ดวงสมผุส-ดวงอีแปะ และ การอ่านความหมายของดาวพระเคราะห์

           ดวงสมผุส-ดวงอีแปะ 

                              และ 

การอ่านความหมายของดาวพระเคราะห์

                                                                             โดย.. ประทีป อัครา


  
      ( บรรยายที่สมาคมโหรฯ เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๑๕ )

ในการศึกษาวิชาโหราศาสตร์  มี
ปัญหาประจำที่ไม่มีอันยุติได้อยุ่ข้อหนึ่ง คือปัญหาเรื่อง..
 "การผูกดวงชะตาแบบดวงอีแปะกับดวงสมผุส "      

ท่านที่เห็นการผูกดวงสมผุสดี  ก็มีเหตุผลว่า การผูกดวงสมผุสดีกว่า เพราะทำให้รู้ตำแหน่งดวงดาวโดยแน่ชัด ทำให้กำหนดความหมายของดวงดาวได้โดยแน่นอน ไม่ว่าจะใช้สำหรับพิจารณาโดยหลักเกณฑ์ตำราใด เช่นพิจารณาทางมุมสัมพันธ์ระหว่างดวงดาว ทางนวางศ-ตรียางค์ ทางฤกษ์ หรือทางคำนวณดวงจรรวมถึงเมื่อจะกำหนดระยะเวลาของเหตุการณ์ก็สามารถคำนวณได้สะดวก 
 
ท่านที่เห็นการผูกดวงอีแปะดี ก็มีเหตุผลว่า ดวงอีแปะดีกว่า เพราะดูได้แม่นยำโดยไม่ต้องเสียเวลา โหราจารย์และหมอดูที่ใช้ดวงอีแปะทายโดยไม่ต้องใช้สมผุส ได้ผล คนขึ้นและยกย่องนับถือก็มีเห็นเป็นประจักษ์พยานอยู่ทั่วไป 
 
ปัญหานี้เป็นมรดกตกทอดถึงผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ต่อเนื่องกันมาหลายยุคหลายสมัยทำนองเดียวกับผู้ถือศาสนาที่ห้ามกินหมูก็ว่ากินหมูบาป ผู่ถือศาสนาที่ไม่ห้ามก็ว่ากินหมูอร่อยดี 
 
การพูดถึงดวงสมผุสกับดวงอีแปะของข้าพเจ้าในวันนี้  จะไม่พูดในฐานะของตุลาการที่จะทำหน้าที่ชี้ขาดว่าการผูกดวงแบบนั้นแบบไหนดีกว่ากัน แต่จะพูดแบบนักค้นคว้าที่แสวงหาประโยชน์จากดวงทั้งสองแบบนั้นเพื่อนำมาใช้ในการพยากรณ์ให้ได้ผลเป็นสำคัญข้าพเจ้าสังเกตเห็นนักโหราศาสตร์ดูก่อนสอบเหตุการณ์ย้อนหลังดูก่อนไปเลื่อนไปเลื่อนมาเพื่อหาความถูกต้อง  เมื่อเห็นว่าลัคนาอยู่จุดไหนถูกต้องกับประวัติเหตุการณ์ที่เคยประสบมา ก็วางลัคนาที่ตรงจุดนั้นแล้วคิดเทียบเป็นเวลา และถือเวลานั้นเป็นเวลาเกิดที่ถูกต้องของเจ้าชะตา เวลาที่สอบได้นี้จึงมีทั้งที่ตรงกับเวลาที่เจ้าชะตาบอก และมีทั้งเร็วกว่าหรือช้ากว่า มากบ้างน้อยบ้าง 
 
 การกำหนดเวลาตามผลการทายสอบย้อนหลัง ซึ่งผิดไปจากเวลาที่เจ้าชะตาบอกนี้ สำหรับผู้ที่ผู้ที่จำเวลาเกิดของตนได้ไม่แน่นอนมักจะไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับผู้ที่ผู้ใหญ่บันทึกเวลาเกิดไว้เป็นหลักฐานแน่นอน และเป็นผู้ที่เชื่อมั่นในผู้ใหญ่ของตนแล้วมักจะทักท้วง และโต้แย้งคำชี้แจงของผู้คำนวณดวงที่ว่าผู้ใหญ่จดมานั้นไม่ถูกต้อง เพราะสอบดูแล้วไม่ถูกเลย เวลาที่ถูกต้องจะต้องเป็นเวลาที่สอบแล้วนี้ ผลสุดท้ายเมื่อผูกดวงเสร้จแล้วแทนจะมีการทายกันกลับกลายเป็นเถียงกันไป บางคราวก็ว่ากันอย่างครื้นครั่นบั่นเขาหลวงกันเลยทีเดียว
 
