พื้นฐานเรียนโหราศาสตร์ไทย

   การเรียนหรือการศึกษาไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ใด สาขาไหน ล้วนจำเป็นจะต้องมีความรู้พื้นฐานด้วยกันทั้งสิ้น การศึกษาโหราศาสตร์ไทยก็เช่นเดียวกัน จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานทางโหราศาสตร์  โดยหลักๆที่จำเป็นต้องรู้ก็คือ .. 
   ราศี       
   ธาตุ ในโหราศาสตร์       
   ภพ / เรือน  
   ความหมายดาว 
   ธาตุดาว
   ต่ำแหน่งมาตราฐานดาว
และอื่น อีกมากมายฯ ที่จำเป็นในการออกคำพยากรณ์    

โดยการนำหลักข้างต้นคือ  ..ไม่ว่าจะ ราศี  ราศีธาตุ  ต้น_กลาง_ปลายราศี ความหมายดาว ธาตุดาว  ความหมายภพ/เรือน  แล้วก็นำมาอ่านสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจจะลัคนา ตนุลัคน์ ตนุเศษ จะกุม เล็ง โยคหน้า โยคหลัง  อ่านแฝงเรือน แฝงดาว ต่ำแหน่งดาวมาตราฐาน หรือไม่ว่าจะกฎเกณฑ์ต่างๆ ก็จะออกคำพยากรณ์ ออกมาได้แม่นเหมาะพอดีนะ   

โดยหลักๆ จำเป็นก็ประมาณนี้นะ แต่ส่วนที่จะลงรายละเอียดได้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นกับความชำนาญของผู้พยากรณ์ ว่าจะแปลออกมาได้ละเอียดมาแค่ไหน                                            
   

ที่เวปบ้านคุณยายกลิ่นโสม ก็จะใช้หลักประมาณนี้ เพียงพอในการใช้ในการอ่านพื้นดวงฯ 
อืมมมม แต่ว่าแต่ เราจะรู้ ราศี  ราศีธาตุ  ต้น_กลาง_ปลายราศี ความหมายดาว ธาตุดาว  ความหมายภพ/เรือน  แล้วก็นำมาอ่านสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจจะลัคนา ตนุลัคน์ ตนุเศษ จะกุม เล็ง โยคหน้า โยคหลัง  อ่านแฝงเรือน แฝงดาว ต่ำแหน่งดาวมาตราฐาน ประมาณไหนล่ะ  ยายพูดแบบนี้นะ ให้รู้ให้ละเอียด มากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะพื้นฐานยิ่งแน่ ยิ่งมาก ก็จะทำให้เราขยายความหมาย อ่านดวงได้ละเอียดมากขึ้น และมากขึ้น แล้วมากขึ้นนนั่นเอง  
 

  
   จักรราศี   

จักรราศีเป็นวงกลม ซึ่งถ่ายทอดความหมายจากวิถีการโคจรของโลกบนท้องฟ้า ลงมาเป็นแผ่นกระดาษ และได้แบ่งวงกลมออกเป็นส่วนๆ เป็น 12 ส่วน แต่ละส่วนเรียกว่าราศี และในแต่ละราศีจะมีชื่อกำหนดเรียกประจำจนครบ 12 ราศี โดยเริ่มตั้งต้น ที่ราศีเมษ พฤษภ เมถุน กรกฎ เวียนไปจนถึง ราศีมีน ตามรูป  ซึ่งจะเป็นชื่อเดือนในรอบปีพอดี ทั้งๆนี้และในเดือนนั้นๆ พระอาทิตย์(๑) จะโคจรเข้าประจำราศีตรงตามชื่อเดือน 

  จักรราศี มี 12 ราศี  มี 360  องศา   ใน 1 ราศี จะมี 30 องศา จึงทำให้เกิดเป็นการแบ่งทิศ บอกขอบเขตของฤดูกาล ซึ่งใแต่ละละราศีจะกำหนดการหนักเบาของเรื่องที่เกิด(ในการทำนาย) จักรราศีบอกถึงบุคคล สิ่งของ สถานที่ เหตุการณ์ ซึ่งท่านใดต้องการอ่านอ่านเพิ่มเตืมรายละเอียด หาอ่านได้จาก หนังสือบทเรียนทางไปรษณีย์ ของอาจารย์อรุญ ลำเพ็ญ

  

