ราหู จันทร์

                 
              ราหู จันทร์  โดย อาจารย์ส.แสงตะวัน

ราหู คือเงามืดที่เกิดขึ้น ระหว่างดาวพระอาทิตย์กับโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ โดยที่โลกซีกส่วนหนึ่งได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ส่วนอีกซีกหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้าม จะบังเกิดเป็นเงามืดและทอดตัวยื่นออกไปไกลนับเป็นไมล์ ๆ เงามืดที่่ทอดตัวออกไปจากโลกนี้เอง ทางโหราศาสตร์ไทยเราเรียกว่า
ถ้าเงามืดนี้ทอดตัวไปจับอยู่ที่ดวงจันทร์ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ แรม ๑ ค่ำ เราเรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่า "ราหูอมจันทร์" ทางโหราศาสตร์ ไทยเราเรียกว่า "จันทรคราส หรือ จันทรุปราคา" ปรากฎการณ์ที่จะได้เห็นราหูอมจันทร์ ต่อเมื่อดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์อยู่ตรงกันข้ามโดยมีโลกอยู่ตรงกลางและเดินขนานแนวเดียวกัน

วิชาทางโหราศาสตร์ไทยภาคพยากรณ์ ได้รู้จักกำหนดแนะนำเอามาใช้กันหลายลักษณะหรือจะเรียกว่า"ราหูพิสดาร"ก็ได้ ดังจะได้กล่าวไว้ในที่นี้ เพื่อการศึกษาของอนุชนรุ่นหลังสืบไป ตามกฎเกณฑ์ของวิชาโหราศาสตร์ไทยเราได้กำหนดเวลาการเคลื่อนย้ยของราหูไปสู่ราศีหนึ่งๆ นั้น เป็นเวลา ๑๘ เดือน ถ้านับเป็นปีจะได้เท่ากับ ๑ ปี เดือน ในระหว่างที่ราหูไปปรากฎอยู่ในราศีใดราศีหนึ่งนั้น จะทำให้เจ้าเรือนเกษตรที่ราหูไปปรากฎอยู่นั้น เกิดการสั่น สะเทือนมีการเคลื่อนไหวใน
ลักษณะของราหู ซึ่งแล้วแต่ราหูในพื้นดวงเดิมของใครจะเป็นอย่างไร ย่อมอาจจะมีทั้งส่วนดีและส่วนเสียซึ่งต้องแล้วแต่องศาราหูจร และจุดลัคนาเป็นสำคัญ ถ้าเล่นองศาจร ไม่เป็นหรือวางจุดลัคนาคลาดคลื่อน จะไม่บังเกิดความแม่นยำเลย

เท่าที่ได้เคยสังเกตเห็นมานาน นักศึกษาส่วนมากมักจะละทิ้งหรือไม่ใคร่จะสนใจเรื่องราหูเท่าใดนัก เพราะไปยึดถือเสียว่า ราหู ไม่ใช่ดวงดาว เป็นเพียงจุดมืดระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์เท่านั้น จึงไม่มีผลในทางพยากรณ์มากนัก แต่อันที่จริงแล้ว ถึงแม้ว่าราหูจะไม่ใช่ดวงดาว ราหูก็ทรงอิทธิพล
รุนแรงไม่แพ้ดาวอื่นเลย ในบางครั้งอาจจะรุนแรงกว่าดาวอื่นเสียด้วยช้ำไป ใครทอดทิ้งราหูก็ท่ากับทอดทิ้งโลกไปนั่นเอง

ถ้าเรามาพิจารณากันให้ถ่องแท้เหลียวแลดูรอบๆ ตัวเราจะเห็นได้ว่าในทุก ๒๔ ชั่วโมง เราจะคลุกคลีอยู่ในร่มเงาของราหูระหว่าง ๑๐ ถึง ๑๒ ชั่วโมง โดยที่เราเองนึกไม่ถึง
หรืออาจไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ จะเป็นไปได้หรือไม่ได้ก็ตามที เมื่อยามแสงอาทิตย์กำลังจะเคลื่อนคล้อยลับขอบโลกหรือที่เราเรียกกันว่า พระอาทิตย์ตกดินนั่นแหละ เราจะเห็นความมืดค่อย ๆ เคลือบคลุมเข้ามาทีละน้อยๆ มิช้ามินานรอบๆ ตัวเรา จะมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดเท่านั้น ในความมืดนี้เอง ทางโหราศาสตร์ ไทยเราก็เรียกว่าราหูเหมือนกัน

