ลัคนาและเวลาเกิด
ลัคนา และ เวลาเกิด โดยอาจารย์ประทีป อัครา
การพยากรณ์ในระบบโหราศาสตร์ ซึ่งเรียกันโดยทั่วๆไปว่า "ผูกดวง" นั้น เห็นจะกล่าวได้ว่า"ลัคนา" เป็นจุดที่มีความสำคัญสูงสุดกว่าสิ่งอื่น เพราะว่าความถูกต้องแม่นยำแห่งการพยากรณ์ ขึ้นอยู่กับความถูกต้องแน่นอนของจุด "ลัคนา" นี้ทั้งสิ้น แต่ทว่าการที่จะได้จุดลัคนาอันถูกต้องนั้น จำเป็นที่จะต้องได้ "เวลาเกิด" อันแน่นอนก่อน ฉะนั้น"เวลาเกิด จึงเป็นส่วนสำคัญอันสูงสุดของ "ลัคนา" อีกต่อหนึ่ง
ผมคิดว่านักศึกษาค้นคว้ในวิชานี้คงจะได้ประสบมาด้วยตนเองแล้วเกือบทุกคนที่ว่า ลัคนาของคนบางคนมีสภาพไม่ผิดกับนักธุรกิจที่ถุกต้อง ที่ต้องขึ้นเหนือล่องใต้อยู่ตลอดเวลา เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นครั้งหนึ่งก็เกิดความมั่นใจเสียคราวหนึ่งว่าลัคนาของตนจะต้องอยู่ในราศีนั้นราศีนี้ แต่พอมีเหตุการณ์สำคัญๆเกิดขึ้นอีก ก็ชักจะเกิดความลังเลขึ้นมาอีกว่า ลัคนาที่วางไว้เดิมนั้นน่าจะไม่ถูกแท้ ที่ถูกจะต้องเลื่อนไปข้างหน้า หรือไม่ก็เลื่อนไปข้างหลังอีกราศีหนึ่ง บางคนเลื่อนไปเลื่อนมาถึง๓ราศีก็ยังถือเอาเป็นที่ยุติไม่ได้ก็มีอยู่เป็นมาก
อันโหราศาสตร์นั้น ย่อมเป็นที่ประจักษ์ดีโดยทั่วไปกันแล้วว่า ได้อุบัติขึ้นและมีอายุนานมาหลายพันปีแล้ว โดยเป็นศาสตร์ที่ใช้ได้ผลและได้รับความยกย่องนับถือจากปัญญาชนด้วยดีตลอดมา
ก็แหละในวิชาโหราศาสตร์นั้น "เวลาเกิด" ซึ่งถือกันว่าเป็นจุดสำคัญอันยิ่งยวด ก็เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดจุด "ลัคนา" และเกิด "ภพ" ในจักรราศี
ในวงการโหรไทยเรา ซึ่งมีเรื่องราวและประวัติสาสตร์ที่พอจะค้นคว้าศึกษาได้ทำให้เรารู้สึกว่าบรุพโหราจารย์ของเรามีประเพณีแห่งการรักษาศักดิ์ศรีของโหรเคร่งครัดเฉียบขาดกว่าโหรชาวอื่น
บันทึกเรื่องราวการพยากรณ์ในสมัยก่อนๆของบรุพโหราจารย์ไทย เราจะเห็นว่าท่านพยากรณ์กันแบบ "จับตัววางตาย" ทั้งสิ้นไม่ปรากฎว่านิยมให้การพยากรณ์ที่เป็นข้อความสองง่ามสองมุมหรือดิ้นไปดิ้นมาได้ เท่าๆที่ทราบจาการบอกบอกเล่าของผู้ใหญ่ นอกจากจะให้การพยากรณ์แบบจับตัววาตายอย่างว่าแล้ว ท่านขุนโหรที่ทูลถวายคำพยากรณ์เหตุการณ์สำคัญๆ ยังจะถือเป็นประเพณี"ถวายหัว"ควบคู่กันไปอีกด้วย ซึ่งการที่ท่านทำได้อย่างนั้น ผมเข้าใจเอาตามประสานักศึกษาว่าขึ้นอยู่กับการที่ท่านกำหนดความสามารถกำหนดของ "ลัคนา" ได้โดยถูกต้องแน่นอนนั่นเอง
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า "ลัคนา" ที่ถูกต้องนั้นเกิดขึ้นจาก "เวลาเกิด"อันถูกต้อง ก็ในเมื่อสมัยนั้น นาฬิกาไซโก้ที่ได้รับการคัดเลือกให้ใช้จับเวลาในกีฬาโอลิมปิคก็ังไม่มี นาฬิกายี่ห้อดีๆที่บอกเวลาได้ละเอียดถี่ถ้วนและเที่ยงตรงแม่นยำ เช่น มิโด้ โมวาโด้ โอเมก้า หรือ โรเล็กซื ก็ยังไม่เกิดจึงเป็นปัญหาที่น่าขบคิดว่าท่านเอาอะไรเป็นเครื่องกำหนดเวลาอันแน่นอน สำหรับการวางลัคนาที่ทำให้กล้าพยากรณ์อย่าง "จับวางตาย" และ "ถวายหัว" ได้เช่นนั้น
เมื่พิจารณาสอบสวนจากสิ่งแวดล้อมต่างๆแล้ว จะเห็นได้ว่า การกำหนดปีก็ดี เดือก็ดี วันก็ดี ท่านกำหนดเอาจากดวงดาวทั้งสิ้น จึงพอจะอนุมานเอาจาหหลักฐานต่างๆได้ว่า การกำหนดเวลาในสมัยที่เครื่องจักรบอกเวลาที่แน่นอนยังไม่มีนั้น ท่านก็กำหนดเอาจากแสงแดดแสงดาวนั่นเอง
