เกริ่นกันก่อนเรียนดวง
เกริ่นกันก่อนเรียนดวง
ที่เวปแห่งนี้ ยายเขียนเรื่องเกี่ยวกับโหราศาสตร์นี้เพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้ทางโหราศาสตร์ไทย ที่ยายรู้มาเพียงเล็กๆน้อยๆ ซึ่งยายจะเขียนตามความรู้ ความเข้าใจ..ตามแบบของยายเองนะจ๊ะ โหราศาสตร์ที่ยายเขียนนี้ เป็นแบบดวงจักราศี อ่านดวงแบบดวงอีแปะ และเป็นการเขียนแบบให้อ่านง่ายๆ ตามแบบสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
ตามอย่างที่ยายเคยเขียนการอ่านดวงไว้ที่เวปๆหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนนู้น ซึ่งยายหวังว่าคงเป็นประโยชน์ ให้กับเพื่อนๆผู้ที่ศึกษาและมีความสนใจในวิชาโหราศาสตร์ไทยบ้างนะคะ
หากเราพูดถึงโหราศาสตร์ เราก็จะนึกถึงเรื่องดูดวง การดูดวงนี้เรามีหลากหลายศาสตร์นะ โหวงเฮ้งก็ดูหน้า หัตถศาสตร์ก็ดูลายมือ ไพ่บ๊อกยิบซีก็ดูดวงโดยการใช้ไ่พ่ ส่วนดูดวงแบบจักราศีก็จะใช้ วันเดือนปีก็จะมีทั้งทั้งศาสตร์ฝาหรั่ง ศาสตร์ไทย พูดถึงศาสตร์ไทยเราที่ใช้วันเดือนปี ก็มีหลากหลายศาสตร์อีกเลยทีเดียวอาทิเช่นเจ็ดตัวสองฐาน(ระบโหร) เจ็ดตัวสี่ฐาน เจ็ดตัวเก้าฐาน และอืนๆ แล้วถ้าเราเพิ่มรายละเอียดคือเวลาเกิดเข้าไปอีกด้วย ก็จะทำให้การดูดวงนั้นละเอียดมากขึ้น แล้วศาสตร์ที่ว่านี้ก็มีหลายศาสตร์ด้วยกัน อาทิเช่น สิบลัคน์ จักรราศี ยูเรเนียน ภารตระ ส่วนที่ยายจะนำมาเขียนในเวปฯนี้ ยายจะพูดถึงนี้ก็คือจักรราศี แบบที่เค้าเรียกกันว่า “ดวงอีแปะ”
ดวงอีแปะก็คือการอ่านดวงแบบหนึ่ง ซึ่งเราจะใช้วันเดือนปีเกิด เวลาเกิด จังหวัดที่เกิด มาใช้ในการคำนวณหาลัคนาฯของเจ้าของดวงที่หมอดูมักจะเรียกว่าเจ้าชะตา ในการดูดวง อ่านดวงฯ อ้าววว แล้วใช้แค่วันเดือนปีเกิดแค่นี้ เราจะรู้ได้เลยหร๋อออ คุณๆคงคิดนะ..ยังไม่รู้หร๊อกค่ะ นั่นเป็นแค่การผูกดวงชะตาเฉยๆค่ะ ยังไม่สามารถที่จะอ่านดวงได้ ถ้าเราต้องการที่จะอ่านดวงได้นั้น เราก้อต้องจำเป็นว่าต้องมีความรู้พื้นฐานกันก่อน ดาวดวงนี้มีความหมายว่าอะไร และเป็นดาวธาตุอะไร แล้วมาอยู่ในราศีธาตุอะไร ค่อยๆเอามาผสมแล้วตีความหมายเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูด แล้วไหนจะภพ/เรือนอีกล่ะ ภพ/เรือนนั้นเป็นราศีธาตุอะไรอีก เพื่อที่ที่จะอ่านเรื่องเป็นราวของคนๆนั้นได้
