คุยกับหลานเรื่องลัคนา

       
           คุยกับหลานเรื่องลัคนา โดยอาจารย์ ส. แสงตะวัน


  สวัสดีปีใหม่ ปีใหม่ที่ใครๆ ต่างก็หวังไว้ว่า เส้นสูตรวิถีชีวิตคงจะดีกว่าปีเก่า อันความหวังที่ได้ตั้งความหวังไว้ก่อนนั้น แต่ต่อนี้ไปคงจะสมหวังดังเจตจำนงทุกประการ

แต่ปีใหม่ของไทยเราแต่เก่าก่อน เราใช้วันที่ ๑ เมษายนของทุกๆปี เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ทางจันทรคติ เดือน ๕ ขึ้น ๑ ค่ำ เราก็ถือเป็นวันเริ่มต้นของปีใหม่เช่นกัน วันที่ ๑๓ เมษายน เป็นวันที่ ดาวอาทิตย์ เดินดรงเส้นศูนย์สูตร ซึ่งจะย่างเข้าสู่วันใหม่ และในวันนั้นเราถือเป็นสงกรานด์ ซึ่งเราเรียกว่า มหาสงกรานต์ เปลี่ยนปีนักษัตร วันที่ ๑๖ เราเริ่มใช้ กาลโยค ลุงยังชอบใช้ของเก่าอยู่เพราะตรงเป้าหมายในหลักวิชาโหรจริงๆ ผู้ใดที่ร่ำเรียนถ้ายังไม่แตกฉาน ก็จะไม่รู้ว่าดีอย่างไร

วันนี้ลุง ส. มีโอกาสแวะมาพบและคุยกับหลานๆ อีกเช่นเคย ในเมื่อมาเจอะมาเจอระหว่างลุงกับหลาน ก็จะมีอะไรเสียอีก นอกจากจะหาเรื่องพูดคุยกันด้วยเรื่องโหราศาสตร์เท่านั้น เพราะเท่าที่ลุงแวบผ่านมา ลุงสังเกตุเห็นหลานเอามือกุมขมับตรงหน้ากระตานชนวนอยู่บ่อยๆ ลุงถามหลานจริงๆ เถอะ หลานรู้สึกอึดอัดใจบ้างไหม จะอะไรเสียอีกล่ะ ก็เรื่องการวางลัคนานั้นแหละ ลุง ส. เชื่อว่าบรรดาหลานทั้งหลาย คงจะเจอะเจอกับปัญหาเรื่องลัคนากันมาบ้างแล้ว

หลานเอ่ยลุงจะบอกให้ เมื่อลุงร่ำเรียนโหราศาสตร์ใหม่ ๆ ลุงได้เจอกับปัญหาเรื่องวางลัคนามามากมาย จนแทบจะเลิกเรียนลงกลางคันอยู่หลายครั้ง ถึงเดี๋ยวนี้ก็ถอะ ลุงวางลัคนาบางทียังไม่วายจะรู้สึกฉงนสนเท่ห์อยู่เหมือนกัน ทั้งๆที่พ่อแม่ของเด็กในสมัยนี้ ได้จดบันทึกเวลานาทีตอนเคลื่อนคลอดจากครรภ์  แน่นอนโดยไม่ผิดเพี้ยนเลยแม้วินาทีเดียว แต่ทำไมนะพอโหรนำเอามาผูกดวงปุ๊บ วางลัคนาปั๊บ กลับผิดปึ๋งขึ้นทันที นี่มันอะไรกัน มันผิดไปได้ยังไง ตอนนั้นลุงนิ่งนึกถามตนเองอยู่หลายครั้ง เเต่ก็หาคำตอบไม่ได้