       

บางท่านอาจจะแย้งว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นได้อย่างนั้นจะเท่ากับเรามีรหูเกิดขึ้นในโลกพยากรณ์ ๒ ราหูน่ะสิ เพราะในทางคำนวณปฏิทินโหราศาสตร์ ที่เราใช้กันอยู่ทั่วไปมีเพียงราหูเดียว และในราศีหนึ่ง ๆ ราหูอยู่นานเป็นเวลา ๑ ปี ๖ เดือน ส่วนเงามืดที่ได้กล่าวมานี้เราจะพบกันอยู่ทุกคืน ถ้าเงามืดนี้  เป็นราหูจริงจะเท่ากับเรามีราหูเกิด ๒ ราหู จึงเป็นสิ่งที่ยังเชื่อไม่ได้

โดยทั่วไปราหูที่เราใช้ผูกควงชะตากันอยู่นั้น เนื่องจากการเคลื่อนย้ายราศีของโลกเป็นมูลเหตุ ส่วนเงามืดที่เราพบกันอยู่ทุกคืนนั้ มูลหตุพราะโลกหมุนรอบตัวเอง และเงามืดทั้ง ๒ อย่างนี้ ทางวิชาโหราศาสตร์ไทยเราถือว่าเป็นราหูเหมือนกัน โหรรุ่นเก่าลายครามเขารู้จักนำเอากลเม็ดของราหู ใน ๒ แบบเข้ามาพยากรณ์ในลักษณะพิสดาร จนทำให้เจ้าชะตางวยงกันมาแล้วมากต่อมาก ไม่เชื่อลองค้นหาดูคงจะพบเข้ากับตนเอง

ถ้าใครอยากจะทราบถึงอุปนิสัยของราหูอย่างเท้จริง ว่ามีลักษณะอย่างไร ว่างๆ ท่านหาโอกาสไปเที่ยวตามสถานที่เริงรมย์หรือตามบาร์ต่าง ๆ ในยามค่ำคืน ท่านจะได้พบกับบุคคลบางกลุ่มที่มาหาความสำราญมีลักษณะอา การแตกต่างกัน เนื่องจากอำนาจสุราพาไป บางคนมีอาการมึนเมาจนยืนทรงตัวแทบไม่ไหว บางคนต้นรำฮัมเพลงกันอย่างครื้นเครง ถ้ามีสตรีร่วมวงด้วยดูจะมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นอักโขทีเดียว บางทีเลยเถิดไปถึงขั้นตะลุมบอนกันเองก็มี บนใครนอนเผลอเลอนอนหลับไม่ใส่กลอนประตู มีหวังถูกขโมยหรือโจรปล้นจี้เอาก็ได้ หากขัดขืนอาจถึงกับเจ็บตัวเอาด้วย แบบอย่างที่กล่าวมานี้ ถึงแม้จะเป็นส่วนน้อยก็เป็นอิทธิพลของราหูทั้งนั้น

นอกจากนี้ เขายังแยกแยะนิสัยของราหูออกไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งตรงกันข้ามกับที่กล่าวมาแล้วดังเช่น ภิกษุสงฆ์ นักพรตในนิกายต่างๆ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน หรือทำอารมณ์ให้สงบโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อชำระจิตใจให้ปราศจากความเศร้หมอง อำนาจแห่งความสงบเหล่านี้มีผลเนื่องมาจากราหูด้วยเหมือนกัน