อันเวลกลางวันแะกลางคืนนั้น เราต่างก็รู้กันตั้งแต่เริ่มเรียนหนังสือแล้วว่า มันเกิดขึ้นจากการที่โลกหมุนรอบตัวเอง นอกจากนี้ในการเรียนภูมิศาสตร์ตั้งแต่ชั้นน้อยๆ เราก็ได้รับความรู้มาว่า ที่ว่าโลกกลมนั้น หาได้กลมดิกเหมือนลูกบิลเลียตหรือลูกฟุตบอลล์ไม่ มันมีลักษณะเบี้ยวๆ รีๆและขรุๆ ขระๆ เหมือนผลส้มส้า มีหัวขั้วเรียกว่าขั้วโลก แต่ทว่าส้มส้าผลนี้คือโลกเรานี้หาได้โตงเตงมรแกนขั้วตั้งได้ฉากเหมือนกับผมส้มส้าจริงๆที่ห้อยอยู่กับต้นไม่ แกนของผลส้มส่าสมมุติคือโลกนี้นอกจากจะทำมุมเอียงอยู่ถึง ๒๓ องศาเศษแล้ว ยังมีอาการทรงตัวไม่ผิดกับสาวแสนงอนที่ทำจริตกับคนรักอยู่ตลอดเวลา คือเอนขั้วเข้าไปหาดวงอาทิตย์บ้าง เอนห่างออกมาบ้าง ทำให้ฤดูกาลและเวลาอุทัยแห่งดวงอาทิตย์แต่ละตำบลผิดไปมิได้คงที่อยู่ชั่วนาตาปี
เมื่อมีเครื่องจักร เครื่องพิมพ์เข้ามาทำหน้าที่แทนในด้านผลิตตัวหนังสือ ผู้ที่เขียนลายมือสวยคัดลายมืงามก็ลดน้อยถอยตัวและหมดความหมายลงไปทุกวัน เช่นเดียวกันกับเดี๋ยวนี้ เรามีเครื่องจักรบอกเวลาคือ "นาฬิกา" ชั้นเยี่ยมๆมากมายหลายหลาก คนที่จะหาความชำนาญในการกำหนดเวลาจากแดดจากดาวก็หร่อยหรอหมดตัวไปด้วย
จะอย่างไรก็ตาม ท่านจะต้องไม่ลืมความจริงข้อหนึ่งว่า ผลที่ได้จากเครื่องจักรในทาง อักษรศาสตร์ กับทางโหราศาสตร์ นั้นแตกต่างกันอยู่เป็นอันมาก เพราะว่าตัวหนังสือเขียนหรือตัวหนังพิมพ์นั้น ถึงอย่างไรความหมายของภาษามันก็เหมือนกันอยู่วันยังค่ำ แต่ทว่าเวลาที่ได้จากเครื่องจักรคือนาฬิกาและเวลา ที่ได้จากแดดจากดาว เพื่อเอามากำหนดเป็นจุด"ลัคนา" นั้นหาเหมือนกันเสมอไปไม่บางครั้งผิดแผกแตกต่างกันไปเป็นอันมากทีเดียว
เพราะอะไร? ก็เพราะว่าโลกของเรานี้มิได้กลมดิกเหมือนหน้าปัทม์นาฬิกาประการหนึ่ง การหมุนตัวของโลกที่ไม่ได้ถูกยึดแน่นอยู่กับแกนเหมือนเข็มนาฬิกาบนหน้าปัทม์นาฬิกาประการหนึ่งและแกนโลกของดลกที่โยกเข้าโยกออกกับดวงอาทิตย์อีกประการหนึ่ง ที่ทำให้จุดของเวลาจากแดดจากดาวผิดแผกแตกต่างไปจากเวลาที่ได้จากหน้าปัทม์นาฬิกาอยู่ตลอดเวลา
ขอให้ผมนำความสนใจของท่านมาสู่การพิจารณายังจุดนี้สักนิด โดยทั่วไปแล้ว เราจะถือกันว่าเวลา ๖ นาฬิกกาในตอนเช้า ซึ่งเรามักจะเรียกว่า "ย่ำรุ่ง" นั้น เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือ "อาทิตย์อุทัย"
แต่ว่าท่านเคยสังเกตุหรือเปล่าครับว่า บางครั้งเพียง ๕ นาฬิกากว่าๆ ท่านจะเห็นแสงพระอาทิตย์เรื่องเรือนอำไพจับขอบฟ้าแล้ว แต่บางครั้งจนเกือบจะ ๗ นาฬิกาแล้วยังมืดตื้ดตื้ออยู่เช่นนี้คุณพอจะมองเห็นหรือยังครับว่า เวลาจากแสงแดดกับเวลาที่หน้าปัทม์นาฬิกาบางครั้งมันผิดกันอยู่เป็นอันมาก
"ลัคนา" นั้นเป็นความห่วงระหว่าง "จุดเวลาเกิด" กับจุด "อาทิตย์อุทัย" ณภูมิประเทศที่เกิด ไม่ใช่วัดจากจุดที่เข็มยาวชี้เลขที่๑๒ และเข็มสั้นชี้เลขที่เลข๖ บนหน้าปัทม์นาฬิกา ผมจึงฝากไว้เป็นข้อคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีค่าพอแก่การสละเวลาให้แก่การครุ่นคิดพิจารณาเป็นอย่างยิ่งในการคำนวณจุด "ลัคนา" ว่า เรควรจะคำนวณจากจุดอะไร
ไม่ว่าเราจะได้ลัคนามาจากการคำนวณจุดใดก็ตาม สิ่งที่จะทำให้ท่านมั่นใจว่าลัคนาที่ท่านได้มานั้นถูกต้องมีอยู่วิธีเดียวก็ด้วยการใช้้ลัคนานั้นพยากรณ์สอบความ เป็ฯมา ของชีวิตของเจ้าชะตาซึ่งในกรณีนี้ผมอยากจะเรียนแนะนำจงหลีกเลี่ยง
