ดวงตัวอย่างที่น่าศึกษา

จากดวงตัวอย่างที่เรากำลังสนใจอยู่นี้ นักศึกษาจะเห็นลัคนาสถิตย์ราศีมิถุนลมแล้ง มีดาวพฤหัสบดีสถิตย์ราศีกรกฏนำหน้าลัคนา มีอาทิตย์ อังคาร ศุกร์ จับกลุ่มอยู่ราศีสิงห์ มีดาวพุธ ครองเรือนเกษตรอยู่ราศีกันย์ มีพระเสาร์ครองตำแหน่งอุจจ์ อยู่ราศีตุล และมีดาวจันทร์กับพระราหู คู่สมพลอยู่ราศีพิจิก ดาวจันทร์และพระราหูคู่สุดท้ายนี้เอง จะเป็นจุดสำคัญในการอ่านดวงชาตานี้ แม้วเราจะเห็นกันว่าอยู่เรือน อริ แก่ลัคนา อย่าเพิ่งยึดถือว่าเสียควรปล่อยให้เป็นดาวคู่ลอยๆไว้ก่อน เนื่องจากดาวดวงหนึ่งย่อมจะขับให้ดาวอีกดวงเป็นอะไรหรือมีฐานะอย่างไรก็ได้ เรียกว่าขับดวงชาตา เนื่องจากการเล่นระบบธาตุนั้นอุปมาหมือนเครื่องพิมพ์ดีด ใช้นิ้วกดตัวอักษรที่แป้นแคร่ตัวหนังสือจะไปปรากฎที่กระดาษพิมพ์ดังนี้ เป็นต้น
ดาวจันทร์กับพระราหูคู่สมพล อยู่ในตำแหน่งเรือนนี้ จะกระตุ้นเข้าเสริมดาวพระเสาร์ในราศีตุลเข้าครองในตำแหน่งอุจจ์ และดาวพระศุกร์กับอาทิตย์คู่สมพลในราศีสิงห์ ช่วยส่งพลังธาตุเข้าเสริมพระเสาร์ในราศีตุลให้เป็นอุจจ์ อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่า มหาอุจจ์คือพระเสาร์ได้เพิ่มกำลังอุจจ์ถึงสองชั้นดังนี้ ดาวอังคารกับพระศุกร์คู่มิตรในราศีสิงห์ได้ขยายกำลังธาตุไฟให้กับดาวพฤหัสบดีในราศีกรกฎ ครองตำแหน่งอุจจ์แท้ และดาวพระเสาร์ราศีตุลช่วยขยายและขับธาตุของตนเสริมให้ดาวพฤหัสบดีเพิ่มกำลังเป็นอุจน์อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่า มหาอุจจ์ คือป็นอุจงถึงสองชั้น เช่นเดียวกับพระเสาร์ส่วนดาวพุธในราศีกันย์ ไม่มีใครขับให้เป็นอุจจ จึงไม่เป็นอุจน์เป็นเพียงดาวธรรมดาเช่นดาวอื่น
อีกจังหวะหนึ่ง ดาวจันทร์กับพระราหูอยู่ราศีพิจิก ธาตุน้ำบาดาลอยู่ในตำแหน่งอริ แก่ลัคนา แต่กลับส่งผลให้ดาวอังคารมีพลังแรงในราศีธาตุไฟ เรื่องกำลังธาตุของดาวอังคารนักศึกษา ควรจะย้อนกลับไปอ่านบทความของผู้เขียนฉบับประจำเดือนตุลาคมกับธันวาคมของโหราเวสม์ดูอีกครั้งหนึ่ง ก็จะทราบดีว่ามีการส่งเสริมพลังกันอย่างไร สำหรับส่วนเสื่อมเสียของดาวจันทร์กับพระราหู่คู่นี้ก็มีอยู่ซึ่งจะสรุปในตอนท้าย ๆ ต่อไป
นักศึกษา คงจะเห็นแล้วว่า ดวงนี้มีมหาอุจจ์ที่แท้จริงถึงสองดวง คือดาวพฤหัสบดี กับ ดาวพระเสาร์ และครองตำแหน่งมหาองงถึงสองชั้น นับว่าเป็นดาวที่หาได้ไม่บ่อยนัก อาจเป็นอุจจ์ถึงสามหรือสี่ชั้นก็ได้ ถ้าเข้าในกฎเกณฑ์บองหลักวิชาโหร บรมครูโหรรุ่นก่าเคยขียนตำราวิธีขับดาวอุจจ์ ตามแบบของท่านก็มีอยู่เหมือนกัน แต่เป็นคนละแบบกับของผู้เขียน คือถ้าไม่แตกฉานในเรื่องธาตุก็ขับไม่ได้ และ ไม่รู้เรื่องราวการเล่นด้วย