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
   
     ต=ต้นธาตุ   ก.=กลางธาตุ  ป=ปลายธาตุ
 
   ธาตุในโหราศาสตร์
อ้าวววว แล้วยังจะมีธาตุอะไรอีกล่ะยาย มีธาตุอะไรกันอีก ในโหราศาสตร์ไทยเราใช้กัน 4 ธาตุค่ะ นั่นก็คือ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุลม แล้วก้อธาตุน้ำ สงสัยไม๊คะว่าทำไมเราต้องใช้ธาตุด้วยล่ะ นั่นก็เพราะเราจะได้อ่านดวงกันได้ขยายมากขึ้น ละเอียดขึ้นไงคะ

เช่นเจ้าชะตาได้ดาวอาทิตย์เป็นตนุลัคน์ และตนุเศษ อะไรกันอีกล่ะยาย ดันมีตนุลัคน์ ตนุเศษอะไรเข้ามาอีก 555 อย่าเพิ่งรีบขัดสิคะ ยายกำลังจะบอกว่า ตนุลัคน์ก็คือดาวแทนตัวเจ้าชะตาว่ามีรูปร่างยังไง บุคลิกเป็นยังไง

ส่วนตนุเศษก็คือดาวจิตใจ คิดยังไง รู้สึกแบบไหนไงคะ มาเข้าเรื่องอาทิตย์ต่อกันดีกว่า อาทิตย์เป็นดาวธาตุไฟ ไฟเป็นยังไงคะ ไฟก็ให้ความร้อนให้พลังงาน ให้แสงสว่าง ฉะนั้นมันก็จะทำให้รุ้ว่า คนๆนั้นเป็นคนดูกระตือรือร้น บุคคลิกจะดูนิ่งไหมคะ แน่นอนว่าไม่นิ่ง แล้วบังเอิญว่าอาทิตย์ไปอยู่ราศีธาตุไฟอีก แน่นอนว่าเท่ากับย้ำเลยว่าคนๆนั้นต้องเป็นคนอยู่เฉยๆไม่เป็น มีเรื่องต้องทำตลอด ไม่มีงานก็ไม่ได้ต้องหาอะไรทำไปเรื่อยๆ

แล้วถ้ามาได้อาทิตย์เป็นตนุเศษเข้าไปอีก ก็เท่ากับว่าเค้าคิดปุบ ต้องลงมือทำปับทันที นั่งรอๆๆเป็นนางสายบัวไหมคะ แน่นอนว่าไม่  เพราะเป็นคนรอไม่เป็น นี่คือที่ยายอ่านดวงเล่นๆ ประกอบว่าทำไมเราจึงต้องเรียนเรื่องธาตุเข้ามาประปอบการอ่านดวงฯด้วยไงคะ คงคิดนะคะว่า ยิ่งอ่านกันไปก็ยิ่งยากขึ้นเน๊อะ ..แต่จริงๆไม่ยากส์หร๊อกค่ะ เพียงแต่เราต้องค่อยเพิ่มตามความหมายเข้าไปเท่านั้นเอง อย่าเพิ่งด่วนท้อไปนะ ค่อยๆอ่านไปทีละนิด ทีละนิด พอให้เพลินๆ พอสนุกนะคะ 
 
แล้วยายจะค่อยๆเพิ่มรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เข้ามาผสม นานๆไปก็อ่านดวงกันได้สบายยยยยยย เอิ๊ก เอิ๊ก 555   
 
     ความหมายดาว 
ในแต่ละดาว จะมีควาหมายที่จะใช้ในการออกคำพยากรณ์ โดยหลัก จะใช้อ่านแทน
 บุคคล สิ่งของ สถานที่ สถานการณ์ และอื่นๆอีกมากมาย เช่น.. ดาวอาทิตย์ (๑)
    ดาวอาทิตย์(๑) ...
    แทนคน ก็เป็นพ่อก็ได้ เป็นข้าราชการก็ได้ เจ้าของกิจการก็ได้ 
    แทนสิ่งของล่ะก็หลอดไฟ อิเลคทรอนิค ไงคะ
    แทนสถานที่ล่ะ ^^ อิอิ ก็สถานที่ราชการ โรงไฟฟ้า 
    เหตุการณ์ล่ะ ก็จะเรื่องราวการได้รับเกรียติ การได้รับชื่อเสียง การได้หน้าตา การเลื่อนตำแหน่ง การได้รับรางวัล 
    และอื่นๆ ถ้าเป็นอารมณ์ล่ะก็อารมณ์ร้อน ใจร้อน ไงคะ 