ผมคิดว่านักศึกษาค้นคว้ในวิชานี้คงจะได้ประสบมาด้วยตนเองแล้วเกือบทุกคนที่ว่า ลัคนาของคนบางคนมีสภาพไม่ผิดกับนักธุรกิจที่ถุกต้อง ที่ต้องขึ้นเหนือล่องใต้อยู่ตลอดเวลา เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นครั้งหนึ่งก็เกิดความมั่นใจเสียคราวหนึ่งว่าลัคนาของตนจะต้องอยู่ในราศีนั้นราศีนี้ แต่พอมีเหตุการณ์สำคัญๆเกิดขึ้นอีก ก็ชักจะเกิดความลังเลขึ้นมาอีกว่า ลัคนาที่วางไว้เดิมนั้นน่าจะไม่ถูกแท้ ที่ถูกจะต้องเลื่อนไปข้างหน้า หรือไม่ก็เลื่อนไปข้างหลังอีกราศีหนึ่ง บางคนเลื่อนไปเลื่อนมาถึง๓ราศีก็ยังถือเอาเป็นที่ยุติไม่ได้ก็มีอยู่เป็นมาก
อันโหราศาสตร์นั้น ย่อมเป็นที่ประจักษ์ดีโดยทั่วไปกันแล้วว่า ได้อุบัติขึ้นและมีอายุนานมาหลายพันปีแล้ว โดยเป็นศาสตร์ที่ใช้ได้ผลและได้รับความยกย่องนับถือจากปัญญาชนด้วยดีตลอดมา
ก็แหละในวิชาโหราศาสตร์นั้น "เวลาเกิด" ซึ่งถือกันว่าเป็นจุดสำคัญอันยิ่งยวด ก็เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดจุด "ลัคนา" และเกิด "ภพ" ในจักรราศี
ในวงการโหรไทยเรา ซึ่งมีเรื่องราวและประวัติสาสตร์ที่พอจะค้นคว้าศึกษาได้ทำให้เรารู้สึกว่าบรุพโหราจารย์ของเรามีประเพณีแห่งการรักษาศักดิ์ศรีของโหรเคร่งครัดเฉียบขาดกว่าโหรชาวอื่น
บันทึกเรื่องราวการพยากรณ์ในสมัยก่อนๆของบรุพโหราจารย์ไทย เราจะเห็นว่าท่านพยากรณ์กันแบบ "จับตัววางตาย" ทั้งสิ้นไม่ปรากฎว่านิยมให้การพยากรณ์ที่เป็นข้อความสองง่ามสองมุมหรือดิ้นไปดิ้นมาได้ เท่าๆที่ทราบจาการบอกบอกเล่าของผู้ใหญ่ นอกจากจะให้การพยากรณ์แบบจับตัววาตายอย่างว่าแล้ว ท่านขุนโหรที่ทูลถวายคำพยากรณ์เหตุการณ์สำคัญๆ ยังจะถือเป็นประเพณี"ถวายหัว"ควบคู่กันไปอีกด้วย ซึ่งการที่ท่านทำได้อย่างนั้น ผมเข้าใจเอาตามประสานักศึกษาว่าขึ้นอยู่กับการที่ท่านกำหนดความสามารถกำหนดของ "ลัคนา" ได้โดยถูกต้องแน่นอนนั่นเอง
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า "ลัคนา" ที่ถูกต้องนั้นเกิดขึ้นจาก "เวลาเกิด"อันถูกต้อง ก็ในเมื่อสมัยนั้น นาฬิกาไซโก้ที่ได้รับการคัดเลือกให้ใช้จับเวลาในกีฬาโอลิมปิคก็ังไม่มี นาฬิกายี่ห้อดีๆที่บอกเวลาได้ละเอียดถี่ถ้วนและเที่ยงตรงแม่นยำ เช่น มิโด้ โมวาโด้ โอเมก้า หรือ โรเล็กซื ก็ยังไม่เกิดจึงเป็นปัญหาที่น่าขบคิดว่าท่านเอาอะไรเป็นเครื่องกำหนดเวลาอันแน่นอน สำหรับการวางลัคนาที่ทำให้กล้าพยากรณ์อย่าง "จับวางตาย" และ "ถวายหัว" ได้เช่นนั้น
เมื่พิจารณาสอบสวนจากสิ่งแวดล้อมต่างๆแล้ว จะเห็นได้ว่า การกำหนดปีก็ดี เดือก็ดี วันก็ดี ท่านกำหนดเอาจากดวงดาวทั้งสิ้น จึงพอจะอนุมานเอาจาหหลักฐานต่างๆได้ว่า การกำหนดเวลาในสมัยที่เครื่องจักรบอกเวลาที่แน่นอนยังไม่มีนั้น ท่านก็กำหนดเอาจากแสงแดดแสงดาวนั่นเอง
อันเวลกลางวันแะกลางคืนนั้น เราต่างก็รู้กันตั้งแต่เริ่มเรียนหนังสือแล้วว่า มันเกิดขึ้นจากการที่โลกหมุนรอบตัวเอง นอกจากนี้ในการเรียนภูมิศาสตร์ตั้งแต่ชั้นน้อยๆ เราก็ได้รับความรู้มาว่า ที่ว่าโลกกลมนั้น หาได้กลมดิกเหมือนลูกบิลเลียตหรือลูกฟุตบอลล์ไม่ มันมีลักษณะเบี้ยวๆ รีๆและขรุๆ ขระๆ เหมือนผลส้มส้า มีหัวขั้วเรียกว่าขั้วโลก แต่ทว่าส้มส้าผลนี้คือโลกเรานี้หาได้โตงเตงมรแกนขั้วตั้งได้ฉากเหมือนกับผมส้มส้าจริงๆที่ห้อยอยู่กับต้นไม่ แกนของผลส้มส่าสมมุติคือโลกนี้นอกจากจะทำมุมเอียงอยู่ถึง ๒๓ องศาเศษแล้ว ยังมีอาการทรงตัวไม่ผิดกับสาวแสนงอนที่ทำจริตกับคนรักอยู่ตลอดเวลา คือเอนขั้วเข้าไปหาดวงอาทิตย์บ้าง เอนห่างออกมาบ้าง ทำให้ฤดูกาลและเวลาอุทัยแห่งดวงอาทิตย์แต่ละตำบลผิดไปมิได้คงที่อยู่ชั่วนาตาปี