เวลาใหม่ที่แตกต่างไปกว่าเวลาเก่าที่เจ้าชะตาบอก จะโดยมากไปหรือน้อยไปก็ตามย่อมมีผลทำให้สมผุสของดวงดาวที่คำนวณไว้เดิมแตกต่างไปด้วย แต่เท่าที่สังเกตเห็นเป็นส่วนมากมักจะไม่ค่อยมีใครสนใจในเรื่องความคลาดเคลื่อนซึ่งอาจจะมีขึ้นได้นี้ เม่อสอบได้เป็นที่พอใจแล้วก็วางลัคนาลงในดวงตามนั้น และใช้สมผุสที่คำนวนไว้เดิมเลยทีเดียว ไม่คำนึงถึงว่าเวลาใหม่ตามจุดลัคนาที่สอบได้กับเวลาที่เจ้าชะตาบอกจะต่างกันมากน้อยเพียวไร ไม่สมกับกับเจตนาที่อุตส่าห์คำนวนสมผุสดาวทุกดวง เพื่อพิจารณากันอย่างละเอียด จึงขอฝากข้อสังเกตุนี้ไว้เพื่อผลของการศึกษาค้นคว้าอันถูกต้องสมบรูณ์ต่อไปด้วย 
 
เมื่อตอนที่ได้รับเชิญจากคณะกรรมการสมาคมโหรฯ ให้รับหน้าที่นำหลักวิชาโหรศาสตร์ ที่น่าสนใจมาบรรยายให้บรรดาสมาชิกและผู้ที่ให้เกียรติมาร่วมชุมนุมในวันนี้ฟัง ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดเรื่องที่กำลังจะพูดต่อไปนี้เลย แต่ที่ตัดสินใจนำเรื่องนี้มาพูดสืบเนื่องมาจากการที่ท่านนายพันโท ประยูร พลอารีย์ อาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนเกิดความสนใจในวิธีการคำนวณสมผุสดาวของผม ว่าเป็นวิธีที่ง่ายและทำได้สะดวกรวดเร็วมาก จึงขอร้องให้มาแสดงและแนะผู้ศึกษาในชั้นของท่าน ซึ่งผมก็ไม่ขีดข้อง และพฤษภาคมได้มาแสดงให้ดูเมื่อวันอาทิตย์ที่๗ พฤษภาคม ๒๕๑๕  หลักจากที่ได้แสดงวิธีการคำนวณให้ดูเป็นที่เข้าใจดีแล้ว ก็ได้อธิบายวิธีอ่านความหมายของดาวพระเคราะห์ที่คำนวณสมผุสไว้ละเอียดจนทราบนวางศ์และฤกษ์ ให้ดูเป็นการแถามท้าย เป็นผลให้สมาชิกและนักศึกษาหลายท่านสมใจ ขอร้องให้อธิบายวิธีการอ่านดาวพระเคราะห์เพิ่มเติมให้อีกเพื่อให้เข้าใจดียิ่งขึ้น และเพื่อนำไปใช้พยากรณ์กันบ้าง  ผมจึงถือโอกาสนำเอามาเป็นหัวข้อบรรยายในวันนี้เสียเลย เพราะคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์แก่ท่านที่สละเวลามาฟังบ้างพอสมควร 

ผมจะขอใช้ดวงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕/ค ที่แสดงการคำนวณให้ดูเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๑๕ นั้นมาเป็นตัวอย่างประกอบการอธิบายวิธีอ่านความหมายของดวงดาวในวันนี้ ทั้งนี้เพื่อประหยัดเวลาที่จะต้องคำนวณดวงขึ้นใหม่อีกดวงหนึ่ง

   
ดวงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๑๕ ซึ่งคำนวณสมผุส ณ.เวลา๑๙.๔๕ น. เมื่อคำนวณเสร็จและนำไปเขียนลงในบัตรดวงชะตาเรียบร้อยแล้ว จะปรากฎดังภาพ
 