   เห็นมั๊ยคะว่า เราใช้ดาว ๑ ดวงแทนอะไร ได้เยอะแยะมากมายเชียวล่ะ 
ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับดาวต่างๆ คงคิดแล้วล่ะ ว่าแล้วนี่ต้องใช้ดาวกันกี่ดวง อิอิ!! ไม่มากไม่มายหร๊อกค่ะ ก็ 10 ดวงไง มีอาทิตย์(๑)  จันทร์(๒)  อังคาร(๓) พุธ(๔) พฤหัส(๕) ศุกร์(๖) เสาร์(๗) ราหู(๘) เกตุ(๙) มฤตยู(๐)  คิดว่าพอไหวไหมคะ  น่าาา !! ยายว่าคุณๆ คงไหวกันอยู่แล้วล่ะ เน๊อะ!!  เอาล่ะพอเข้าใจแล้วนะว่าทำไมเราต้องรู้เรื่องดาว ว่าแต่ดาวอ่านเดียวอ่านดวงได้ไหม ตอบว่าอ่านได้จ๊ะ  อ่านได้ติ๊ดๆๆ หากเราต้องการอ่านขยาย เราก็ต้องรู้ว่าดาวนั้นๆ ธาตุอะไร

   ธาตุดาว
หากเราก็ต้องการลงลึก อ่านขยายเพิ่มขึ้น เราก็ต้องลงรายละเอียดเพิ่มขึ้นกันอีกนิดนึง นั่นก็คือ อาทิตย์(๑)  จันทร์(๒)  อังคาร(๓)  พุธ(๔)  พฤหัส(๕)  ศุกร์(๖)  เสาร์(๗)  ราหู(๘)  เกตุ(๙)  มฤตยู(๐) เป็นธาตุอะไร เช่น 
อาทิตย์(๑)เป็นธาตุไฟ ไฟเป็นอย่างไงนะ ไฟให้ความร้อนให้พลังงาน ก็จะหมายความว่าย่อมกระตือรือร้น ดูไม่นิ่งฯไง
จันทร์(๒) เป็นธาตุดิน จันทร์เป็นธาตุดิน ก็จะมั่นคง แต่จันทร์เป็นดินเหลว ย่อมมั่นคงเป็นไปมิได้ เนอะ 
อังคาร(๓) ล่ะ อังคารเป็นธาตุลม ลมย่อมไม่แน่นอน แปรปรวนง่าย นั่นแสดงว่า เอาแน่เอานอนไม่ได้ ว่าไหม
พุธ(๔) เป็นดาวธาตุน้ำ น้ำย่อมจะปรับตัวเข้ากับได้ทุกสภาวะ จะหมายถึง สามารถปรับตัวเข้ากันได้กับทุกสถานการณ์ 
พฤหัส(๕) เป็นดาวธาตุดิน ดินอย่างพฤหัสเป็นดินแข็ง นั่นก็แสดงถึงความมั่นคง ก้าวหน้าอย่างช้าๆ แต่มั่นคง
ศุกร์(๖)เป็นดาวธาตุน้ำ ศุกร์เป็นน้ำใสๆ แสดงสถานะถึง มองโลกแง่ดี ด้านบวกๆ
เสาร์(๗) เป็นดาวธาตุไฟ เสาร์เป็นไฟสุมขอน ไฟยังไงก็ต้องร้อนเนอะ นั่นจะหมายถึง มีกรุ่นของพลังงานตลอดเวลา  
ราหู(๘) เป็นดาวธาตุลม ราหูเป็นลมหมุน แน่นอนว่า ลมไม่แน่ไม่นอน มุนแบบนี้ก็เอาแต่ใจมากๆแน่เลย 
เกตุ(๙) เป็นดาวไม่มีเรือนจึง ไม่มีธาตุดาวตามทักษา
มฤตยู(๐) เป็นดาวไม่มีเรือนจึง ไม่มีธาตุดาวตามทักษา เหมือนกัน