อิทธิพลของราหูที่กล่าวมาแล้วนี้ เมื่อพิจารณาดูโดยผิวเผินเห็นว่ายังขัดแย้งกันอยู่ ด้วยเหตุผลกลใด ในเมื่อราหูมีนิสัยในเชิงนักเลง สามารถเปลี่ยนนิสัยให้เป็น โจรเป็นขโมย หรือทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายก็ได้ จึงมากลายเป็นนักพรต นักบุญ ตลอดจนการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งเป็นนิสัยที่
ตรงกันข้ามกันอยู่อย่างหน้ำมือเป็นหลังมือเช่นนี้ จะทำให้บังเกิดความเชื่อถือและยึดเป็นตำราได้อย่างไร

เรื่องนี้พอจะอธิบายให้เข้าใจได้ไม่ยากนัก คนเราเมื่อเกิดมาเมื่ออายุอยู่ในวัยหนุ่มสาว ราหูจะทรงอิทธิพลรุนแรงอย่างผิดปกติ อาจทำให้เกิดความลุ่มหลงในทางที่ผิดๆ ก็ได้  ถ้าหากผู้นั้นมีจุดลัคนาสัมพันธ์กันอยู่กับราหู มองเห็นโลกกว้างน่าอยู่นรื่นรม ทำการสิ่งใดมักบาดการไตร่ตรองและยั้งคิด มุทะลุตึตังโดยเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป เมื่ออายุผ่าน ๔๕ ปีล่วงไปแล้ว อิทธิพลของราหูจะค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ทำให้มองเห็นภาพพจน์ในอดีตเป็นสิ่งที่หลอกหลอนน่าขยะแขยง

เมื่อเป็นเช่นนี้จิตใจที่พลุ่งพล่านอยู่ก่อนเก่า จะค่อยเริ่มเปลี่ยน แปลงเข้าห้วงแห่งความสงบ และมีสติสัมปชัญญะรู้ผิดรู้ชอบต่อสิ่งที่ตนมุ่งหวังต่ออนาคต ระยะนี้เองเป็นระยะที่ราหูกลับใจ ซึ่งเคยดุร้ายกลายเป็นนักบุญไป ท่านผู้อ่านคงเคยเห็นหรือเคยได้ยินได้ฟังท่านผู้ใหญ่เล่าว่า ภิกษุองค์นั้นองค์นี้บวชเรียนจนได้เป็นสมภารเจ้าวัด ในอดีตเคยเป็นโจรขนาดมีฉายาว่า เสือร้าย มาแล้วก็มีอยู่เหมือนกัน

โดยปกติการพยากรณ์เฉพาะวันหนึ่งๆ ที่เจ้าชะตามีการเคลื่อนไหว จะด้วยเรื่องการเงิน การงาน หรือเรื่องอะไรก็ตาม เรามักจะยึดหลักอยู่ที่ดาวจันทร์จรประจำวันนั้นๆ เป็นเกณฑ์ ถ้าดาวจันทร์จรอยู่ในตำแหน่งดีกับลัคนา เรามักจะพยากรณ์ไปว่ดี หรือถ้าดาวจันทร์จรทำมุมเสียกับลัคนา เรา
มักจะพยากรณ์ไปว่าวันนั้นไม่ดี แต่ถ้าวันนั้นบังเอิญดาวจันทร์จรดีเจ้าชะตากลับเสียหาย หรือดาวจันทร์จรเสียแต่เจ้าชะตากลับมีดีขึ้นมา เมื่อนี้เป็นปัญหาโหรจะต้องขบคิดกันอย่างหนัก
บางที่มุ่งไปที่จุดลัดนาโดยเข้าใจว่าลัคนาอยู่ผิดราศี หรือเข้าใจไปว่าเวลาเกิดของเจ้าชะตาไม่แน่นอน ทำให้เกิดการคลาดเคลื่อนขึ้น

แต่โหรรุ่นเก่าลายครามเขาหาได้ จับจุดอยู่ที่ดาวจันทร์เพียงอย่างเดียวไม่ เขาจะต้องตรวจดูดาวอื่นที่จันทร์ไปมีส่วนสัมพันธ์ด้วย ถ้หากเป็นในเวลากลางคืนด้วยแล้ว เขาต้องดูที่ราหูกับดาวพุธด้วย เพราะดาวพุธกับราหูเคยเป็นคู่รักคู่แค้นกันมานานตามลักษณะของชาติเวร  ชาติเวรเคยมีมาอย่างไรควรจะได้รู้กันไว้บ้งตามสมควร