ฉะนั้นก่อนที่เราจะผสมแล้วแปลความหมาย เราจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานก่อนนั่นก็คือ ความหมายดาว , ความหมายเรือน ธาตุดาว ธาตุราศีและอื่นๆอีกมากมาย แล้วนำมาประสม นำมาสัมพันธ์แล้วนำมาออกคำทำนาย เขียนไม่ทันไร ก็เหนื่อยแร่ะ อิอิอิ ^^
คุณๆ คงมีคำถามว่า..ทำไมต้องรู้ล่ะ..เอ๊ะ! 555 มีคำถาม..ที่ต้องรู้ก็เพราะว่าเราใช้ดาว ในการอ่าน แทน คน สิ่งของ สถานที่ สถานการณ์ อารมณ์ และอื่นๆอีกมากมาย เช่น..ดาวอาทิตย์แทนคน ก็เป็นพ่อก็ได้ เป็นข้าราชการก็ได้ เจ้าของกิจการก็ได้ สิ่งของล่ะก็หลอดไฟไงคะ สถานที่ล่ะ ^^ อิอิ ก็สถานที่ราชการ โรงไฟฟ้า อารมณ์ล่ะก็อารมณ์ร้อน ใจร้อน ไงคะ
เห็นมั๊ยคะว่า เราใช้ดาว 1 ดวงแทนอะไรได้ใหญ่ ได้เยอะเชียวล่ะ ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีความรุ้พื้นฐานเกี่ยวกับดาวต่างๆ คงคิดแล้วล่ะ ว่าแล้วนี่ต้องใช้ดาวกันกี่ดวง อิอิอิ ไม่มากมายไม่มายหร๊อกค่ะ ก็ 10 ดวง มี อาทิตย์(๑) จันทร์(๒) อังคาร(๓) พุธ(๔) พฤหัส(๕) ศุกร์(๖) เสาร์(๗) ราหู(๘) เกตุ(๙) มฤตยู(๐) คิดว่าพอไหวไม๊คะ น่า!! ยายว่าคุณๆ เพื่อนๆ ไหวกันอยู่แล้วล่ะ เน๊อะ เอาล่ะพอเข้าใจแล้วทำไมต้องรู้เรื่องดาว ว่าแต่ดาวอ่านเดียวอ่านดวงได้ไหม ตอบว่าอ่านได้จ๊ะ แต่เราก็ต้องลงลึกกันอีกนิดนึง นั่นก็คือ อาทิตย์(๑) จันทร์(๒) อังคาร(๓) พุธ(๔) พฤหัส(๕) ศุกร์(๖) เสาร์(๗) ราหู(๘) เกตุ(๙) มฤตยู(๐) ธาตุอะไร แล้วเอามาขยายอ่านอีกที เราก็จะอ่านขยายได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้เรารู้มากขึ้น ลงลึกแค่เรื่องดาว จะอ่านดวงได้หรือยัง ก็น่าจะได้นะ แต่รายละเอียดมากๆคงไม่ได้ เพราะนอกจากดาวแล้ว เราก็ต้องรู้เรื่อง ภพ/เรือน เพื่ออ่านได้มากขึ้น
แต่ว่า…แต่ ทำไมเราต้องเรียนความหมายเรือนล่ะ ก็เพราะว่าจะทำให้เราลงรายละเอียดในการแปลดาวได้ละเอียดมากขึ้นไปอีก แล้วจะทำให้เราสามารถแปลลงในความหมายได้ละเอียด ละเอียดมากขึ้นค่ะ แล้วเรือนนี่คืออะไร เรือนก็คือบ้าน ที่ตั้งของเจ้าของดาวดวงนั่นเอง แล้วเค้ามีกันกี่เรือนล่ะยายฯ อ๋อเค้ามีกัน 12 เรือนจ้ะ เริ่มที่ ตนุ กดุมภะ สหัสชะ พันธุ ปุตตะ อริ ปัตนิ มรณะ ศุภะ กัมมะ ลาภะ แล้วก้อ วินาศน์ ครบ 12 เรือนพอดี ซึ่งในเรือนแต่ละเรือนก็จะมีความหมาย ของเรือนนั้นอยู่ เช่น .. ตนุ ก็จะหมายถึง ตัวเจ้าของวันเดือนปีเกิด ผิวพรรณ รูปร่าง