เลขไทยที่อยู่ในดวงชั้นใน เป็นตำแหน่งดาวในราศีจักร
เลขฝรั่งที่อยู่ในดวงชั้นนอก เป็นตำแหน่งดาวในนวางศ์จักร์
องศา-ลิปดา และฤกษ์ของดาวแต่ละดวง บอกไว้ทางด้านขวาของดวง
ตำแหน่งลัคนาคำนวณตามแบบสุริยยาตร์ จะสถิตราศีตุลย์  ๐ํ  ๕๔ ่ เกาะปฐมนวางศ์ ศุกร์ เสวยเทศาตรีย์ฤกษ์
 
อนึ่งใคร่ขอเรียนว่า ลัคนาที่จะวางในดวงสมผุส ซึ่งจะต้องทราบองศา-ลิปดานั้น จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีคำนวณเอา จะใช้เครื่องมือหาลัคนา สำเร็จไม่ได้ เพราะเครื่องมือหาลัคนาสำเร็จไม่อยู่ในชั้นที่จะบอกสมผุสของลัคนาละเอียดถึงองศา-ลิปดาได้         
 
การหาสมผุสลัคนาด้วยวิธีคำนวณเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก และเสี่ยงต่อการคำนวณพลาดอยู่ไม่น้อย การแก้ปัญหาข้อนี้จึงมีอยู่วิธีเดียวคือการคิดล็อกขึ้นใช้ เพราะเป็นการเสียเวลาเพียงหนเดียว แต่มีผลให้ประหยัดเวลาได้ตลอดไป ทั้งยังประกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดจากการบวก-ลบ-คูณ-หาร และการทดเลขได้มากด้วย ผมเองก็กลัวในเรื่องความผดพลาดนี้อยู่ไม่น้อย จึงยอมเสียเวลาคิดทำล็อกขึ้นไว้ใช้ ลัคนาที่คำนวณสำหรับดวงตัวอย่างนี้ก็เป็นผลจากล็อกเช่นเดียวกัน

การคิดล็อกนี้ผมเชื่อว่ามีทางที่จะทำได้หลายวิธี ถ้าช่วยกันคิดค้นและทำขึ้นหลายๆแบบเชื่อว่าจะได้แบบที่ดีที่สุดไว้เป็นประโยชน์แก่วงการแน่ จึงขอฝากแนวคิดแก่ผู้ศึกษาค้นคว้าไว้อีกข้อหนึ่ง โดยเก็บล็อกหาสมผุสลัคนาโดยละเอียดของผมไว้ก่อน ยังไม่นำออกเผยแพร่ในตอนนี้ 
 
ในปัจจุบัน แม้จะมีคนที่ไม่ยอมรับโดยเปิดเผยว่าเชื่อถือเรื่องดวงหรือวิชาโหราศาสตร์อยู่บ้างก็ตาม แต่เป็นที่ประจักษ์กันดีว่า ทั้งพ่อค้าและข้าราชการตลิดจนคุณหญิงคุณนายทั้งหลายมีดวงพกติดตัวกันเป็นประจำเป็นส่วนมาก สำหรับเอาไว้ดูกันเองบ้าง และเอาไว้ให้ผู้รู้หรือหมอดดูให้บ้าง 
 
ในกรณีที่จะขอให้ผู้อื่นช่วยดุให้ ถ้าดวงที่มีติดตัวนั้นเป็นดวงแบบราศีจักร ก็มักจะมีปัญหาถูกเกี่ยงงอนอยู่เสมอว่า ดวงไม่มีสมผุสดูไม่ได้บ้าง ไม่มีดวงนวางศ์ดูไม่ได้บ้าง ไม่มีฤกษ์ดูแล้ว ตัดสินใจยกบ้าง ทำให้ผิดหวังที่อุตส่าห์ออกปากขอร้องกันบ่อยๆ
 
