พระเสาร์

       
          ดาวพระเสาร์    โดย อาจารย์ ส. แสงตะวัน 

วิชาโหรศาสตร์ไทยภาคพยากรณ์ เรามักจะใช้ดวงfาวเล่นกันอยู่ ๑๐ ดวงด้วยกัน คือเริ่มตั้งแต่ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์จนถึงดาวมฤตยูเป็นดาวสุดท้าย เนื่องจากดาวเหล่านี้  มีระยะสัมพันธ์ที่ใกล้เรามาก  มีการปรุงแต่งกระแสธาตุอันเป็นมวลสาร ที่ทำให้โลกได้ สร้างสรรพสิ่งที่เราเรียกกันว่าธรรมชาตินั่นเอง  ส่วนดาวอื่นที่อยู่ห่างไกลกับโลกมากเกินไป  เรามักจะไม่ค่อยนำมาล่นกัน เพราะถือกันว่ามีพลังแสงที่ทรงอิทธิพลต่อโลกน้อยมาก  อีกประการหนึ่งดวงดาวที่เราใช้กันอยู่นี้  ได้มีการค้นคว้าหาข้อมูลในทางพยากรณ์กันมานับเบ็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว จึงเบื่นที่เชื่อถือได้โดยไม่ต้องสงสัย  ดาวทุกคงย่อมมีพลังแสงที่จะบันดาลให้มวลสารของโลก ได้บังเกิดเป็นอะไรก็ได้ และดาวทุกดวงจะทรงอิทธิพลแก่กล้าได้จะต้องได้รับพลังแสงจากอาทิตย์เสียก่อน  เพราะดาวอาทิตย์เป็นคลังแสงและเบ็นผู้นำของดาวอื่น

อันที่จริงโหรไทยทางภาคพยากรณ์  เขาถือว่าดาวบริวารของอาทิตย์ทุกดวงย่อมได้รับแสงจากอาทิตย์อยู่เสมอ  ส่วนที่จะได้รับมากอยู่เพียงใดนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่่ง  ซึ่งจะต้องศึกษากันไปเรื่อยๆ

ดาวพระเสาร์ก็เป็นดาวบริวารดวงหนึ่งของอาทิตย์และมีความสำคัญต่อโลก  ประดุจเพื่อนตายกันทีเดียว เพราะโลกคงรูปสัณฐานอยู่ได้ด้วยอิทธิพลของพระเสาร์ ถ้าดาวพระสาร์เกิดวิปริตแปรปรวนขึ้นเมื่อใดเมื่อนั้นโลกก็จะวิปริตแปรปรวนไปด้วย หรือถ้าหากดาวพระเสาร์เกิดระเบิดแตกแยกเป็นเถ้าธุลี โลกก็จะหายวับไปกับตา โดยไม่มีโลกนี้อีกต่อไป

ก่อนอื่นผู้เขียนใคร่จะขอกล่าวถึงปฏิทินโหรที่ไช้กันอยู่ทั่วไป  มีคัมภีร์สุริยาตร์ของไทยเรา ที่ได้มีการคำนวณขึ้นใช้จนถึงปัจจุบันนี้ร่วมพันปีมาแล้ว  และในระยะต่อมาได้มีกลุ่มดาราศาสตร์สมัยใหม่เกิดขึ้น  มีบางท่านให้ความเห็นว่า ระบบสุริยาตรของไทยได้กลายเป็นการคลาดเคลื่อนมากมาย สมควรที่จะเลิกใช้ได้แล้ว 

ผู้เขียนศึกษาโหราศาสตร์ฝ่ายพยากรณ์ และศึกษาไหราศาสตร์ไทยโบราณ มิได้ศึกษาทางดาราศาสตร์ จึงไม่ขอออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น และผู้เขียนเองก็ได้ทดสอบการเล่น  จากระบบปฏิทินต่างๆ และพยายามสังเกตุทุก ๕ นาทีนับเบ็นเวลานาน  กลับเห็นว่า ปฏิทินระบบโหรศาสตร์ไทยเรายังรักษามาตรฐานได้ดีอยู่  จึงไม่มีข้อสงสัยอันใดอีก ทั้งนี้เนื่องจากครูบาอาจารย์รุ่นเก่าท่านเคยกล่าวอยู่เสมอว่า  ถ้าจะเอาเก่งในทางพยากรณ์กันแล้ว ให้เรียนโหรภาคพยากรณ์ไห้ชำนาญเสียก่อน  แล้วจึงค่อยไปเรียนดาราศาสตร์ขั้นต่อไป แต่ถ้าหากไปเรียนดาราศาสตร์ก่อน แล้วจึงค่อยมาเรียนโหราศาสตร์  จะทำให้มีปํญหายุ่งยากเกิดขึ้น  ในที่สุดก็จะเหลวทั้งโหราศาสตร์กับดาราศาสตร์  เพราะดาราศาสตร์ ในระบบวิทยาศาตร์นั้น มองจากโลกออกไปหาดวงดาวในจักรวาล 