พอเอาความหมายดาว แล้วอ่านขยายด้วยความหมายธาตุอีกที เราก็จะอ่านขยายได้เพิ่มมากขึ้นได้อีก ก็ทำให้เรารู้รายละเอียดมากขึ้นอีกนั่นเอง 
หากลงลึกเรื่องดาว เรื่องธาตุ จะอ่านดวงได้หรือยัง ก็น่าจะได้นะ แต่ยังลงรายละเอียดมากๆคงไม่ได้ เพราะนอกจากดาวแล้ว เรายังก็ต้องรู้เรื่อง ภพ/เรือน เพื่อจะอ่านได้ละเอียดมากขึ้นไปอีก 
 
    





   
 
 
 
 
 
 
 
   ความหมายภพ/เรือน 
แต่ว่าแต่ ทำไมเราต้องเรียนความหมายเรือนอีกล่ะ เราต้องเรียนความหมายเรือนก็เพราะว่าจะทำให้เราลงรายละเอียดในการแปลดาวได้ละเอียดมากขึ้นไปอีก แล้วจะทำให้เราสามารถแปลลงในความหมายได้ละเอียด และละเอียดมากขึ้นค่ะ
แล้วเรือนที่ว่านี่คืออะไร เรือนก็คือบ้าน ที่ตั้งของเจ้าของดาวดวงนั่นเอง แล้วเค้ามีกันกี่เรือนล่ะยายฯ อ๋อ!! เค้ามีกัน 12 เรือนนะ โดยเริ่มที่ ตนุ  กดุมภะ  สหัสชะ พันธุ ปุตตะ อริ  ปัตนิ  มรณะ ศุภะ กัมมะ  ลาภะ  แล้วก้อ วินาศน์ ครบ 12 เรือนพอดี ซึ่งในเรือนแต่ละเรือนก็จะมีความหมาย ของเรือนนั้นอยู่ 

  ตนุ ก็จะหมายถึง ตัวเจ้าชะตา ผิวพรรณ รูปร่าง บุคคลิก การดำเนินชีวิต สิ่งแวดล้อม 
  กดุมภะ ความหมายถึง เงิน รายได้ ฯ
  สหัสชะ ความหมายถึง เพื่อน สังคม น้องฯ
  พันธุ ความหมายถึง แม่ วงศาคณาญาติ บ้าน ฯ
  ปุตตะ ความหมายถึง บุตรหลาน บริวาร ฯ
  อริ ความหมายถึง อุปสรรค ปัญหา การแก้ไข ศัตรู ฯ
  ปัตนิ ความหมายถึง คนรัก คู่ครอง ศัตรู ฯ
  มรณะ ความหมายถึง ตาย จากไป เจ็บป่วย ฯ
  ศุภะ ความหมายถึง ความสำเร็จ คนช่วยเหลือ การศึกษาต่อ ฯ
  กัมมะ ความหมายถึง การงาน อาชีพ ความรับผิดชอบ ฯ
  ลาภะ ความหมายถึง โชคลาภ ลาภลอย ฯ
  แล้วก้อ  วินาศน์  ความหมายถึง ปกปิด กระทันหัน ลึกลับ ฯ

  พออ่านได้มากขึ้น สมมุติว่ามีดาวอะไรจากเรือนไหนเข้าไปอยู่ในเรือนสหัสชะ เช่นมีดาวจากเจ้าเรือนอริ เข้ามาอยู่ในเรือนสหัสชะ นั่นก็หมายความว่า เพื่อนคนๆนี้อาจจะเป็นคนไม่ดี หรือเป็นคนที่มีปัญหาเข้ามามีปัญหากับเจ้าชะตา ก็ได้เช่นกัน
ฉะนั้นนี่คือสาเหตุที่เราต้องรุ้เรื่องความหมายเรือนไงคะ

  โอ๊ะๆ ยายเริ่มดูยากแล้วนะไม่หร๊อกค่ะ ยายคิดดูแล้วว่าเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน สามารถอ่านดวง ดูดวงได้ สบายๆอยู่แล้วล่ะค่ะ เพียงแต่ค่อยๆเพิ่มๆเข้าไปทีละอย่าง ทีละความหมายไง
 
  แต่ยังไม่จบนะ ถ้าจะบอกว่าในการอ่านเราใส่ธาตุไปด้วย เราก็จะอ่านได้ ละเอียดมากขึ้น มากขึ้นไปอีกนั่นเอง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
  ต=ต้นธาตุ   ก.=กลางธาตุ  ป=ปลายธาตุ
 