ตามชาติเวรราหูเป็นพ่อค้าชั้นเศรษฐี นางจันทร์ได้ยืมเงินจากราหู เมื่อถึงกำหนดชดใช้หนี้ตามสัญญา ราหูจึงไปทวงถาม แต่นางจันทร์หามีเงินใช้หนี้ให้ราหูไม่ เมื่อราหูทางหนี้จากนางจันทร์ไม่ได้ตามประสงค์ จึงคิดจะเอานางจันทร์มาเป็นภรรยาเพื่อการชำะหนี้ แต่ลักษณะรูปร่างหน้าตาของราหูน่าเกลียดขยะแขยงเหมือนยักษ์มาร ไม่น่าพิศวาสที่ตรงไหน นางจันทร์จึงไม่ยอมไปอยู่ในอ้อมอกของราหูในฐานะเป็นภรรยา เมื่อนางจันทร์ไม่ยินยอม ราหูจึงใช้พลังอำนาจยื้อยุดฉุด
กระชาก โดยหมายว่าจะเอานางจันทร์มาเป็นภรรยาให้ได้ นางจันทร์ตกใจดิ้นรนหลุดออกมาได้ จึงวิ่งตะโกนร้องให้ชาวบ้านช่วยเหลือ แต่ก็หามีใครกล้าหาญเข้าช่วยเหลือได้ไม่ เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของราหู มีหตุให้บังเอิญในขณะนั้น คาวพุธซึ่งอยู่ในร่างของสุนัขเดินผ่านมาพบเข้า นางจันทร์ขอร้องให้สุนัขช่วยด้วย ดาวพุธในร่างของสุนัขจึงถามไถ่เรื่องราวที่เป็นมาจนรู้เล่ห์กระเท่ห์ของราหูที่จะจับนางจันทร์ไปเป็นภรรยาพราะหนี้สิน พุธในร่างของสุนับจึงเข้าขัดขวางและไล่
กับราหู ราหูเห็นทางสู้ไม่ได้จึงหนีไปด้วยประการฉะนี้แล

       

ลักษณะชาติวรจะเห็นได้ว่า ถึงแม้ราหูจะมีอำนาจเก่งกาจสักป่านใดก็ตาม ยังต้องพ่ายแพ้ดาวพุธอย่างง่ายดาย ใครว่าในโลกโหราศาสตร์ ไม่มีใครสามารถขับยั้งราหูได้  นอกจากดาวพฤหัสบดีท่านั้น เห็นจะไม่จริงเสียแล้ว ยังมีดาวพุธอีกดวงหนึ่งที่สามารถยับยั้งราหูได้  แต่ดาวพุธกับดาวพฤหัสบดีมีการยับชั้งราหูกันคนละลักษณะคือดาวพุธใช้อำนาจยับยั้งในทางเด็ดขาดรวดเร็ว ไม่ใคร่ฟังเหตุผล ส่วนดาวพฤหัสบดี ใช้อำนาจยับยั้งในลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัยกันหรือค่อยๆ พูดจากันโดยใช้เหตุผลป็นที่ตั้ง จะเรียกว่า ออมชอม กัน ก็ได้

การที่จะจับเอาราหูมาล่นควบกับดาวพุธ รู้สึกว่าจะเป็นสิ่งที่ยากลำบากอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องของการผสมธาตุที่ซับซ้อนกลับไปกลับมาเสมือนเรียนวิชาไม่รู้จบ ครูโหรท่านจึงตั้งชื่อดาวคู่นี้แบบกว้างๆ ว่า ถ้าราหูจรไปทับดาวพุธ เรียกว่า "ราหูเจ้าเล่ห์" ถ้าดาวพุธจร ไปทับราหูเรียกว่า "พุธหลงกล" คำว่าราหูเจ้าล่ห์กับพุธหลงกลนี้ ถ้าเราสามารถขยายหรือแยกแยะความหมายให้กว้างขวางได้เท่าได จะเกิดประโยชน์แก่การพยากรณ์มากเท่านั้น