จึงเสนอแนะไว้ในที่นี้ว่าถ้าจะมีดวงชะตาอันเปรียบเทียบเสมือนแผนที่ชีวิตติดตัวทั้งที น่าจะมีดวงแบบมีรายละเอียดครบถ้วนอย่างน้อยก็แบบตัวอย่างนี้ เพราะนักพยากรณ์ทุกระบบสามารถใช้พยากรณ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นนักพยากรณ์ระบบไทยและดวงอีแปะหรือดวงสมผุส นักพยากรณ์ระบบภารตะหรือนักพยากรณ์ระบบสากลทั้งแบบธรรมดาและแบบยูเรเนี่ยน

การอ่านความหมายของดวงดาว 
การอ่านความหมายของดวงดาวในดวงชะตาเป็นที่ทราบกันดีว่ามีหลักเกณฑ์อยู่มากมายหลายวิธี สำหรับการอ่านความหมายของดวงดาวที่จะนำกล่าวในที่นี้ จะใช้คัมภีร์ดาวเจ้าฤกษ์เป็นหลักหลักและใช้ตำแหน่งดาวในดวงนวางศ์ประกอบ         
การอ่านความหมายของดวงดาวแต่ละดวงเท่าที่ผมได้รับคำแนะนำสั่งสอนจากครูบาอาจารย์มา ท่านให้แยกออกเป็น ๒ ตอน คือ อ่านความหมายตามคุณลักษณะของดาวนั้นเสียก่อนตอนหนึ่ง แล้วจึงนำมาอ่านประกอบกับภพอีกตอนหนึ่ง
 
การอ่านความหมายของดาวที่กล่าวต่อไปนี้ จะอ่านตามหลักตอนแรกเท่านั้น เพื่อให้พอเหมาะที่เวลาสมาคมฯ กำหนดให้ 
 
และใคร่ที่จะขอไม่นำเอาเรื่องฤกษ์อะไรดาวอะไรเป็นเจ้าฤกษ์ ดาวอะไรเป็นเจ้าบาทฤกษ์มากล่วซ้ำให้เป็นการเสียเวลาอีก เพราอาจจะทำให้ไม่มีเวลาเหลือสำหรับกล่าวถึงวิธีการอ่านความหมายของดวงดาว ถ้าท่านสนใจในเรื่องฤกษ์อะไรดาวอะไรเป็นเจ้าฤกษ์จะค้นดูจาก หนังสือพยากรณสารฉบับประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ ที่มีอยู่ในห้องสมุดของสมาคมฯได้ เพราะผมได้นำบันทึกที่เคยบรรยายลงไว้โดยละเอียด สำหรับท่านที่มี Slide Rule สำหรับหาลัคนาของผมใช้อยู่ ก็ไม่ต้องเสียเวลา ไปค้นหาดูที่ไหนอีก เพราะได้บรรจุทั้งดาวเจ้าฤกษ์ และดาวเจ้าบาทฤกษ์ไว้ในนั้นโดยครบถ้วนแล้ว 

วิธีอ่านคุณลักษณของดวงดาว มีลำดับชั้นการอ่าน ดังนี้
๑.ใช้หมวดฤกษ์ ของดาวนั้นเป็นความหมายโดยทั้วๆไป
๒.ใช้หลัก "พระเคราะห์คู่" อ่านความสัมพันธ์ของดาวฤกษ์ กับดาวเจ้าบาทฤกษ์ เป็นความหมาย ขยายความของหมวดฤกษ์
๓.ใช้ตำแหน่งดาวในดวงนาวางศ์เป็นเครื่องแสดงฐานะของดาวนั้น

ดังจะแสดงคุณลักษณะดาว ตามหลักดังกล่างให้เห็นเป็นตัวอย่าง ดังต่อไปนี้
    คุณลักษณะดาวอาทิตย์
อาทิตย์ เสวยราชาฤกษ์ แสดงคุณลักษณะของพระอทิตย์ ในด้านความโอ่อ่า การเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญชั้นเจ้านาย
ฤกษ์นี้  มีพระศุกร์เป็นดาวเจ้าฤกษ์ และมีพระอาทิตย์เป็นดาวเจ้าบาทฤกษ์ ดาวทั้งสองเป็นคู่สมพลกัน แสดงถึงการทรงพลัง และมี             อำนาจอิทธิพล
ในดวงนวางศ์  พระอาทิตย์สถิตในราศีที่เป็นเรือนเกษตรของตนเอง แสดงถึงความเข้้มแข็ง และมั่งคั่งสมบรูณ์
 
