑๒๐ องศา เรือนธาตุในราศีที่ใกล้เคียง จะเกิดวิปริตแปรปรวนผิดปกติอยู่ประมาณ ๙๐ วัน แล้วจึงค่อยลดผ่อนลงเรื่อย ๆ จนสงบเบ็นปกติ
ด้วยพลังอานุภาพของดาวพระเสาร์ ที่ได้เริ่มต้นย้ายเข้าสู่ราศีตุล อยู่ในขณะนี้ ได้ทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกและพื้นผิวโลก พลอยได้รับกระทบกระเทือนและเกิดวิปริตไปเกือบทั่วโลก เช่นมีการทำสงครามสู้รบ การรัฐประหาร การอุบัติเหตุรายใหญ่ๆ การสูญเสียบุคคลสำคัญของโลก ดังเช่น ประธานาธิบดี เบรสเนฟ แห่งรัสเชีย เป็นตัน และยังจะมีอีกต่อไปจนกว่าจะพ้น ๙๐ วันล่วงไปแล้ว
เหตุการณ์วันที่ ๒๔ เฉพาะในเมืองหลวง รู้สึกว่าบุคคลทั่วไปได้มีการเคลื่อนไหวผิกปกติ คงจะหวั่นเกรงเรื่องความไม่สงบอันอาจจะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองก็เป็นได้ เวลาตกตอนค่ำ ฟากฟ้าอากาศในกรุงเทพเริ่มเย็นฉ่ำ มีเมฆหนาแน่นและมืดคลื้มอยู่ทั่วไป แสดงว่าลมหนาวได้ย่างผ่านเข้ามาในพระนครอีกระลอกหนึ่ง วันที่ ๒๕ ก่อนเริ่มรุ่งอรุณคลื่นลมหนาวได้รวมตัวหนาแน่นยิ่งขึ้นจนรู้สึกยะเยือกทั่วไป แต่ลมหนาวในกรุงเทพในระยะปีนี้มีหนักเบาสลับกันเรื่อยๆ ส่วนทางต่างจังหวัดทางภาคกลางและภาคเหนือคงจะหนาวจัดพอดูทีเดียว
ขณะนี้ดาวพระเสาร์กำลังโคจรอยู่ในราศีตุลย์ และจะเกินอยู่เป็นระยะยาวนาน ๒ ปี กับ ๖ เดือน ทำให้สถานการณ์ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่นการเมืองระดับโลก. ระดับประเทศ การเหมืองแร่ การอุตสาหกรรมแผนใหม่ และพืชพันธ์ธัญญาหาร ต่างๆ เป็นต้น พระเสาร์จะเบนเข็มทิศทางการเมือง ในลักษณะการผูกมิตรกับนานาประเทศ ดำเนินนโยบายแผนใหม่ เพื่อให้สอดคล้อง ต้องกันกับที่อารยะประเทศส่วนใหญ่ยอมรับนับถือ พระเสาร์จะเพิ่มพูนพืชพันธ์ธัญญาหารมากขึ้น อันได้แก่จำพวกแป้ง ข้าวน้ำตาลและอื่นๆ กับมีการขยายโครงการณ์ อุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น เช่นจำพวกอาหารสำเร็จรูปต่างๆ จำพวกเหล็กกล้าและสินแร่ทั่วไปเป็นต้น
มีบางท่านที่ชอบศึกษาวิชาโหราศาสตร์ ได้ให้ความเห็นว่า ดาวพระเสาร์เมื่อโคจรเข้าราศีตุลย์ พระเสาร์ได้เข้าไปอยู่ในเรือนมหาอุตม์ ซึ่งควรจะหมายการแสดงคุณมากกว่าการให้โทษ และในระยะที่ดาวพระสาร์โคจรอยู่ในราศีตุลนี้ ใครๆ ที่เกิดมาในช่วงนี้พระเสาร์ควรจะเป็นมหาอุตม์หมดทุกคน
อันที่จริงเรื่องดาวเกษตรหรือมหาอุตม์นี้ ยังมีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อนกันอยู่มาก จึงขอแสดงความคิดเห็นตามที่เคยเล่าเรียนมาดังนี้ ดาวจรดวงใดก็ตาม เมื่อจรเข้าเรือนเกษตรหรือมหาอุดม์ จะมิได้มีตำแหน่งเกษตรหรือมหาอุตม์ทั้งหมตทุกวันดังที่เข้าใจกัน จะทรงอิทธิพล ตำเหน่งเกษตรหรือมหาอุตม์แท้จริงที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ เพียงระยะเดือนประมาณ ๒ หรื ๓ วัน เท่านั้น ส่วนวันอื่นจะไม่เบ็นเกษตรหรือมหาอุตม์ อย่างดาวพระเสาร์ ในขณะนี้ก็เช่นกัน ได้จรเข้าไปอยู่ในเรือนมหาอุตม์ แต่หาได้เบ็นมหาอุตม์ทุกวันไม่ จนกว่าจะจรเข้ากฎเกณฑ์ครั้งหนึ่ง จึงจะเบ็นอุตม์วันหนึ่ง ส่วนที่จะะไห้คุณหรือให้โทษนั้นอยู่ที่ลัคนา ดังได้กล่าวมาแล้วในตอนต้น
ดังจะเห็นได้ว่าในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๒๖ ดาวพระเสาร์จะจรเข้สู่ตำแหน่งมหาอุตม์ที่แท้จริงครั้งหนึ่ง หรือถ้าหากใครเกิดในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ในวันนั้นดาวพฤหัสบดี โคจรเข้าสู่ตำแหน่งมหาจักรแท้ในราศีพิจิกครั้งหนึ่ง จะเป็นนผู้ที่เจริญรุ่งเรื่อง ไปด้วยวิชาความรู้ และเบ็นเจ้าแห่งปัญญา ทำงานในระดับประทศหรือระดับการเมือง ชื่อเสียงเกียรติยศจะปรากฎแก่ชนทั่วไป ...สวัสดี
By_คุณยายกลิ่นโสม 

---------------------
สนใจดูดวงติดต่อ: baankunyai