เช่น "ราหูเจ้าเล่ห์" ถ้าราหูหมายถึงตัวเราเอง ควรจะพิจารณาถึงความรอบคอบในสิ่งที่ตนคิดหรือการกระทำเพราะอาจเกิดผิดพลาดขึ้น และอาณกิดความเสียหายแก่ตนเองได้ ถ้าราหูหมายถึงผู้อื่น พึงควรระวังอาจจะถูกผู้อื่นเอารัดเอาเปรียบ หรือมีเล่ห์กระเท่ห์แอบแฝงอยู่  ส่วน "ดาวพุธหลงกล" นั้น ถ้าดาวพุธหมายถึงตัวเรา การกระทำทุกอย่างควรจะตรวจตราดูความเรียบร้อย ซึ่งอาจผิดพลาดได้ โดยเฉพาะเอกสารสัญญาหรือสิ่งประดิษฐ์กรรมต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าดาวพุธหมายถึงผู้อื่น พึงควรระวังจะหลงกลแก่ผู้ที่คิดจะทรยศต่อเรา อย่าหลงเชื่อคำผู้อื่นที่ยังไม่มีอะไรยืนยัน ก่อนตัดสินใจควรจะปรึกษาหารือกับผู้ที่ไว้วางใจ ได้เสียก่อนมิฉะนั้นจะเสียใจภายหลัง ดังที่มีคำพังเพยว่า "อยากเป็นหนี้ให้เป็นนายหน้า อยากเป็นขี้ข้าให้เป็นนายประกัน" ผลมาจากดาวพุธหลงกลนี้ด้วยเหมือนกัน

โหรรุ่นเก่าที่เก่งในเชิงเล่นราหูกับดาวพุธ เบาจะไม่ยึดถือเฉพาะดาวจันทรจรเพียงดวงเดียว เขาจะเชื่อมโยงไปหาราหูกับดาวพุธและคาวอื่นๆ ด้วย ยิ่งยามค่ำคืนด้วยแล้วดาวทั้ง ๓ ดวงนี้ จะเป็นหัวใจของโหรที่เดียว 

ท่านที่ชอบเล่นจันทร์จรประจำวัน ควรจะได้ศึกษาให้ละเอียดและฝึกหัดแยกแยะให้กว้างขวาง
ถ้าสามารถจับเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมาพยากรณ์ได้ถูกต้อง จะทำให้เกิดความสนุกสนานและนำชื่อเสียงมาสู่ตนเอง

การเคลื่อนไหวในวันหนึ่งๆ นั้นจะต้องจับจุดอยู่ที่ดาวจันทร์จรเป็นสำคัญ สมมติว่าในวันนั้นดาวจันทร์จรทำมุมดีแก่ลัคนา และอยู่ในเรือนเกษตรของพุธ จงอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจพยากรณ์ไปว่าเขาจะดี ราจะต้องตรวจดูที่ดาวพุธจรด้วย ว่าในวันนั้นดาวพุธจรอยู่ในมุมดีกับลัคนาด้วยหรือเปล่า
ถ้าหากว่าดาวพุธจรอยู่ในมุมดีเราก็พยากรณ์ได้ว่าดี แต่ถ้าหากว่าดาวพุธทำมุมเสียแก่ลัคนา เราก็ต้องพยากรณ์ว่าเสีย จะยึดถือเอาเหตุผลว่า เมื่อดาวจันทร์จรดีแล้วจะต้องพยากรณ์ว่าดีเสมอไปนั้นอาจผิดได้ เพราะดาวจันทร์ส่วนใหญ่จะมีหน้าที่เกี่ยวแก่การตัดสินให้แก่ดาวอื่น