นี่แหละหลานเอ๋ย ลัคนาได้กลับกลายมาเป็นปัญหาหนักอก ให้ขบคิคอยู่ตั้งแต่บัดนั้แป็นต้นมา ลุงได้ติดตามพยายามศึกษามาเรื่อยๆ จากครูบาอาจารย์บ้าง จากเพื่อนๆ บ้าง และจากการค้นคว้าด้วยตนเองบ้าง จนในที่สุดก็ได้ค้นพบว่ เรื่องเวลานาที่จากหน้าปัดนาฬิกานั้น จะยึดถือเอาเป็นเกณฑ์ที่แน่นนอนนั้นยังหาได้ไม่ ถึงแม้ว่าจะได้ตัดเวลาเกิดตามท้องถิ่นเข้าช่วยก็เถอะ  ม้กจะเหลวเป๋วเป็นมะเขือเผาชะมากกว่ นาฬิกาจะเดินเที่ยงตรงตามแนวระบบโลกหมุน แต่กับเรื่องลัคนาแล้ว ลุงคิดว่าเห็นจะต้องมีการถกเถียงกันไปอีกนาน

ย้อนหลังเมื่ออดีตสมัยปี ๒๕๐๗  ลุงย้ายถิ่นฐานเข้ามาเป็นชาวกรงเทพ ลุงสังเกตเห็นดวงชะตาของ คนกรุงเทพฯ มีการวางลัคนาผิคราศึอยู่บ่อยๆ ด้วยความปรารถนาดีของลุง และหวังเผื่อว่าจะได้รับคำชมเชยกับเขาบ้าง จึงอุตริไปเลื่อนลัคนาให้เขาใหม่หลายดวงด้วยกัน จนได้กลับกลายเป็นเรื่องที่ฮือฮากันขึ้นในวงการโหร ได้มีการถกเถียงกันวุ่นวายไปหมด บางพวกเล่นใส่ไฟเสียจนลุงหมดราศีไปเลย บางกลุ่มถึงกับตั้งฉายาให้ลุงใหม่ว่า อาจารย์  ส. นักเลื่อนลัคนา มีบางสำนักเขียนไว้ที่มุมบัตรดวงว่า ห้ามเลื่อนลัคนา  และยังมีบางสำนักได้เขีนไว้หลังบัตรดวงว่า ขอจงเห็นใจกันบ้าง โปรดอย่าได้เลื่อนลัคนาเลย หลานเห็นไหมอย่างนี้ก็มี

นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ลุงได้เปลื่ยนแนววัฎจักรของลุงใหม่ ทำตนเป็นคนดีไม่เลื่อนลัคนาของใคร  ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าเขาวางลัคนาผิด ลุงต้องหันไปพึ่งลัคนาในใจอยู่บ่อย ๆ จนบัดนี้ลุงได้เพิ่มสมาชิกอีกมากลุงคิดๆ ดูก็แปลกดีหมือนกัน เรื่องที่ลุงจะคุยกับหลานในวันนี้นั้น อยู่ที่ว่าจะมีวิธีอย่างไรถึงจะวางลัคนาได้ถูกต้องตามหลักโหรสมัยโบราณ ซึ่งไม่เคยมีนาฬิกาใช้มาก่อน ลุงพอจะบอกกับหลานแบบเชยๆ กว้างๆ ได้บ้าง แต่หลานจะต้องสำนึกในจิตพิจารณาดูให้รอบคอบทุกแง่ทุกมุมเสียก่อน แล้วจึงค่อยเชื่อ ลงไปประเดี๋ยวลุงจะเสียคนอีก เพราะโหรศสตร์กับดาราศาสตร์กำลังมั่วกันอยู่ ถ้าแยกแยะสัดดส่วนไม่เป็น หรือไม่เคยรู้เรื่อองมาก่อน คำที่ลุงบอกก็จะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง อาจจะไม่เกิดประโยชน์อันใดก็ได้

โหรโบราณสมัยกรุงศรีอยุยาหรือก่อนโน้น เขาใช้นาฬิกาแสงแดด นาฬิกาน้ำ นาฬิกาทราย และสิ่งอื่น เบ็นองค์ประกอบในการวางลัคนา การค้นคว้าจึงเป็นสิ่งที่ยุ่งยาก ในที่สุดก็ได้รับผลที่สมจริงทุกประการ เขาจัดรูปดวงชะตาโดยถือเอาเกณฑ์ราศี เกณฑ์ธาตุ และเกณฑ์ โยคต่างๆ เป็นมูลฐาน มวนสารของธาตุและกฎเกณฑ์ต่งาๆ เหล่านี้ ได้บังเกิดจากอิทธิพลระหว่างโลกกับดวงจันทร์เป็นเบื้องต้น เรียกว่าทางจันทรคติ แต่ต้องเชื่อมโยงมาจากทางของสุริยคติด้วย แต่หัวใจของโหราศาสตร์ได้ยืดถือเอาทางจันทรคติเกือบจะล้วนๆ เลย