เมื่อมีเครื่องจักร เครื่องพิมพ์เข้ามาทำหน้าที่แทนในด้านผลิตตัวหนังสือ ผู้ที่เขียนลายมือสวยคัดลายมืงามก็ลดน้อยถอยตัวและหมดความหมายลงไปทุกวัน เช่นเดียวกันกับเดี๋ยวนี้ เรามีเครื่องจักรบอกเวลาคือ "นาฬิกา" ชั้นเยี่ยมๆมากมายหลายหลาก คนที่จะหาความชำนาญในการกำหนดเวลาจากแดดจากดาวก็หร่อยหรอหมดตัวไปด้วย
จะอย่างไรก็ตาม ท่านจะต้องไม่ลืมความจริงข้อหนึ่งว่า ผลที่ได้จากเครื่องจักรในทาง อักษรศาสตร์ กับทางโหราศาสตร์ นั้นแตกต่างกันอยู่เป็นอันมาก เพราะว่าตัวหนังสือเขียนหรือตัวหนังพิมพ์นั้น ถึงอย่างไรความหมายของภาษามันก็เหมือนกันอยู่วันยังค่ำ แต่ทว่าเวลาที่ได้จากเครื่องจักรคือนาฬิกาและเวลา ที่ได้จากแดดจากดาว เพื่อเอามากำหนดเป็นจุด"ลัคนา" นั้นหาเหมือนกันเสมอไปไม่บางครั้งผิดแผกแตกต่างกันไปเป็นอันมากทีเดียว
เพราะอะไร? ก็เพราะว่าโลกของเรานี้มิได้กลมดิกเหมือนหน้าปัทม์นาฬิกาประการหนึ่ง การหมุนตัวของโลกที่ไม่ได้ถูกยึดแน่นอยู่กับแกนเหมือนเข็มนาฬิกาบนหน้าปัทม์นาฬิกาประการหนึ่งและแกนโลกของดลกที่โยกเข้าโยกออกกับดวงอาทิตย์อีกประการหนึ่ง ที่ทำให้จุดของเวลาจากแดดจากดาวผิดแผกแตกต่างไปจากเวลาที่ได้จากหน้าปัทม์นาฬิกาอยู่ตลอดเวลา
ขอให้ผมนำความสนใจของท่านมาสู่การพิจารณายังจุดนี้สักนิด โดยทั่วไปแล้ว เราจะถือกันว่าเวลา ๖ นาฬิกกาในตอนเช้า ซึ่งเรามักจะเรียกว่า "ย่ำรุ่ง" นั้น เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือ "อาทิตย์อุทัย"
แต่ว่าท่านเคยสังเกตุหรือเปล่าครับว่า บางครั้งเพียง ๕ นาฬิกากว่าๆ ท่านจะเห็นแสงพระอาทิตย์เรื่องเรือนอำไพจับขอบฟ้าแล้ว แต่บางครั้งจนเกือบจะ ๗ นาฬิกาแล้วยังมืดตื้ดตื้ออยู่เช่นนี้คุณพอจะมองเห็นหรือยังครับว่า เวลาจากแสงแดดกับเวลาที่หน้าปัทม์นาฬิกาบางครั้งมันผิดกันอยู่เป็นอันมาก
"ลัคนา" นั้นเป็นความห่วงระหว่าง "จุดเวลาเกิด" กับจุด "อาทิตย์อุทัย" ณภูมิประเทศที่เกิด ไม่ใช่วัดจากจุดที่เข็มยาวชี้เลขที่๑๒ และเข็มสั้นชี้เลขที่เลข๖ บนหน้าปัทม์นาฬิกา ผมจึงฝากไว้เป็นข้อคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีค่าพอแก่การสละเวลาให้แก่การครุ่นคิดพิจารณาเป็นอย่างยิ่งในการคำนวณจุด "ลัคนา" ว่า เรควรจะคำนวณจากจุดอะไร
ไม่ว่าเราจะได้ลัคนามาจากการคำนวณจุดใดก็ตาม สิ่งที่จะทำให้ท่านมั่นใจว่าลัคนาที่ท่านได้มานั้นถูกต้องมีอยู่วิธีเดียวก็ด้วยการใช้้ลัคนานั้นพยากรณ์สอบความ เป็ฯมา ของชีวิตของเจ้าชะตาซึ่งในกรณีนี้ผมอยากจะเรียนแนะนำจงหลีกเลี่ยง
๑. พยากรร์สอบแบบ ตีใบ้หวยเมื่อหวยออกแล้ว คือให้เจ้าชะตาเล่าความเป็นมาของชีวิตของเขาให้ฟังก่อนแล้วจึงดูดวงสอบ ซึ่งจะทำให้เกิดขึ้นได้โดยง่าย
๒. การพยากรณ์นิสัยใจคอ ซึ่งมีทางให้พยากรณ์ได้แต่เพียงด้านดีคือด้านดี เช่น คุณเป็นคนรักเกรียติมากกว่ารักเงิน คุณเป็นคนทำคุณคนไม่ขึ้น คุณเป็นคนใจกว้าง ชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ชอบเอารัดเอาเปรียบเพื่อนฝูง หรือข้อความทำนองอื่นซึ่งเป็นการยกยอเจ้าชะตา เป็นการแน่นอนที่สุดว่า ท่านจะไม่ได้รับปฎิเสธว่าคำพยากรร์นั้นผิด ไม่ว่าท่านจะพยากรณ์กรรมกรกวาดถนนหรือรัฐมนตรี ในตรงกันข้ามถ้าท่่านพยากรร์นิสัยใจคอของเ้จ้าชะตาในด้านไม่ดี โดยมีความหมายตรงกันข้ามกับที่