แต่ถ้าหากว่าดาวจันทร์จรกับดาวพุธจรอยู่ในมุมดีกับลัคนา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม เรียกว่าแทนที่จะดีกลับเสียไป เรื่องนี้จะต้องอยู่ที่องศาจรของดาวพุธเป็นสำคัญเพราะควงดาวที่จรเข้าไปในราศีหนึ่งๆ นั้น จะต้องมีส่วนเกี่ยวพันในเรื่ององศาอยู่เสมอ ดาวจรถึงแม้ว่าจะจรเข้าไปใน
ราศีที่เสียแก่่ลัคนา ถ้าหากองศาที่จรไปในขณะนั้นยังอยู่ในจังหวะที่ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ย่อมจะดีได้เหมือนกัน เรื่ององศานี้เป็นอีกแขนงหนึ่งที่ต้องจับเอามาพิจารณาด้วย

บางตอนหรือบางคำผู้เขียนมักจะใช้คำว่า อาจจะไว้นั้น ถือไม่บอกไปตามตรงเท่าที่ควร เนื่องจากเหตุผลที่ว่าจะต้องดูราหูในพื้นดวงเดิมเสียก่อนว่ามีลักษณะอย่างไร และบริสุทธิ์หรือไม่ และราหูที่จรเข้ามาในราศีปัจจุบันว่า ในพื้นดวงเดิมมีดวงดาวอยู่กี่ดวงและบริสุทธิ์หรือไม่ ถ้าหากราหูเดิม
บริสุทธิ์และอยู่ในตำแหน่งที่ดีแก่ลัคนาย่อมจะให้คุณประโยชน์ในทางดีแก่เจ้าชะตาได้ หรือถ้าหากราหูเดิมบริสุทธิ์แต่จรไปทับดาวดวงเดิมที่ไม่บริสุทธิ์ย่อมจะเกิดอุปสรรคหรือเกิดผลเสียหายได้เหมือนกันเรื่องนี้พึงควรสังวรณ์ไว้ให้มากสำหรับนักพยากรณ์ทั่วไป

คำว่าบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์นั้น มีมูลเหตุอยู่ ๒ ประการคือ
ประการที่ ๑  ถ้าหากราหูในพื้นดวงเดิมมีควงดาวร่วมจับกลุ่มอยู่กับราหูตั้งแต่ ๒ ดวงขึ้นไป รวมทั้งราหูด้วยเป็น ๓ ดวงขึ้นไป เรียกว่าราหูเดิมไม่บริสุทธิ์
ประการที่ ๒ ถ้หากราหูเดิมบริสุทธิ์ เมื่อจรเข้าไปทับราศีใดราศีหนึ่ง ในพื้นดวงเดิมมีดาวอยู่ตั้งแต่ ๓ ดวงขึ้นไป ก็เรียกว่าราหูจรไปทับดาวไม่บริสุทธิ์เหมือนกัน ในเมื่อควงดาวไม่บริสุทธิ์เกิดขึ้นกับใคร สิ่งที่หวังไว้จะไม่ราบรื่นนัก

ท่านนักศึกษาไสมควรจะปถ่อยปละละเลย โดยยึดถือเอาว่าราหูมิใช่ดวงดาว เป็นเพียงแต่จุดมืดเท่านั้น จึงไม่มีผลในทางพยากรณ์เท่าใดนัก ถ้หากเกิดเช่นนี้จริง ผู้เขียนต้องขอแย้งว่า เป็นการเข้าใจที่ผิดถนัดทีเดียว ถ้าท่านเล่นทางราหูเป็นแล้ว ท่านจะเห็นได้ว่าราหูทรงอิทธิพลไม่แพ้ดาวอื่นเลย ดูเหมือนจะเหนือกว่าดาวอื่นในบางดวงเสียด้วยซ้ำไป การเล่นในทางพยากรณ์ เขาต้องอาศัยกระแสธาตุเป็นหลัก และ กระแสธาตุที่จะได้มาจะต้องอาศัยดวงดาวเป็นตัวส่งมาให้อีก
ที่หนึ่ง ถ้าดวงดาวไม่ส่งกระแสธาตุมาให้ เราจะไม่สามารถนำมาใช้ในทางพยากรณ์ ได้เลย ราหูถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ควงดาวก็จริงอยู่ แต่ราหูมีอิทธิพลในทางกระแสธาตุอยู่มากมาย พอที่จะไปผสมผสานกับกระแสธาตุของคาวอื่นได้เป็นอย่างดี