อย่างเช่นการเริ่มต้นของวันใหม่ของทางจันทรคดิ เขาตัดเอาแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ตอนเมื่อเริ่มฉายแสงสว่างดังที่เราเรียกกันว่า แสงเงินแสงทองจับขอบฟ้าตอนรุ่งอรุณ และให้ถือเอาปรากฎการณ์ โดยมองเห็นเส้นลายมือ หรือมองเห็นเส้นใบไม้ในที่แจ้ง ซึ่งรู้ว่าใบอะไรอย่างชัดเจน ถ้าหากได้ปรกฎการณ์ดังที่กล่าวมานี้ ให้ควรถือได้ว่า ได้เริ่มย่างเข้าเวลาวันใหม่แล้ว เพราะคนโบราณเขาให้ข้อสังเกตดูว่า บุคคลใดก็ตามที่นอนหลับสนิทหรือนอนดึก หรืออดนอนมาก่อน พอนอนหลับที่เราเรียกก้นว่าหลับเหมือนตายนั่นแหละ พอถึงตอนเช้ามืดเมือแสงสุรีฉายฉาบผิวต้องตัว จะรู้สึกตัวและตื่น และถ้าหากยังไม่รู้สึกตัวก็จะมีอาการเคลื่อนไหว กระดุกกระติกพลิกตัวทั้งๆ ที่ไม่รู้สึกตัว ทั้งนี้เนื่องจากกระแสธาตุซึ่งศัพท์ฝรั่งเขาเรียกว่เซลของร่างกายนั้นแหละ ได้แสดงอัปกิริยารับแสงเงินแสงทองของดวงอาทิตย์และจุดเป้าหมายตรงนี้เองให้ถือว่าได้พบกับวันใหม่แล้ว  ส่วนดวงอาทิตย์ที่เราเห็นขอบวงกลม เคลื่อนโผล่ริมขอบฟ้าในตอนเช้านั้น เรียกว่าอาทิตย์อุทัย ซึ่งได้มีการคำนวณตามแบบระบบสุริยยาตรของแต่ละนาที ช่วโมงและราที่เพื่อการวางลัคนา

ใน ๒ ล้กษณะดังกล่าววมาแล้วนี้แหละ ในปัจจุบันได้กลับกลายมาเป็นปัญหาโลกแตกให้กับนักศึกษารุ่นใหม่ขึ้น เพราะนักศึกษารุ่นใหม่ได้ใช้หลักเกณฑ์ทางสุริยคติ โดยถือเอาวลาหลัง ๒๔.๐๐ น. ล่วงไปแล้วเป็นนวันใหม่ การที่ใช้หลังเที่ยงคืนเป็นวันใหม่นั้น ลุงไม่ขอเถึยงและยอมรับว่าถูกต้องแต่เป็นความถูกต้องของฝ่ายดาราศาสตรต่างหาก ส่วนของฝ่ายโหราศสตร์นั้นได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีน้อยนักที่จะเข้าใจในแก่นแท้ของวิชาโหราศาสตร์

ในบปัจจุบันได้มีบางท่านได้ใช้วันใหม่โดยถือเอาอาทิตย์อุทัยเป็นนเกณฑ์ ลุงเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน มีหตุผลกลใดเขาจึงใช้กันอย่งนั้น ลุงอาจะยังศึกษาไม่ถึงขั้นนั้นก็ได้ จึงควรจะรับฟังไว้ก่อน ลุงเล่นโหราศวสตร์มา ๔๐ ปีแล้ว  จนถึงขณะนี้ลุงก็ยังคงถือเอาเวลารุ่งอรุณเป็นเกณฑ์เริ่มวันใหม่มาตลอด เพราะถ้าถือเอาตอนเอาตอนอาทิตย์อุทัยเนเกณฑ์เริ่มวันใหม่ คงจะสว่างไปนานแล้ว และถ้าพระสงฆ์ออกบิณฑบาต ก็คงเริ่มทะยอยกลับวัดกันบ้างแล้ว