 เมื่อเอาคุณลักษณะของพระอาทิตย์ในดวงชะตาตามหลักทั้ง ๓ ประการ มาสัมพันธ์กันจะได้ความหมายว่า 
"อาทิตย์ทรงคุณสมบัติอันสูงส่ง มีพลังอำนาจและอิทธิพล พร้อมทั้งมีความเข้มแข้งและมังคั่งสมบรูณ์อย่างดียิ่งด้วย"
 
ขอย้ำแทรกไว้เป็นการเตือนเพื่อกันลืมไว้ในทีนี่อีกสักนิดว่า ความหมายดังกล่าว เป็นลักษณะของพระอาทิตย์ในดวงชะตา ไม่ใช่คุณลักษณะของเจ้าชะตา

​​​​​​​-ถ้าอาทิตย์ให้คุณเจ้าชะตาก็จะประสบความหมายดังกล่าวตามความหมายของภพในช่วงอายุและวัยที่พระอาทิตย์เข้ามามีบทบาทในดวงชะตา
 
-ถ้าอาทิตย์ให้โทษ ความหมายของพระอาทิตย์ดังกล่าวก็จะมีแก่ฝ่ายศัตรู หรือมิฉะนั้นเจ้าชะตาจะประสบความเดือดร้อนวิบัติอันเนื่องมาจากความหมายนั้น
 
เช่น บุคคลชั้นสูงหรือชั้นเจ้านายที่เพียบพร้อมด้วยอิทธิพลและทรัพย์  เบียดเบียน ทำความเดือดร้อนและความวิบัติให้ หรือเพราะความมักใหญ่ใฝ่สูง เล็งผลเลิศของเจ้าชะตาเพราะความอยากเด่นอยากดัง อยากมีหน้ามีตา มีอิทธิพล หรืออยากร่ำรวย เป็นเหตุให้ประสบความเดือดร้อนและวิบัติ  

แสดงคุณลักษณะของจันทร์ในด้านของการหักหาญเสวยโจโรฤกษ์
จันทร์   
ช่วงเชิง  ต้องการสิ่งใดก็มุ่งจะเอาให้ได้สมใจตัว โดยไม่คำนึงถึงความควรไม่ควร 
ฤกษ์นี้   มีพระอาทิตย์เป็นดาวเจ้าฤกษ์ และพระเสาร์เป็นดาวเจ้าบาทฤกษ์ดาวทั้งสอง เป็นคู่ธาตุกัน แสดงถึงความมั่งคง เป็นปึก                      แผ่นถาวร
ในดวงนวางศ์  พระจันทร์สถิตในราศีที่เป็นประ แสดงถึงความไม่สมบรูณ์ ไม่มั่นคง อ่อนแอ ขาดแคลน
 
เมื่อเอาคุณลักษณะของพระจันทร์ตามหลักทั้ง ๓ ประการมาสัมพันธ์กัน ก็จะได้ความหมายว่า "พระจันทร์มีคุณลักษณะที่จะเอาอะไรมักจะหักหาญเอาให้ได้ดังใจ ละสามารถที่จะสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงขึ้นได้ โดยที่ตัวไม่ใคร่จะได้ใช้สิ่งที่ต่อสู้สร้างสรรค์ขึ้นนั้น" (ร่ำรวยเสียเปล่าแต่มีชีวิตอยู่อย่างอดๆ อยากๆ ด้วยความตระหนี่ถี่เหนียว)
 
อังคาร เสวยโจโรฤกษ์ แสดงถึงคุณลักษณะในด้านหักหาญชิงชัย มุ่งแต่  จะเอาให้ได้ตามใจ และ ตามอารมณ์ของตน
ฤกษ์นี้  พระอาทิตย์เป็นดาวเจ้าฤกษ์ และพรเสาร์เป็นดาวเจ้าบาทฤกษ์ ดาวทั้งสองเป็นคุ่ธาตุกัน  แสดงถึงความเป็นปึกแผ่นมั่นคง 
ในดวงนวาศ์   พระอังคารสถิตตำแหน่งเป็นมหาอุจน์ แสดงถึงความเข้มแข้ง และมีอิทธิพล เมื่อเอาคุณลักษณะของพระอังคาร                            ตามหลักทั้ง๓ ประการ  สัมพันธ์กัน จะได้ความหมายว่า
" พระอังคารมีคุณลักษณะหักหาญ จะเอาอะไรต้องเอาให้ได้โดยมุ่งสร้างสมความเป็นปึกแผ่นให้  แก่ตนด้วยการใช้อำนาจอิทธิพลเพื่อให้ได้สมปราถนา "
 