อ้าวววว แล้วยังจะมีธาตุอะไรอีกล่ะยาย มีธาตุอะไรกันอีก ในโหราศาสตร์ไทยเราใช้กัน 4 ธาตุค่ะ นั่นก็คือ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุลม แล้วก้อธาตุน้ำ สงสัยไม๊คะว่าทำไมเราต้องใช้ธาตุด้วยล่ะ นั่นก็เพราะเราจะได้อ่านดวงกันได้ขยายมากขึ้น ละเอียดขึ้นไงคะ

เช่นเจ้าชะตาได้ดาวอาทิตย์เป็นตนุลัคน์ และตนุเศษ อะไรกันอีกล่ะยาย ดันมีตนุลัคน์ ตนุเศษอะไรเข้ามาอีก 555 อย่าเพิ่งรีบขัดสิคะ ยายกำลังจะบอกว่า ตนุลัคน์ก็คือดาวแทนตัวเจ้าชะตาว่ามีรูปร่างยังไง บุคลิกเป็นยังไง

ส่วนตนุเศษก็คือดาวจิตใจ คิดยังไง รู้สึกแบบไหนไงคะ มาเข้าเรื่องอาทิตย์ต่อกันดีกว่า อาทิตย์เป็นดาวธาตุไฟ ไฟเป็นยังไงคะ ไฟก็ให้ความร้อนให้พลังงาน ให้แสงสว่าง ฉะนั้นมันก็จะทำให้รุ้ว่า คนๆนั้นเป็นคนดูกระตือรือร้น บุคคลิกจะดูนิ่งไหมคะ แน่นอนว่าไม่นิ่ง แล้วบังเอิญว่าอาทิตย์ไปอยู่ราศีธาตุไฟอีก แน่นอนว่าเท่ากับย้ำเลยว่าคนๆนั้นต้องเป็นคนอยู่เฉยๆไม่เป็น มีเรื่องต้องทำตลอด ไม่มีงานก็ไม่ได้ต้องหาอะไรทำไปเรื่อยๆ

แล้วถ้ามาได้อาทิตย์เป็นตนุเศษเข้าไปอีก ก็เท่ากับว่าเค้าคิดปุบ ต้องลงมือทำปับทันที นั่งรอๆๆเป็นนางสายบัวไหมคะ แน่นอนว่าไม่  เพราะเป็นคนรอไม่เป็น นี่คือที่ยายอ่านดวงเล่นๆ ประกอบว่าทำไมเราจึงต้องเรียนเรื่องธาตุเข้ามาประปอบการอ่านดวงฯด้วยไงคะ คงคิดนะคะว่า ยิ่งอ่านกันไปก็ยิ่งยากขึ้นเน๊อะ ..แต่จริงๆไม่ยากส์หร๊อกค่ะ เพียงแต่เราต้องค่อยเพิ่มตามความหมายเข้าไปเท่านั้นเอง อย่าเพิ่งด่วนท้อไปนะ ค่อยๆอ่านไปทีละนิด ทีละนิด พอให้เพลินๆ พอสนุกนะคะ 
 
แล้วยายจะค่อยๆเพิ่มรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เข้ามาผสม นานๆไปก็อ่านดวงกันได้สบายยยยยยย เอิ๊ก เอิ๊ก 555   
                        
 ขอบคุณที่มา : บทเรียนทางไปรษณีย์ ของ อาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ (หมอเถา)วัลย์



หมายเหตุ : มาเปะไว้ก่อน ว่างๆ สะดวกแล้วจะมาปรับให้ใหม่

#คุณยายกลิ่นโสม
#เรื่องเล่าจากเรือนดาวByยายกลิ่น
#โหราศาสตร์ไทยเรียนง่ายกว่าที่คิด
#เรียนโหราศาสตร์ไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#อ่านดวงไทยสบายสบาย ตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม   
#เรียนดวงไทยฟรี ที่เวปนี้นะ:: htthttp://www.baankhunyai.com
 -------------------------- 
 

  • 1 แผ่นดวง.PNG
    เกริ่นก่อนเรียนฯ ที่เวปแห่งนี้ยายเขียนเรื่องเกี่ยวกับโหราศาสตร์ไทย เพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้ทางโหราศาสตร์ฯ ที่ยายรู้มาเพียงเล็กๆน้อยๆ ซึ่งยายจะเขียนตามความรู้ ความเข้าใจ ต...