๒. การพยากรณ์นิสัยใจคอ ซึ่งมีทางให้พยากรณ์ได้แต่เพียงด้านดีคือด้านดี เช่น คุณเป็นคนรักเกรียติมากกว่ารักเงิน คุณเป็นคนทำคุณคนไม่ขึ้น คุณเป็นคนใจกว้าง ชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ชอบเอารัดเอาเปรียบเพื่อนฝูง หรือข้อความทำนองอื่นซึ่งเป็นการยกยอเจ้าชะตา เป็นการแน่นอนที่สุดว่า ท่านจะไม่ได้รับปฎิเสธว่าคำพยากรร์นั้นผิด ไม่ว่าท่านจะพยากรณ์กรรมกรกวาดถนนหรือรัฐมนตรี ในตรงกันข้ามถ้าท่่านพยากรร์นิสัยใจคอของเ้จ้าชะตาในด้านไม่ดี โดยมีความหมายตรงกันข้ามกับที่
กล่าวข้างต้น อย่าหวังเลยที่เจ้าชะตาจะยอมรับว่าท่านพยากรณ์ถูก แม้ว่าคำพยากรณ์นั้นจะตรงกับความเป็นจริงก็ตาม นอกเหนือไปจากนั้นแล้วบรรยากาศในการพยากรณ์เห็นทีจะอยู่ในสถานะการณ์ที่ไม่ค่อยจะปลอดภัยแก่ตัวท่านนัก
ถ้าหากว่าท่านมีปณิธานในการศึกษาค้นคว้าวิชานี้ เพื่อแสวงสัจจจสูตรโดยไม่อยู่กับอามิส หรือ นิยมจากเจ้าชะตาอย่างฉาบฉวย ท่านก็สามารถที่จะตัดวิธีพยากรณ์แบบดังกล่าวออกได้โดยง่าย
ความยุ่งยากในการสอบลัคนานั้น จะมีอยู่แต่เฉพาะในหมู่โหราศาสตร์ไทยเรามิได้ แม้ในฝ่ายภาตะโหรา ก็ต้องเผชิญปัญหาอันยุ่งยากนี้เช่นเดียวกับของเราเหมือนกัน ซึ่งจะพบบทความแสดงความเห็นและวิธีการแก้ปัญหานี้อยู่บ่อยๆ บทความต่างๆที่กล่าวนี้ มีที่น่าสนใจอยู่บทหนึ่งในหัวข้อเรื่องว่า The Correct Birtth Time เขียนโดย V. Thiruvenkatacharya, M.A.,LT. ในหนังสือ the Astrological Magazine จึงขอเก็บความเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้ท่านลองนำเอาไปพิสูจน์ดูซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์บ้าง
ในบทความนั้น V. Thiruvenkatacharya,ได้แยกจุดการพยากรณืสอบดวงชะตาไว้ ๗ จุดด้วยกัน คือ
๑. ราศีลัคนา พิจารณาถึงรูปลักษณะของเจ้าชะตา
๒.โหราของลัคนา พิจารณาถึงความสมบรูณ์พูนสุขของเจ้าชะตา
๓.ตรียางค์ของลัคนา พิจารณาถึงวงศาคณาญาติของเจ้าชะตา
๔.สัปตางศื ของลัคนา พิจารณาบุตรของเจ้าชะตา
๕.นวางค์ของลัคนา พิจารณาถึงคู่ครองของเจ้าชะตา
๖.ทวาทศางค์ของลัคนา พิจารณาถึงบิดามารดาของเจ้าชะตา
๗.ตฤมศวางค์ พิจารณาถึงความรัก ความหวัง ในชีวิตของเจ้าชะตา
๓.ตรียางค์ของลัคนา พิจารณาถึงวงศาคณาญาติของเจ้าชะตา
๔.สัปตางศื ของลัคนา พิจารณาบุตรของเจ้าชะตา
๕.นวางค์ของลัคนา พิจารณาถึงคู่ครองของเจ้าชะตา
๖.ทวาทศางค์ของลัคนา พิจารณาถึงบิดามารดาของเจ้าชะตา
๗.ตฤมศวางค์ พิจารณาถึงความรัก ความหวัง ในชีวิตของเจ้าชะตา
จุดต่างๆทั้ง ๗ จุดที่กล่าวมานี้ นอกจาก สัปตางศ์ พระเคราะห์ผู้ครองราศีที่เรียกว่า เกษตรก็ดี พระเคราะห์ผู้ครองโหรา ตรียางค์ นวางศ์ ทวาทศางศ์ และ ตฤมศางศ์ ก็ดีได้มีกว่างอยู่ทั่วไปแล้ว จึงขอ
งดที่จะนำรายละเอียดนั้นมากล่าวในทีนี้อีก
สำหรับพระเคราะห์ผู้ครอง สัปตางค์ ตัวผมเองไม่เคยพบว่ามีกล่าวไว้ในที่ใดมาก่อน เมื่อไปอ่านพบเข้าจึงตกอยู่ในลักษระอัดอั้นจนปัญญาเอาจริงๆ แต่จะว่าไปทำไมมี ตัวผมนั้นเป็นคนมีโชคดีอยู่อย่างหนึ่งที่ไปพบขุมคลังมหาศาลทางภารตะโหราเข้า ที่ว่าโชคดีนั้นก็เพราะว่าผมได้รับความเมตตาจากเจ้าของขุมคลังแห่งนั้นทุกครั้ง ที่ประสบความอับจนในเรื่องที่เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ทางวิชาโหราศาสตร์ฝ่ายภารตะ ท่านผุ้นั้นเป็นผู้ที่รู้จักกันดัในนาม "หมอประจวบ" (พ.อ.ประจวบ วัชรปาณ พ.บ.)
