ราหู อวตาร

  

       ราหูอวตาร โดยอาจารย์ ส.แสงตะวัน
ประมาณ ๒o ปีกว่ามาแล้ว ผู้เขียนเคยเขียนบทความเรื่องราหูคือโลกมาครั้งหนึ่ง ได้ถูกคัดค้านอย่างรุนแรงในขณะนั้น ทำให้หวลรำลึกนึกถึงคำพูดของครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ ประสาทวิชาโหราศาสตร์ให้ว่า อันวิชาโหราศาสตร์ของแท้นั้นเป็นวิชาอาถรรพ์ ผู้ใจไม่มีศิลปประจำใจหรือไม่มีบุญมาแแต่ชาติปางก่อน ท่านว่าจะศึกษาหาความสำเร็จได้ยากนัก

ท่านเคยเตือนผู้เขียนว่าเธอเรียนสำเร็จแล้ว จงเทิดทูนครูบาอาจารย์ให้จงหนัก และหมั่นระลึกนึกถึงท่านเป็นประจำ จะเขียนตำราหรือบทความสู่สายตาผู้อื่น ควรดูตาม้าตาเรือให้ดี อาจจะถูกต่อต้านจากผู้ไม่เชื่อถืออย่างหนักก็ได้ เมื่อนึกได้ ดังนี้แล้วผู้เขียนจึงงดเว้นการเขียนเรื่องราวของราหูและปกปิดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ความจริงได้ปกปิดซะนานถึง ๔๕ ปีแล้ว ระหว่างการปกปิดได้สืบเสาะและฟังข่าวอยู่เสมอว่า จะยังมีใครบ้างที่ล่วงรู้ในวิชาด้วยเรื่องของราหู เคยเห็นแต่มีผู้พยายามอุปโลกน์ราหูแบบเลื่อนลอยเล็กน้อยเท่านั้น จึงพออนุมานได้ว่าปัจุบันวิชาโหราศาสตร์ของแท้ ได้เสื่อมสูญสลายไปเกือบหมดสิ้นแล้ว

มิได้ฉุกคิดหรือตะขิดตะขวงใจกันบ้างเลยว่าวิชาโหราศาสตร์ของแท้นั้นคืออะไรกันแน่ ถ้าจะให้คำตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ เป็นวิชาระหว่างโลกกับดวงดาวนั่นเอง เท่าที่เห็นเด่นกันทั่วๆไปนั้น  มีการเล่นเฉพาะดวงดาวบนท้องฟ้าเท่านั้น เรื่องบนพื้นพิภพนั้นดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องกันเลย โลกคือราหู หรือ ราหูก็คือโลก ที่เป็นวิชาคู่เคียงกับดาราศาสตร์ตลอดมา อุปมาเสมือนผลมะพร้าวที่ถูกผ่าออกมาเป็นสองซีก ซีกหนึ่งป็นเรื่องราวของดวงดาวบนท้องฟ้าโดยตรงเรียกว่าฝ่ายดาราศาสตร์ แต่เป็นดาราศาสตร์ในมุมกลับเข้าหาโลก ส่วนอีกซีกหนึ่งเป็นเรื่องราวของใต้พื้นพิภพโดยมีธาตุ ๔ เป็นแกนนำ เรียกว่าฝ่ายโหราศาสตร์ และขณะนี้ในส่วนของโลกได้สูญสลายจนเกือบไม่มีอะไรเหลือไว้เลย