ส่วนท่านที่ชอบเล่นทางจันทรจรประจำวัน ควรจะซักซ้อมและพิจารณาหาเหตุผลให้หลาย ๆ ชั้น เพราะการเล่นทางจันทร์จร ไม่เหมือนกับการเล่นเช่นดาวอื่นๆทั้งนี้เนื่องจากดาวจันทร์เป็นดาวตัดสินให้กับดาวอื่น และกระแสธาตุของดาวจันทร์จร จะไปมีส่วนผสมผสานกับดาวอื่น ในขณะที่จันทร์เข้าไปตัดสินด้วยเสมอ กระแสธาตุของจันทร์  เปรียบเสมือนผงชูรสที่เติมอาหารครั้งสุดท้าย

อนึ่งวิชาโหราศาสตร์ เป็นวิชาที่แปลกประหลาดและมหัศจรรย์ ซึ่งไม่เหมือนกับวิชาอื่นที่เคยเล่าเรียนมา คือมีทั้งจริง มีทั้งหลอกหลอน และมีทั้งล้อเลียนเกิดขึ้นแก่ตัวเราอยู่เสมอ บางคนร่ำเรียนกันจนเอือมระอาต้องโยนทิ้งลงตะกร้าไปก็มาก บางคนพอมีลู่ทางอยู่บ้างก็คลำหาทางกันต่อไป ตอนไหนไม่สำคัญเท่าตอนที่พอจะไปกับเพื่อนเบาได้บ้าง

ภาพพจน์และจิตใจทำให้คิดทรนงว่าต้องสำเร็จแน่และต้องอยู่เหนือเพื่อนอีกด้วย ไม่เชื่อท่านทดลองไปนั่งสนทนากับพวกที่เปิดสำนักต่างๆดู  ท่านจะพบว่ามีเป็นส่วนมากจะต้องแสดง
ภูมิรู้ว่าเก่งพอตัวแทบทั้งนั้น  เมื่อสมัย ๓๐ ปีก่อนผู้เขียนก็เคยนึกอย่างนั้นเหมือนกัน ต่อมาภายหลังเมื่อเรียนไปนานๆ จึงรู้ว่าตนเองไม่เอาไหนเลย เพราะใครจะเก่งหรือไม่เก่งมิใช่ตัวเราเป็นผู้ตัดสิน หากแต่ผู้มาให้พยากรณ์ต่างหากเป็นผู้ตัดสิน ถ้าเก่งจริงก็มีผู้นิยมสรรเสริญ ถ้าไม่เก่งเขาก็จะ ไม่ยกย่องและ ไม่กลับมาอีกเลย

ท่านอาจารย์ของผู้เขียนได้เคยให้คำนิยามเล่น ๆ ไว้ว่า ใครก็ตามถ้าเขาบอกว่า เขารู้วิชาโหร ๖๐ เปอร์เซนต์ เจ้าจงรู้ไว้เถิดว่า เขามีความรู้เพียง ๔๐ เปอร์เซนต์ ถ้าเขาบอกว่าเขารู้ 6 เปอร์เซนต์ เขารู้เพียง ๑ เปอร์เซนต์เท่านั้น แต่ถ้าหากเขา บอกว่า เขารู้ ๑๐๐ เปอร์เซนต์ เจ้าจงเข้าใจไว้เถิดว่า เขาจะ ไม่รู้อะไรเลย
 
#คุณยายกลิ่นโสม
#คุณยายเล่าเรื่องจากเรือนดาว
#โหราศาสตร์ไทยเรียนง่ายกว่าที่คิด
#เรียนโหราศาสตร์ไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#อ่านดวงไทยสบายสบาย ตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม   
#เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรี ที่เวปนี้นะ:: htthttp://www.baankhunyai.com
  --------------------  
Visitors: 171,559