ครี้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ท่านได้กรุณาชี้แจงอธิฐายให้โดยไม่ปิดบัง ฉะนั้นจะระลึกถึงบุญคุณของผู้ให้ความรุ้แล้วไซร์ ขอให้ระลึกถึง "อาจารย์ประจวบ" ซึ่งผมได้กล่าวนามท่านไว้นั้นเถิด
สัปตางศ์ นั้นท่านแบ่งราศีออกเป็น ๗ ส่วนๆ หนึ่งคือ สัปตางศ์หนึ่งจะเท่ากับ ๔ องศา ๑๗ ลิปดาเศษ
เจ้าสัปตางศ์ คือ พระเคราะห์ผู้ครองสัปตางศืนั้น ท่านถือราศีของลัคนาเป็นหลัก ถ้าลัคนาสถิตราศีคี่ ให้เริ่มนับเกษตรราศีที่ลัคนาสถิตนั้น เป็นเจ้าสัปตางศ์ที่หนึ่งเวียนอุตราวัตร์ ไปจนถึงสัปตางศ์ ที่๗
ถ้าลัคนาสถิตราศีคู่ ให้เริ่มนับเกษตรราศีภพที่๗ เป็นเจ้าสัปตางศ์ที่หนึ่งเวียนอุตตราวัตร์ไปจน ครบ ๗ เช่นเดียวกัน
ตัวอย่าง ลัคนาสถิตในราศีเมษ ๑๗ องศา ๓๐ ลิปดา อาทิตย์จะเป็นพระเคราะห์ผู้ครองสัปตางศ์ แต่ถ้าลัคนาสถิตในราศีกรกฎ องศาลิปดาเดียวกัน ศุกร์จะเป็นพระเคราะห์ผู้ครอง
ในกรณีที่เจ้าชะตาจำเวลาเกิดได้เพียงแต่ประมาณไม่แน่นอน แนวทางที่จะใช้หลักเกณฑ์๗ ประการนั้น ตัดสินว่าเจ้าชะตาควรจะเกิดเวลาอะไรแน่จะได้กล่าวบางประการเพื่อเป็นแนวทางดังนี้

โปรดเขียนดวงพระเคราะห์ลงในดวงดังนี้
ราหู ๘ ในราศีพฤษภ เป็นนิจจ์
ศุกร์ ๖ ในราศีกันย์ เป็นนิจจ์
อาทิตย์ ๑ ในราศีตุลย์ เป็น นิจจ์
อังคาร ๓ ในราศีตุลย์ เป็นประ
พุธ ๔ ในราศีตุลย์
เสาร์ ๗ ในราศีพิจิก เป็นราซาโชค
จันทร์ ๒ ในราศีมังกร
พฤหัส ๕ ในราศีมีน เป็นเกษตร
มฤตยู ๐ ในราศีมีน ร่วมดาวพฤหัส
ราหู ๘ ในราศีพฤษภ เป็นนิจจ์
ศุกร์ ๖ ในราศีกันย์ เป็นนิจจ์
อาทิตย์ ๑ ในราศีตุลย์ เป็น นิจจ์
อังคาร ๓ ในราศีตุลย์ เป็นประ
พุธ ๔ ในราศีตุลย์
เสาร์ ๗ ในราศีพิจิก เป็นราซาโชค
จันทร์ ๒ ในราศีมังกร
พฤหัส ๕ ในราศีมีน เป็นเกษตร
มฤตยู ๐ ในราศีมีน ร่วมดาวพฤหัส
หลักที่๑ สมมุติเจ้าชะตาเกิดวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๐ เวลาประมาณ ๓ ทุ่ม ถึง ๔ ทุ่ม ช่วงเวลาดังกล่าวถ้าลองคำนวณดูจะปรากฎว่า คร่อมราศีเมถุน และราศีกรกฎ ในกรรีเช่นนี้สิ่งที่จำเป็นจะต้องกระทำก่อนเป็นอันดับแรกก็คือ การที่จะตัดสินชี้ขาดลงไปว่า "ลัคนา" ควรจะอยู่ราศีไหนแน่
ตามหลักเกณฑ์ที่ได้กล่าวมาแล้ว จุดราศีของลัคนานั้นเป็นจุดที่จะใช้สำหรับการพิจารณาถึงรูป ลักษณะของเจ้าชะตา ฉะนั้นการตัดสินชี้ขาดว่าลัคนาอยู่ราศีไหน เราจึงจะต้องพิจารณาจากรูปลักษณะของเจ้าชะตาเป็นหลักใหญ่ ซึ่งจะขอสมมุติต่อไปว่าเจ้าชะตาเป็นคนร่างเกร็ง ผิวสองสี ค่อนข้างขาว
พูดถึงลักษณะของพุธเจ้าราศีเมถุนและจันทร์เจ้ารศีกรกฎ โดยสุทธิแล้วพุธจะรูปท้วมกว่าและผิวขาวกว่าจันทร์ แต่ทว่าโดยทั่วไปดวงดาวที่จะสถิตอยู่อย่างสุทธิ นั้นเป็นไปได้โดยยากมาก ส่วนมากหรือกล่าวได้ว่าเกือบทั้งหมดจะมีส่วนของดาวอื่นผสมผสานอยู่เสมอไม่มากก็น้อย
ตามรูปดวงชะตาซึ่งแสดงตำ่แหน่งของดวงดาวอันสถิตในราศีจักรที่ปรากฎข้างต้นนั้น จะเห็นว่าจันทร์เกษตรเจ้าราศีกรกฎสถิตในราศีธนู โดยมีพระเคราะห์เจ้าราศีธนูคือ ดาวพฤหัสบดีสถิตอยู่ในราศีจักร อันได้ตำแหน่งเกษตรถ้าหากว่าเจ้าชะตาถือกำเนิดในช่วงระยะเวลาที่ลัคนาสถิตในราศีกรกฎควรที่เจ้าชะตาจะต้องเป็นู้ที่มีผิวขาว (เจ้าเรือนลัคน์สถิตในราศีของเกษตรฝ่ายศุภเคราะห์) และน่าจะเป็นคนที่มีร่างกายอ้วนท้วมสมบรูณ์ หรืออย่างน้อยก็มีลักษณะอวบ (เจ้าเรือนของตนุลัคนเป็นเกษตร)