ต่อจากนี้เราก็จับเอาลัคนามาพิจารณา ซึ่งเป็นหลักสำคัญ นึกศึกษาคงจะเห็นแล้วว่าเจ้าชาตามีจุดลัคนาอยู่ราศีมิถุน ธาตุลมแล้ง หมายถึงความแห้ง ความไม่เบิกบานในอารมณ์ ดาวพฤหัสบดีเป็นมหาอุจจ์แท้นำหน้ำลัคนา ดาวพฤหัสบดีมาจากราศีธนู เรือนปัตนิ แสดงว่าเจ้ชาตาได้คู่ครองเป็นผู้ดีมีสกุลสูง หรือคู่ครองมีฐานะดี อยู่ในขั้นเศรษฐีที่เคียว ดาวอังคารราศีสิงห์ร่วมเรือนเกษตร กับ อาทิตย์ อังคารดวงนี้ได้ กำลังเสริมจากพระราหูในราศีพิจิก แสดงถึงการมีตำแหน่ง หน้าที่การงานดี คงจะรับราชการทหาร หรือทำงานประเภท เครื่องยนต์ประกอบด้วยไฟฟ้า ดาวพระศุกร์ร่วมเรือนกับอังคารในราศีสิงห์ ดาวพระศุกร์ดวงนี้เจ้าชาตาเกิดตอนตี o๓,๐๐ น. โดยประมาณใกล้รุ่ง ชื่อว่า ดาวประกายพรึก กำลังเริ่มทอรัศมีอันช่วงโชติอันความรักจึงน่าจะสดชื่นแจ่มใส
ตามสายตาของคนภายนอก เมื่อเราพิจารณาดูในส่วนลึกของดาวพระศุกร์แล้ว ดาวพระศุกร์หาได้สดใสเป็นเอกเทศไม่แม้ว่าจะมีดาวอังการเป็นคู่มิตรเสริมอยู่ แต่ดาวอังคารมาอยู่กับพระศุกร์ในฐานะตัวแทนของพระราหูกับจันทร์ จึงให้พระศุกรบังเกิดใฝ่ฝ้ามัวหมองตามหลักวิเคราะห์ของท่านบรมครูโหร ท่านว่าดวงนี้มีคู่ดีแต่ความรักไม่ราบรื่น ดาวพุธเป็นดาวตนุลัคนา ธาตุดินอันเกิดจากความแห้งแล้วดังที่กล่าวมาแล้วในราศีมิถุน
ดาวพระเสาร์เป็นมหาอุจจ์แห้อยู่ราศีตุลอยู่ในตำแหน่ง ปุตตะหมายถึงบุตรและญาติพี่น้อง จึงนับว่าเจ้าชาตามีบุตรดีเป็นอภิชาติ สามารถชิดชูวงศ์ตระกูลให้สูงเด่นได้ ในอนาคต ดาวจันทร์กับพระราหูคู่สมพลอยู่ในตำแหน่ง อริและเป็นคู่สำคัญของชีวิตการครองเรือน ดาวคู่นี้มีผลสะท้อน สะเทือนไปถึงดาวพระศุกร์อย่างรุนแรง กล่าวคือก่อนจะพบคู่ครองที่แท้จริงเจ้าชาตาเคยผิดหวังเรื่องความรักมาก่อนทั้งสองฝ่าย เนื่องจากมิใช่บุพเพสันนิวาสมาแต่อดีตชาติจึงให้คลาดแคล้วกันไป ตามภาษาโหรท่านกล่าวว่าจะประสบความลุ้มเหลวในความรักครั้งแรก เพราะเพื่อนเข้ามาเป็นคู่แข่ง แต่จะได้แต่งงานกันหลัง เป็นบุตรผู้ดีมีสกุล แต่ความรักไม่ราบรื่นนัก
จากผลสรุปเป็นการแสดงว่าชีวิตแห่งการครองเรือนในด้านความรัก ได้ตกอยู่ในสภาพที่น่าชื่นอกตรมเสมือนต้องคำพิพากษา ติดตะรางดวงใจตลอดชีพ ดาวพระเสาร์จะแสดงพลังมหาอุจจเต็มที่เมื่ออายุย่างเข้า ๔๐ ปี เป็นต้นไป พฤหัสบดี จะแสดงพลังมหาอุจจเต็มที่เมื่ออายุย่างเบ้า ๕๑ ปี เป็นต้นไป และดาวทั้งหมดจะเปลี่ยนทิศทางโยคหน้า เรียกว่า ลัคนาขับพล อย่างสมบูรณ์ตามแบบฉบับของโหรไทยเดิม
การวิจารณ์ดวงนี้ผู้เขียนเล่นแบบโบราณล้วนๆ ซึ่งมาดาวในเรือนชาตาอยู่ ๘ ดวงขาดไป ๒ ดวงคือ พระเกตุกับดาวมฤตยู และดาว ๒ ดวงนี้เพิ่งเกิดขึ้นในสมัยหลัง ถ้าได้เพิ่มดาวทั้งสองดวงนี้เข้าไปด้วย จะขยายความออกไปได้อย่างกว้างขวาง พระเกตุจะอยู่ราศีกุมภ์ และดาวมฤตยูราศีกรกฏคู่กับดาวพฤหัสบดี พอจะมองเห็นได้ว่า ดวงนี้อายุสั้น จะเสียชีวิตด้วย โรคปัจุบันทันด่วน ขอให้นักศึกษาแกะรอยดูบ่อย ๆ คงจะเห็นช่องทางเก็บไปค้นคว้าได้บ้าง ตามความสามารถของตน
สวัสดี.
ส.แสงตะวัน