     
พระราหูเราใช้เลข ๘ เป็นเครื่องหมายแทน หรือจะเรียกในลักษณะมุมกลับว่าดาวราหูก็คงได้ พระราหูในแนวดาราศาสตร์เขาถือว่า เป็นเพียงจุดสกัดหรือเงาของโลกเท่านั้น แต่ทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของโลก และนำมาเล่น
เป็นเรื่องของโลกอย่างสมบูรณ์ที่สุด พระราหูทำปาฎิหาริย์ แบ่งได้ ๘ ภาคเรียกว่า อัฏฐกชนามดังมีรายนามต่อไปนี้คือ
นาม ๑ ชื่อว่าราหูกำบัง
นาม ๒ ชื่อว่าราหูจำบัง
นาม ๓ ชื่อว่าราหูเสวย
นาม ๔ ชื่อว่าราหูบังงา
นาม ๕ ชื่อว่าราหูก้อนเส้า
นาม ๖ ชื่อว่าเกณฑ์ราหู
นาม ๗ ชื่อว่าราหูนักพรต
และ นาม ๘ ชื่อว่าราหูอวตาร
ราหูทั้ง ๘ ตนนี้ในแต่ละตนมีรูปและผิวสีกายตลอดนเครื่องศาสตราวุธประจำกายแตกต่างกันออกไป ดังเช่น ...
ราหูกำบัง สีผิวกายเป็นสีม่วง หน้าตาคล้ายยักษ์มีจมูกใหญ่คล้ำยโคถึก ถือหอกซัดเป็นอาวุธ
ราหูจำบัง สีผิวกายเป็นสีแดง รูปร่างเตี้ยมีงวงงาสั้นคล้ายพระพิมเนส ถือตรีสูลเป็นศัตราวุธ
ราหูนักพต มีสีผิวกายขาว ห่มผ้าขาว ถือลูกประคำ เป็นศัตราวุธ ดังนี้เป็นต้น และยังสถิตประจำทิศต่างๆ ๘ ทิศ อีกด้วย

การเคลื่อนไหวของราหู ๘ ตนนี้มีลักษณะแตกต่างกันซึ่งเป็นเรื่องนามธรรมที่เข้ามาปรุงแต่งธาตุทั้งมวลในโลก หากใครไม่ชำนาญหรือไม่เคยศึกษาเรื่องระบบธาตุมาก่อน เห็นจำสำเร็จได้ยกนัก และจะไม่เข้าใจเรื่องกาวของราหูทั้ง ๘ ที่ โบราณท่านเรียกว่า อัฏฐกชนาม ถ้าไม่มีพระราหูเป็นแกนนำ เรื่องระบบราหูทั้ง ๘ ก็จะไม่มี และจำไม่มีคำว่าโหราศาสตร์ด้วยเช่นกัน

พระราหูกับราหู ฟังสำนวนคล้ายกับเป็นคำเดียวกัน แต่ความจริงนั้นไม่เหมือนกัน พระราหูได้สมมุติเลขเป็นดาวจรที่โคจรประจำแต่ละราศีในปัจจุบันนั่นเอง พระราหูทำปฏิภาคในลักษณะปาฏิหาริย์เป็นราหูได้ ๘ ภาค เรียกว่า อัฏฐคชนาม บางทีพระราหูกับราหูอาจจะฟังสับสนบ้างก็ได้เพียงแต่ดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างเดียว เราจะหารายละเอียดมาทำนายเห็นจะลำบากนัก นอกจากจะใช้ระบบ
อัฏฐคชนามเป็นองค์ประกอบเท่านั้น

วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑  พระราหูโคจรจากราศีมึน เข้าสู่ราศีกุมภ์ เวลา ๐๑.ด๒ น.เข้าเรือนเกษตร ราศีธาตุลม เป็นปีที่พระราหูโคจรครบรอบ ๑๒ ราศี ทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็นปีราหูอวตาร มีดาวธาตุป็นบริวาร ๔ ดวง คือดาวพุธ (๔) ดาวพฤหัสบดี(๕)  ดาวพระศุกร์(๖) และดาวพระเสาร์(๗)  ดาวบริวาร

เหล่านี้จะทำหน้าที่ในลักษณะราหูเป็นครั้งคราว อีกประการหนึ่งท่านบูรพาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า ในปีใดที่ราหูอวตารให้สำรวจดูดาวบริวรของราหูเสียก่อน ว่านามปีนักษัตรของปีนั้นตรงกับดาวอะไร ให้ถือนามนักษัตรปีนั้นเป็นปีทอง เช่น ดาวพุธตรงกับนามนักษัตรที่ ๔ คือปีเถาะ ท่านถือว่าคนเกิดปืนั้นชื่อว่าปีกระต่ายทอง ดาวพระเสาร์ตรงกับนามนักษัตรที่ ๗ คือปีมะเมีย ท่านว่าเป็นปีม้าทอง