พระพุธ เสวยสมโณฤกษ์ แสดงถึงความเป็นผู้ฝักใฝ่ในความสุขสงบ
ฤกษ์นี้   พระเสาาร์เป็นดาวฤกษ์และเป็นดาวเจ้าฤกษ์ แสดงถึงการชอบอยู่ตาม ลำพังตนหลีกเลี่ยง จากความวุ่นวายและแก่งแย่ง               แข่งดีทั้งหลาย
ในดวงนวาศ์  สถิตในราศีที่ไม่มีตำแหน่ง แสดงถึงความเป็นไปอย่างพื้นๆเรียบๆ
    เมื่อเอาคุณลักษณะของพระพุธทั้งสามประการามสัมพันธ์กันแล้ว จะได้ ความหมายว่า
"พระพุธมีคุณลักษณธในการเป็นผู้ฝักใฝ่ในความสงบ ชอบอยู่ตามลำพัง หลีกเลี่ยงการแก่งแย่งแข่งดี โดยมีชีวิตอยู่อย่างพื้นๆ เรียบๆ"

พระพฤหัส เสวยทฤทโธฤกษ์ แสดงคุรลักษณะในด้านการหวังผลแบบกล้าได้  ไม่กล้าเสียถนัดในการ  ต่อรอง และขอร้อง
ฤกษ์นี้  พระเสาร์เป็นดาวฤกษ์ พระจันทร์เป็นดาวเจ้าบาทฤกษ์ ดาวทั้งสองเป็นคู่ศัตรูกัน แสดงถึงลักษณะแห่งความขัดแย้งแตกแยก
ในดวงนวางศ์  พฤหัสสถิตในตำแหน่งเป็นมหาอุจจ์ แสดงถึงความมีอิทธิพล และอำนาจเมื่อนำเอาคุณลักษณะของพฤหัส ทั้ง                             สามประการ มาสัมพันธ์กัน จะได้ความหมายว่า
" พฤหัสมีคุณลักษณะมุ่งแสวงประโยชน์ในทางเบียดเบียนเอาเปรียบ จนเป็นเหตุแห่งความขัดแย้งแตกแยก เพราะชอบใช้วิธีที่เป็นพระเดชมากกว่าพระคุณ "

พระศุกร์  อยู่ในตำแหน่งประ เสวยมหัทธโนฤกษ์ แสดงคุณลักษณะแบบผ้าขี้ ห่อทอง คือ มองสภาพภายนอกจะเห็นเป็นแบบพื้นๆ               ธรรมดาแต่เนื้อแท้นั้นสดใสสวยงาม สมบรูณ์ดี
ฤกษ์นี้  พระศุกร์เป็นดาวเจ้าฤกษ์ และเป็นดาวเจ้าบาทฤกษ์ด้วย แสดงถึง ความเป็นตัวของตัวเอง 
ในดวงนวางศ์ พระศุกร์สถิตในราศีตุลย์อันเป็นเรือนเกษตรของตนเอง แสดงถึงความเข้มแข็ง และมังคั่งสมบรูณ์ เมื่อนำเอา                                คุณลักษณะพระศุกร์ตามหลักทั้งสามประการมาสัมพันธ์กัน ก็จะได้ความหมายว่า
" พระศุกร์มีคุณลักษณะแห่งความสงบเสงี่ยมไม่ค่อยโอ่อวด แต่ถึงพร้อมด้วยความมั่งคั่งสมบรูณ์ และมีอิสระในการจะคิดจะทำอะไรได้ตามลำพัง ทั้งยังมีความเข้มแข็และมั่นคงเป็นอย่างดีด้วย "
 