หลานยังคงสงสัยอยู่ว่า เหตุผลกลใดเมื่อได้วางลัคนา โดยถือเอาตามเวลาของนาฬิกาที่ตั้งตรง ตามที่วิทยุประกาศก็แล้ว  ตัดเวลาตามท้องถิ่นก็แล้ว ในบางครั้งก็ยังผิดอยู่นั่นเอง ลักษณะดังเช่นหลานว่านี้ ลุงก็เคยเจอเข้ากับตนเองบ่อยหมือนกันในสมัยโน้น ครูบาอาจาย์ได้ให้คำอธิบายว่า มูลเหตุมาจากเรื่องของฤดูกาล และเรื่องฤดูกาลเป็นเรื่องที่กว้างขวางละเอียดอ่อน ไม่สามารถจะตั้งเป็นกฎเกณฑ์ที่ตายตัวได้ นอกจากจะใช้ความสมารถในเชิงชำชองชำนาญของตนเองเท่านั้น ทั้งได้ขึ้นอยู่กับดวงอาทิตย์ ซึ่งโคจรไปตามฤดูกาล ซึ่งบางฤดูกาลจะมีแนวโน้มไปในทางที่เราเรียกกันว่า ปัดเหนือหรือปัดใต้เบีนสำคัญ หลานเคยได้ยินบ้างไหม ที่ชาวไร่ชวนาเขาเรียกว่า พระอาทิตย์อ้อมข้าวอย่างไรเล่า ทั้งนี้เพราะว่าโลกของเรา มิได้กลมเหมือนฟุตบอล ฤดูกลใดเมื่อดวงอาทิตย์เดินปัดไปทางเหนือหรือปัคไปทาใต้ การวางลัคนาก็ย่อมจะคลาดเคลื่อน ได้ นาฬิกามันก็เดินเที่ยงตรงด้วยความชื่อสู้ตย์ของมั่นเอง แต่โลกของเราหาได้เป็นอย่างนาฬิกาไม่ ในเมื่อเหตุระหว่างแนวมุมราศีของโลกกับของอาทิตย์มันไม่ตรงกันเช่นนี้ แล้วหลานจะเอาหลักอะไรมาเป็นเครื่องขี้ช้ัดวางลัคนาให้ตรงเผงได้ รายละเอียดของเรื่องนี้ลุงเห็นว่ายังจะต้องคุยกันอีกนาน
จึงจะหายข้องใจและรู้แจ้งแดงแจ๋ไปเลย

ลำดับต่อไปนี้ก็เป็นเรื่องของราศี  เรื่องราศีเป็นเรื่องใหญ่ซึ่งจะชุดคุ้ยตักเท่าใหร่ก็ยากที่จะหมดได้แต่โหรรุ่นหม่กลับให้ความสนใจน้อมาก อุปมาเสมือนเรามีที่ดินอยู่แปลงหนึ่ง ได้จัดแบ่งออกเป็น ตัดส่วนได้  ๑๒  ส่วน แต่ละส่วนเราเรียกว่ท้องร่อง มูลดินของแต่ละท้องร่องย่อมจะมีมวลสารหรือรสกรด ดินที่ไม่หมือนกัน และก่อนที่เรจะปลูกพืชชนิดใดลไป ควรจะได้ใคร่ครวญและพิจารณาดูให้ถ่องแท้เสียก่อน ว่าชนิดของพืชจะปกลงไปนั้นให้ผลงอกงามเจริญดีหรือไม่ ถ้าปลูกพืชที่ไม่เหมาะสมลงไปก็จะเปล่าประโยชน์ เรื่องราศึลุงจะขอตัดเอาเฉพาะตอนเวลาระหว่าง รุ่งอรุณจนถึงเวลา ๐๖.๐๐ น. ตอนเช้าเท่านั้น  ซึ่งลุงเห็นว่าเป็นตอนที่ง่ายสักหน่อย และหลานลุงจงรับรู้ไว้ด้วยว่า รูปดวงชะตาที่หลานกำลังศึกษาอยู่นี้ นั้น เมื่อกี้นี้ลุงได้เกรื่นไว้บ้างแล้ว บรมครูโหรท่านนอกจากจะจัดแบ่งออกเป็น ๑๒ ราศีแล้ว ท่านยังได้