บุคคลิก การดำเนินชีวิต สิ่งแวดล้อม หรือสุดแท้แต่ว่าในเรือนตนุเราจะอ่าน จะแปลอะไร หรือแปลเรื่องไหนนั่นเอง เช่น.. สหัสชะ ความหมายโดยทั่วไปก็คือ เพื่อน สังคม น้องฯ แต่มีดาวอะไรจากเรือนไหนเข้าไปอยู่ในเรือนสัสชะ เช่นมีดาวจากเจ้าเรือนอริ เข้ามาอยู่ในเรือนสหัสชะ นั่นก็หมายความว่า เพื่อนคนๆนี้อาจจะเป็นคนไม่ดี หรือเป็นคนที่มีปัญหาเข้ามามีปัญหากับเจ้าชะตา ก็ได้เช่นกัน ฉะนั้นนี่คือสาเหตุที่เราต้องรุ้เรื่องความหมายเรือนไงคะ
โอ๊ะๆ ยายเริ่มดูยากแล้วนะ ไม่หร๊อกค่ะ ยายคิดดูแล้วว่าเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน สามารถอ่านดวง ดูดวงได้ สบายๆอยู่แล้วล่ะค่ะ เพียงแต่ค่อยๆเพิ่มๆเข้าไปทีละอย่าง ทีละความหมายไง
ต=ต้นธาตุ ก.=กลางธาตุ ป=ปลายธาตุ
อ้าววว แล้วส่วนธาตุล่ะยาย มีธาตุอะไรกันอีก โหราศาสตร์ไทยเราใช้กัน 4 ธาตุค่ะ นั่นก็คือ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุลม แล้วก้อธาตุน้ำ สงสัยไม๊คะว่าทำไมเราต้องใช้ธาตุด้วยล่ะ นั่นก็เพราะเราจะได้อ่านดวงกันได้ละเอียดมากๆขึ้น ไงคะ เช่นเจ้าชะตาได้ดาวอาทิตย์เป็นตนุลัคน์ และตนุเศษ อะไรกันอีกล่ะยาย ดันมีตนุลัคน์ ตนุเศษอะไรเข้ามาอีก 555 อย่าเพิ่งรีบขัดสิคะ ยายกำลังจะบอกว่า ตนุลัคน์ก็คือดาวแทนตัวเจ้าชะตาว่ามีรูปร่างยังไง บุคลิกเป็นยังไง ส่วนตนุเศษก็คือดาวจิตใจ คิดยังไง รู้สึกแบบไหน ไงคะ มาเข้าเรื่องอาทิตย์ต่อกันดีกว่า อาทิตย์นี่เป็นดาวธาตุไฟ ฉะนั้นบุคคลิกดูนิ่งไหมคะ แน่นอนว่าไม่นิ่ง แล้วบังเอิญว่าอาทิตย์ไปอยู่ราศีธาตุไฟอีก แน่นอนว่าเท่ากับย้ำเลยว่าคนๆนั้นต้องเป็นคนอยู่เฉยๆไม่เป็น มีเรื่องต้องทำตลอด ไม่มีงานก็ไม่ได้ต้องหาอะไรทำไปเรื่อยๆ แล้วถ้ามาได้อาทิตย์เป็นตนุเศษเข้าไปอีก ก็เท่ากับว่าเค้าคิดปุบ ต้องลงมือทำปับทันที นั่งรอๆๆเป็นนางสายบัวไหมคะ แน่นอนว่าไม่ เพราะเป็นคน รอไม่เป็น นี่คือที่ยายอ่านดวงฯ เล่นๆ ประกอบว่าทำไมเราจึงต้องเรียนเรื่องธาตุเข้ามาประปอบการอ่านดวงฯด้วยไงคะ คงคิดนะคะว่า ยิ่งอ่านกันไปก็ยิ่งยากขึ้นเน๊อะ ..แต่จริงๆไม่ยากส์หร๊อกค่ะ อย่าเพิ่งด่วนท้อไป ค่อยๆอ่านไปทีละนิด ทีละนิด พอให้เพลินๆ พอสนุกนะคะ แล้วยายจะค่อยๆเพิ่มรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เข้ามาผสม นานๆไปก็อ่านดวงกันได้สบายยยยยยย เอิ๊ก เอิ๊ก 555