พระเสาร์  ได้ตำแหน่งมหาจักร เสวยโจโรฤกษ์ แสดงคุณลักษณะที่ชอบ หักหาญ  ชิงชัย โดยไม่กริ่งเกรงอะไร 
ฤกษ์นี้  พระอาทิตย์เป็นดาวเจ้าฤกษ์ และพฤหัสเป็นดาวเจ้าบาทฤกษ์ ดาวทั้งสองเป็นคุ่มิตรกัน แสดงถึงการสังคมที่ดี มีพรรค                   พวกเพื่อนฝูงมาก 
ในดวงนวางศ์  พระเสาร์สถิตในราศีมีนโดยไม่มีตำแหน่ง แสดงถึงลักษณะความเป็นไป อย่างพื้นๆ และไม่มีผลดีเด่น 
 
เมื่อเอาคุณลักษณะพระเสาร์ตามหลักทั้งสามประการมาสัมพันธ์ จะได้ความหมายว่า
" พระเสาร์มีลักษณะมีคล่องแคล่วผาดโผน  เมื่อต้องการสิ่งใดก็จะเอาให้ได้ดังใจ โดยมีพรรคพวกเพื่อนฝูงให้ความสนับสนุนส่งเสริม แต่ไม่ปรากฎผลดีเด่นเป็นหลักฐาน "
(โดยทั่วๆไป เป็นไปลักษณะของการเสียสละเพื่อสาธารณะ สังคม หรือการกุศล)
พระราหู  สถิตในตำแหน่งเป็นมหาจักร์ เสวยโจโรฤกษ์ เช่นเดียวกับพระเสาร์จึงมี คุณลักษณะ นัยเดียวกับพระเสาร์
ฤกษ์นี้  พฤหัสเป็นดาวฤกษ์ และเป็นดาวเจ้าบาทฤกษ์ด้วย  แสดงถึงการชอบคิดชอบทำตามลำพังไม่ต้องอาศัยเพื่อนฝูงเหมือน                 พระเสาร์
ในดวงนวางศ์ พระราหูสถิตในราศีมีนไม่มีตำแหน่ง แสดงถึงความเป็นไปอย่างพื้นๆ โดยไม่ปรากฎ ผลดีเด่นเป็นหลักฐาน

เมื่อนำเอาคุณลักษณะพระราหูตามหลักทั้งสามประการมาสัมพันธ์กัน จะได้ความหมายว่า 
"พระราหูมีลักษณะคล่องแคล่วผาดโผน เมื่อต้องการอะไรมักจะมุ่งเอาให้ได้ดังใจ แต่ชอบคิดและชอบคิดและทำตามลำพังตนเอง แต่ไม่ปรากฎผลดีเด่นเป็นหลักฐาน"
 
ดังที่ได้เรียนทราบแล้วตั้งแต่ต้นว่า วิธีอ่านความหมายของดาวที่นำมากล่าวนี้ กล่าวเฉพาะคุณลักษณะของดาว โดยอาศัยคัมภีร์ ดาวเจ้าฤกษ์เป็นหลักเท่านั้น ฉะนั้นความหมายที่ได้จึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งอันเป็นน้อย เมื่อต้องการความหมายที่ละเอียดกว้างขวางไปกว่านี้ก็ต้องอาศัยหลักเกณพือย่างอื่นๆ มาประกอบเป็นการเพิ่มเติมด้วย           
 
อย่างไรก็ตาม วิธีการอ่านความหมายฤกษ์ของดวงดาวตามหลักคัมภีร์ดาวเจ้าฤกษ์ ซึ่งอาศัยดาวเจ้าฤกษ์และดาวเจ้าบาทฤกษ์เป็นหลักสำคัญที่นำมาเสนอต่อท่านในวันนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านที่กรุณาสละเวลามาฟับ้างพอสมควร
           
หลักเกณฑ์อื่นๆ ของคัมภีร์นี้เช่นกำหนดระยะเวลาที่ดาวแต่ละดวงจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตตามอายุ และวัยบันดาลให้เจ้าชะตาประสบภาวะเหตุการณ์ ตามคุณคุณลักษณะดีและร้าย จะนำมาเสนอท่านต่อไปในโอกาสข้างหน้าถ้ายังมีผู้สนใจอยู่
สำหรับวันนี้ ผมขอจบการบรรยายเพียงเท่านี้ขอให้ทุกท่านจงมีความสุขสวัสดีโดยทั่วกัน 





#คุณยายกลิ่นโสม SmileySmiley  141
#เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเอง .. ได้ที่ ..
#บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#baankhunyai.com

Visitors: 172,686