สำหรับปีนี้เป็นปีของดาวพฤหัสบดี นามที่๕ คือปีมะโรงชื่อว่าปีมังกรทอง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรื่อง มียศฐาบรรดาศักดิ์ในหน้ที่ราชการ จะจริง หรือไม่เพียงใด จะต้องมีการขับดวงอีกครั้งหนึ่ง โดยถือจุดลัคนาเป็นเกณฑ์ ถ้ไม่จริงก็นับว่าล้มเหลว และจะต้องวิเคราะห์ดูทางด้านอื่นอีกต่อไป

โหราศาสตร์ฝ่ายจีน เขาเล่นทางพฤหัสบดีจักร์ พระพฤหัสบดีเป็นนามนักษัตรที่ ๕ คือปีมะโรง ถ้าดาวพฤหัสบดี โคจรครบ ๕ รอบคือ ๖๐  ปี และปีนั้นเป็นปีมะโรง เรียกว่าปีมังกรทอง เหมือนกับราหูอวตารเช่นกัน เราจะเห็นได้อย่างชัด
แจ้งว่า วิชาโหราศาสตร์ของฝ่ายจีนเขายังใช้โหร าศาสตร์ปรับเข้าหาขนบประเพณีมาจนถึงสมัยปัจุบัน และขนบประเพณีเหล่านี้ของจีน ได้กลายเป็นเครื่องระลึกถึงวิชาโหราศาสตร์ที่เรายังค้นไม่พบอีกมากมาย

ปีนี้อายุของผู้เขียนกำลังจะครบ ๖ รอบแล้วจึงแย้มพรายให้ถูกหลานที่สนใจวิชาโหราศาสตร์ได้ล่วงรู้กันไว้ว่า อันวิชาโหราศาสตร์ที่เล่นกันอยู่ขณะนี้ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ก็อย่าได้หวังจะศึกษากับผู้เขียนเลย เพราะเป็นวิชาที่เอือมระอา

น่าเบื่อหน่ายระหว่างครูกับลูกศิษย์ อีกประการหนึ่งดวงชะตาของผู้เขียนไม่เอื้ออำนวยเรื่องการสอนศิษย์เลย เนื่องจากดาวลูกศิษย์อยู่ในเรือนมรณะ หมายถึงลูกศิษย์ทรยศ จึงต้องงดเว้นการสอน จะมีอยู่บ้างก็น้อยคนต็มที เคยสังเกตตลอดมาและเชื่อว่าโหราศาสตร์เป็นวิชาอาถรรพ์แน่นอน ถ้าไม่มีบุญบารมี แต่ชาติปางก่อนแล้วเห็นจะเรียนสำเร็จได้ยากนัก ผู้เขียนเคยสอนศิษย์ภาคดาราศาสตร์ไปเรื่อยๆ ก็นับว่าดีอยู่ แต่พอเปลี่ยนเข้าแนวของโหราศาสตร์ในหมวดของราหู มักจะเกิดอาเพศต่างๆนานา เกิดทรยศครูเสียบ้าง ไม่มาเรียนโดยคิดว่าครูหมดภูมิแล้ว หรือเกิดการแตกแยกกันบ้างและต้องล้มความตั้งใจที่ จะสอนวิชาโหราศาสตร์ที่เรียกว่าอัฏฐกชนาม

สวัสดี.
#คุณยายกลิ่นโสม
#คุณยายเล่าเรื่องจากเรือนดาว
#โหราศาสตร์ไทยเรียนง่ายกว่าที่คิด
#เรียนโหราศาสตร์ไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#อ่านดวงไทยสบายสบาย ตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม   
#เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรี ที่เวปนี้นะ:: htthttp://www.baankhunyai.com
  --------------------  
Visitors: 172,059