ส่วนดาวพุธเกษตรเจ้าราศีเมถุนสถิตในราศีตุลย์โดยมีพระเคราะห์เจ้าราสีตุลย์ ดาวศุกร์เป็นนิจจ์ นอกเหนือไปจากนั้นยังถูกดาวบาปพระเคราะห์ อาทิตย์เป็นนิจจ์ และอังคารเป็นประ กุมอยู่ด้วย ราศีตุลย์อันเป็นราศีศุภเคราะห์ ซึ่งควรจะเป็นราศีขาวก็คล้ำไปด้วยอำนาจบาปพระเคราะห์ ถ้าลัคนาสถิตราศีเมถุน ตนุลัคน์อาศัยเรือนที่เจ้าเรือนเป็นนิจจ์น่าจะผอมกระหร่อง แต่เรื่องจากพุธและศุกร์ มีตำแหน่งสลับเรือนกันจึงกลับเป็นตำแหน่ง อนุเกษตร ทำให้เจ้าชะตามีรุปร่างลักษระเกร็ง แข็งแรง ผิวแม้จะดูเป็นประเภทสองสีก็ค่อนข้างขาว
ด้วยหลักการวินิจฉัยคุณลักษระของราศีและเจ้าเรือนเกษตรดังกล่าวแล้ว เมื่อเจ้าชะตามีรูปลักษระเป็นคนร่างเกร็ง ผิวสองสี ค่อนข้างขาวดังกล่าวข้างต้น จึงน่าจะตัดสินชี้ขาดลงไปได้ว่าลัคนาของเจ้าชะตาน่าจะสถิตในราศีเมถุนมากกว่าสถิตในราศีกรกฎ
เมื่อสามารถกำหนดลงไปได้ว่า ลัคนาของเจ้าชะตาสถิตอยุ่ในราศีไหนตามหลักเกณฑ์ ข้อที่๑ แล้วเราก็ใช้หลักเกณฑ์ข้อที่๒ แยกราศีออกเป็น ๒ ส่วน ซึ่งเรียกว่า โหรา พิจารณาสอบถึงความสมบรูณ์พูนสุขของเจ้าชะตา เมื่อสามารถกำหนดภาคของโหราได้แล้ว เราก็ชอบราศีให้เล็กลงไปอีก โดยแบ่งราศีออเป็น ๓ ส่วนเรียกว่า ตรียางค์ พิจารณาสอบถึงความเป็นไปของวงศาคณาญาติของเจ้าชะตา เมื่อกำหนดจุดของตรียางค์ได้แล้ว ก็ซอยราศีให้เล็กลงๆ เรื่อยๆ ไปเป็น สัปตางศื นาวางศ์ ทวาทศางศ์ และ ตฤมศางศ์โดยลำดับ เมื่อได้ทำการสอบจนเห็นว่าเป็นการถูกต้องกับ เหตุการณ์ในชีวิตของเจ้าชะตาแล้ว ก็เห็นจะเป็นการยากที่จะบอกว่าเวลาเกิดของเจ้าชะตานั้นตรงกับเวลาและกี่นาที
การที่ผมจะรวบรัดจบหลักเกณฑ์ลงง่ายๆ สั้นๆ เช่นนี้ ก้เพราเห็นว่าท่านคงจะทำได้เองโดยไม่ยากประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งเพื่อไม่ให้เรื่องของผมกินเรื้อที่กระดาษของหนังสือพยากรณสารเกินไป แต่ถ้าหากว่าเรื่องนี้จะยังเป็นที่สนใจของสมาชิกมากพอสมควร ผมจะได้ดวงตัวอย่างพร้อมด้วยวิธีการสอบเป็นขั้นๆ มาเสนิโดยละเอียดในโอกาสต่อไป
ก่อนที่จะจบเรื่องนี้ ผมขอถือโอกาสไขข้องใจของสมาชิกบางท่านที่สอบถามมาเกี่ยวกับเรื่อง "ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ในการคำนวณหาตำแหน่งดาวพระเคราะห์ด้วยวิธีหารเฉลี่ย" ที่ผมเสนอไว้ในเรื่อง "สมผุสดวงสมเด็จเจ้าพระยา" ในพยากรณสารประจำเดือนมีนาคม ๒๕๐๘ มีผู้ตั้งข้อข้องใจมาว่า ถ้าหากการเฉลียเพื่อหาตำแหน่งดาวพระเคราะห์โดยละเอียดจากปฎิทิน มีทางอันอาจจะผิดพลาดไดอย่างน่ากลัวเช่นที่กล่าวมาแล้ว จะมิต้องเลิกพยากรณ์แบบละเอียดหรือไม่ก็ต้องลงทุนเรียนวิชาคำนวณทางสุริยาตร์กันหรือ
ขอเรียนว่าไม่ถึงจนาดนั้นหร๊อกครับ ท่าจะไม่ต้องวิตกกังวลกับความวิปริตในการโคจรพักตร มณพ์ เสริดของพระเคราะห์ต่างๆอีกต่อไป ท่านจะตำนวณตำแหน่งพระเเคาะห์อย่างละเอียดได้อย่างง่ายดาย และมั่นใจได้ว่าถูกต้องตามกฎของคัมภีร์สุริยยาตร์ โโยไม่ต้องลงทุนเรียนวิขาสุริยาตตร์เพราะว่าในขณะนี้มีปฎิทิน ที่บอกตำแหน่งดาวเคราะห์ทุกวัน ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๖๐ ถึง พ.ศ. ๒๔๗๙ รรวม ๒๐ ปี กำลังได้รับการจัดพิมพ์อยู่แล้วโดยนักคำนวณที่มีชื่อเสียงเป็นที่เชื่อถือได้ กำหนดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายนนี้ เมื่อเสร้จแล้วจะจำหน่ายในราคาเล่มละ ๒๐๐ บาท (ปีละ ๑๐ บาท) แต่ถ้าท่านสนใจที่จะได้ไว้ด้วยวิธีส่งเงินสั่งจองด้วยภายในเดือนมีนาคม ท่าจะส่ั่งซื้อได้ในราคาเพียง ๑๒๐บาท