จัดแบ่งเรือนธาตุไว้ ๔ ธาตุด้วยกัน คือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลมและธาตุไฟ ในจำนวน ๔ ธาตุของ ๑๒ ราศึนี้ 
ครูโหรท่านได้ตัดแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม เรียกว่ากลุ่มราศีธาตุเร็ว กับกลุ่มราศีธาตุช้า
ราศีธาตุเร็ว ได้แก่ ราศีธาตุลมและธาตุไฟ เช่น ราศีเมษหรือราศีมีถุน เป็นต้น
ส่วนราศีธาตุช้า ได้แก่ ราศีธาตุน้ำกับราศีธาตุดิน เช่น ราศึพฤษหรือราศีกรกฎ เป็นต้น
ราศีธาตุไฟกับธาตุลม ซึ่งกระแสธาตุจะไหลเวียนที่แรงและเร็ว มีรัศมีขยายกว้าง  สำหรับราศีธาตุน้ำและราศีธาตุดินนั้น การไหลเวียนของธาตุที่ช้าและเฉื่อย มีรัศมีอยู่ในวงแคบ ดาวทุกดวงย่อมมีกฎเกณฑ์การโคจรตามธรรมชาติ แต่เรื่องธาตุเรื่องแสงย่อมจะไม่เท่าเทียมกัน


ท่านบรมครูโหรท่านได้แนะนำเฉพาะสำนุศิษย์ไว้ว่า บุคคลใดก็ตามถ้าหากเกิดในระหว่างตั้งแต่รุ่งอรุณไปจนถึง ๖ โมงเช้า  ให้พิจรณาลัคนาไว้ดังนี้คือ ถ้าหากดาวอาทิตย์โคจรอยู่ในราศีธาตุเร็ว เช่นราศีเมษหรือเมถุน เป็นต้น  และหากบุคคลใดเกิดระหว่างรุ่งอรุณไปจนถึง ๖ โมงเช้า ท่านให้วางลัคนากุมดาวอาทิตย์  แต่ถ้าดาวอาทิดยโคจรอยู่ในราศีธาตุช้าหรือเฉื่อย เช่นราศีพฤษกหรือกรกฎนี้ เป็นต้น ถ้าดาวอาทิตย์จร ไม่เกิน ๕ องศา  ถ้าขาบอกว่าเกิดเวลา ๖ โมงเช้า ให้พิจรณาวางลัคนาถอยหลังกลับหนึ่งราศึ เช่นราศีกรกฎถอยมาอยู่ราศีเมถุนเป็นต้น ที่ลุงคุยกับหลานในวันนี้เป็นเพียงการหาลัคนาตอนหนึ่งเท่านั้นและยังมีสิ่งที่ทำให้ปวดขมองอีกมากมาย วันนี้ลุง ส. ขอสวัสดีปีใหม่อีกที ขอให้หลานทุกคนจงประสพผลสำเร็จตามที่หลานประสงส์ทุกประการ  สวสดี .
                                                               
 ส. แเสงตะวัน

#คุณยายกลิ่นโสม
#คุณยายเล่าเรื่องจากเรือนดาว
#โหราศาสตร์ไทยเรียนง่ายกว่าที่คิด
#เรียนโหราศาสตร์ไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#อ่านดวงไทยสบายสบาย ตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม   
#เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรี ที่เวปนี้นะ:: htthttp://www.baankhunyai.com
  --------------------  
Visitors: 173,129