  • Screenshot 2024-05-07 123857.png
    จักรราศี จักรวาลก็คือท้องฟ้า ที่มีปริมณฑลกว้างใหญ่ไพศาล จนไม่อาจกำหนดขอบเขตได้ ในปริมณฑลนี้มีดวงดาวมากมาย จึงมีได้การสังเกตุเห็นการโคจรจริงของดวงดาว ซึ่งทำให้กำหนดเป็นข้อมูลทางโ...

  • 4DQpjUtzLUwmJZZSBG3fjSUrWIDKPoOoKaHlzEc5pgNl.jpg
    การโคจรของดาวนพเคราะห์ ดาวจะเดินเข้าแต่ละราศี อยู่ช่วงหนึ่งแล้วจะย้ายเปลี่ยนราศีเป็นประจำอยู่แล้ว เช่น เวลาเฉลี่ยในการเคลื่อนที่ของดาวจากราศีหนึ่งไปอีกราศีหนึ่ง พระอาทิตย์ (๑)...

  • ราศี ด้วยตนเอง.png
    ลัคนาราศี ราศี ในทางโหราศาสตร์ใช้บอกตำแหน่งของดาว และเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ทำนายจุดดีจุดเสีย จุดเด่นจุดด้อย นิสัยใจคอ บุคลิก ความเป็นอยู่ ของเจ้าชะตา บทความนี้ผมจะพูดถึงเรื่องของลัค...

  • ราศี ธาตุ.png
    ธาตุในโหราศาสตร์ไทย ธาตุ มีความสำคัญสำหรับการพยากรณ์ไม่ว่าจะ .. ธาตุในดาวพระเคราะห์ หรือธาตุประจำราศี การแบ่งธาตุ ตามโหราศาสตร์ไทยมี 4 ธาตุ ได้แก่ ไฟ ดิน ลม น้ำ ตามทักษา แบ่งจัด...

  • ความหมายของดาวจะหมายถึงความหมายของดาวต่างๆทั้ง ๑๐ ดวง ที่จะนำมาใช้ในการประกอบในการพยากรณ์ ซึ่งจะมีความหมายตั้งแต่ดาวอาทิตย์(๑) ดาวจันทร์(๒) ดาวอังคาร(๓) ดาวพุธ(๔) ดาวพฤหัส(๕) ดา...

  • ภพ หมายถึง อาณาเขตแห่งราศี ที่มีลัคนาเป็นจุดเริ่มต้น และเป็นการแทนขอบเขต แห่งความหมายของชีวิต ซึ่งเป็นการปรับความหมายของดาว ราศีบนฟ้า ไปสู่ความเกี่ยวพันธ์กับมนุษย์เรือน หมายถึง อาณ...

  • พระเคราะห์คู่ดาว มีความสำคัญในการอ่านดวงในการพยากรณ์ ซึ่งจะต้องอาศัยความเข้าใจและความจำในความหมายของดาวแต่ละดวง นำมาผสมนำมาออกคำทำนาย ซึ่งในสมัยโบราณจะใช้พระเคราะห์คู่ดาวหลักๆ ที่ก...

  • ต่ำแหน่งดาวมาตราฐานดาวแต่ละดวง เมื่อสถิตย์เข้าราศีๆหนึ่ง จะส่งผลให้ รุ่งเรือง รุ่งโรจน์ แจ่มใส โด่งดัง มีภาวะมั่นคง แข็งแรง เข้มแข็ง มีอำนาจ แต่เมื่อเข้าสถิตย์อีก ราศีๆหนึ่ง กลับใ...


  • เป็นเนื้อหาของบทความหรือสินค้าโดยละเอียดกรุณาใส่ข้อความ …

  • โหราศาสตร์ไทยเราเป็นระบบโหราศาสตร์ที่มีหลักปรัชญาแห่งชีวิต ตามธรรมซาติของมนุษย์ก็คือในดวงชะตาจะแบ่งแยกชีวิตของเจ้าชะตาออกเป็น ๒ ภาค ภาคหนึ่ง คือภาคของบุคคลิกภาพ อันเป็นล...

  • เรื่อง ดาวพระเคราะห์ดาวพักร เสริด มนท์ ดาวพักร เสริดมนท์เป็นอาการของดาว ซึ่งเป็นการเดินโคจรวิกลคติ ผิดปกติไปจากการโคจรตามปกติ โดยมีผลกับการพิจารณาดวงชะตาเดิมและดวงจร ซึ่งในปัจจุบ...
Visitors: 175,423