ข้อข้องใจอีกข้อหนึ่งว่า หนังสือ "เผยความลับทางโหราศาสตร์ " ของ ส.แสงตะวัน ประกาศว่าพิมพ์ไว้ตั้ง ๑๓ ปีมาแล้วไม่ยอมขายโดยเก็บสงวนไว้ คนขี้สงสัยถามมาว่า หนังสือพิมพ์ไว้แล้วไม่ขายจะพิมพ์ไว้เพื่อประสงคฺ์อันใด ฟังแล้วชวนปวดท้อง
ขอเรียนให้ทราบเสียเลยว่า การเอาหนังสือ "เผยความลับทางโหราศาสตร์" มาประกาศขายนั้น ผมเป็นเจ้ากี้เจ้าการ เพราะเห็นเนื้อหาในหนังสือ ของอาจารย์ผมนั้นมีสาระ ที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใคร่ศึกษาและค้นคว้าในวิชานี้อยู่เป็นอันมาก อันที่จริงที่หนังสือเล่มนี้ไม่ได้นำออกจำหน่ายโดยแพร่หลาย เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อ ๑๓-๑๔ ปีก่อนโน้น ส.แสงตะวันพิมพ์หลักเกณฑ์วิธีการพยากรณ์ออกเผยแพร่ ด้วยอาจารย์ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้เตือนว่ายังไม่ถึงเวลาอันสมควรที่จะเผยแพร่เรื่องนี้ เพื่อเป็นการคสววะแก่ อาจารย์ ส. แสงตะวัน จึงต้องเก็บหนังสือเล่มนี้ไว้ เรื่องมันมีอยู่แค่นี้แหล่ะครับ คิดว่าคุณคงจะไม่ต้องปวดท้องไปนานหรอก เพราะว่าหนังสืออยู่จวนจะหมดอยู่แล้ว
ย่อนมาว่ากันถึงบทความเรื่องที่ท่านกำลังอ่านนี้สักนิด ขอเรียนเพื่อความเข้าใจอันถุกต้องว่า การดำเนินเรื่องทั้งหมดนี้เรียบเรียงเอาตรมความเห็นโดยอัตโนมัติของ โดยอาศัยหลักของเรื่องที่กล่าวไว้ข้างต้นมาเป็นพื้นฐานและแนวทางเท่านั้น พูดกันง่ายๆผมอาศัยออกแขกเป็นการคารวะครูเพื่อเล่นลิเกเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อแสดงเรื่องรามายณ์แบบอินเดีย
ขอเรียนให้ทราบเสียเลยว่า การเอาหนังสือ "เผยความลับทางโหราศาสตร์" มาประกาศขายนั้น ผมเป็นเจ้ากี้เจ้าการ เพราะเห็นเนื้อหาในหนังสือ ของอาจารย์ผมนั้นมีสาระ ที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใคร่ศึกษาและค้นคว้าในวิชานี้อยู่เป็นอันมาก อันที่จริงที่หนังสือเล่มนี้ไม่ได้นำออกจำหน่ายโดยแพร่หลาย เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อ ๑๓-๑๔ ปีก่อนโน้น ส.แสงตะวันพิมพ์หลักเกณฑ์วิธีการพยากรณ์ออกเผยแพร่ ด้วยอาจารย์ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้เตือนว่ายังไม่ถึงเวลาอันสมควรที่จะเผยแพร่เรื่องนี้ เพื่อเป็นการคสววะแก่ อาจารย์ ส. แสงตะวัน จึงต้องเก็บหนังสือเล่มนี้ไว้ เรื่องมันมีอยู่แค่นี้แหล่ะครับ คิดว่าคุณคงจะไม่ต้องปวดท้องไปนานหรอก เพราะว่าหนังสืออยู่จวนจะหมดอยู่แล้ว
ย่อนมาว่ากันถึงบทความเรื่องที่ท่านกำลังอ่านนี้สักนิด ขอเรียนเพื่อความเข้าใจอันถุกต้องว่า การดำเนินเรื่องทั้งหมดนี้เรียบเรียงเอาตรมความเห็นโดยอัตโนมัติของ โดยอาศัยหลักของเรื่องที่กล่าวไว้ข้างต้นมาเป็นพื้นฐานและแนวทางเท่านั้น พูดกันง่ายๆผมอาศัยออกแขกเป็นการคารวะครูเพื่อเล่นลิเกเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อแสดงเรื่องรามายณ์แบบอินเดีย
ประทีป อัครา
#By_คุณยายกลิ่นโสม 

#อ่านดวงไทยสบายสบายตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม

#ฟรี!!เรียนดูดวงฟรี!!เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรีที่บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม ได้ที่ #htthttp://www.baankhunyai.com 



------------------------------------
สนใจดูดวงติดต่อ: baankunyai