ส่วนดาราศาสตร์ในระบบสุริยาตร์ทางโหราศาสตร์นั้น  คือการมองจากดวงดาวเข้ามาหาโลก ด้วยการอาศัยการตำนวณค้นหาข้อมูลที่ใกล้เคียงที่สุด จนถือเป็นแบบฉบับอันเป็นสัจจสูตรดังที่ใช้กันอยู่  การมองมุมกลับ ย่อมจะต้องผ่านชั้นบรรยากาศของโลก และย่อมจะต้องบังเกิดมุมหักเห มุมเฉียง หรือมุมเอียงอยู่เสมอ จริงอยู่ทีวิชาศาสตร์กับดาราศาสตร์จะต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่ ก็เป็นเรื่องของคนละมุมกลับนั้นเอง  ฉะนั้นวิชาโหราศาสตร์แท้ๆ นั้น  บัจจุบันยังคงหลืออยู่ที่ประเทศไทยเราเท่านั้น ซึ่งเป็นแบบฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก

วันนี้ผู้เขียนใคร่อยากจะสนทนาปราศรัยกันถึงเรื่องดาวพระเสาร์จร ซึ่งนักศึกษารุ่นใหม่กำลังเป็นที่สนใจกันอยู่ทั่วไป และในขณะนี้ดาวพระเสาร์ได้โคจรเข้าสู่ราศีตุล  อันเป็นเรือนตำแหน่งมหาอุตม์ของพระสาร์หรือที่เรียกกันทั่วๆ ไปในวงการโหรว่า เสาร์จรเข้าเรือนอุตม์  คำว่อุตหรืออุตม์ หมายถึงตีเลิศ สูงสุดบริบูรณ์ และในวงการโหรเขาถือ  ว่าดาวอะไรก็ตาม ถ้าจรเข้าตำแหน่งมหาอุตม์หรืออุตม์ ดาวดวงนั้นจะเพิ่มกำลังในตัวแรงขึ้นอีก  หรืออย่างน้อยก็เพิ่มพลังขึ้นอีก ๓ เท่าตัวขึ้นไป แต่จะให้คุณหรือให้โทษมากน้อยเพียงใดนั้น  ต้องแล้วแต่จุดลัคนาของเจ้าตาเป็นสำคัญ เช่นตาวอุตม์อยู่ในตำแหน่ง อริ  มรณะ  และวินาศ ต้องถือเสื่อมเสียอย่างแรง คือเสื่อมเสียเพิ่มขึ้นเป็น ๓ เท่าเช่นกัน แต่ต้องเป็นอุตม์แท้จริงๆ นะ ถ้าไม่เป็นอุตม์ที่ถูกต้องตามเกณฑ์ของโหร ก็ให้ถือว่าเป็นเพียงดาวธรรมดาเหมือนดาวทั่ว ๆ ไป

วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๕  ตามปฏิทินโหราศาสตร์ของราชสำนัก ดาวอังคารย้ายจากราศีพิจิก เข้าสู่ราศีธนู เวล ๑๓  นาฬิกา ๕๘ นาที ของนายทองเจือ อำงเเก้ว ย้ายเวลา ๑๔ นาฬิกา ๐๘ นาที่ จะพึงเห็นได้ว่าต่างกันอยู่เพียง ๑๐ นาทีเท่านั้น เห็นจะเป็นด้วยเหตุเนื่องมาจากการตั้งจุดสถานที่การคำนวณ มากว่า และในวันนั้นอุณหภูมิในเมืองหลวง มีลักษณะแปรปรวนอย่างผิตปกติ คือเวลาระหว่าง ๑๒ นาฬิกา ถึง ๑๓ นาฬิกา ช่วงนี้โดยประมาณ ดินฟ้าอากาศในกรุงเทพรู้สึกมืดตึ้ม มีเมฆหนแน่นส่อเดาว่าฝนจะตก ลมหนาวเริ่มพัตโชยมาและหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดฟ้าคะนองเปรี้ยงปร้าง อยู่ทั่วไป และที่อื่น ๆ นอกกรุงเทพคงมีลักษณะคล้ายคลึงกัน

วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๒๕ วันนี้ดาวพระเสาร์ โคจรย้ายจากราศึกันย์ เข้าสู่ราศีตุล  ตามเวลาปฏิทินของราชสำนัก พระเสาร์ย้ายเวลา ๓ นาฬิกา ๔๓ นาที  ของนายทองเจือ อ่างแก้ว ย้ายเวลา ๑๓ นาฬิกา ๔๑  นาที พึงเห็นได้ว่าผิดกันเพียง ๒ นาทีเท่านั้น  นับว่าเวลาใกล้เคียงกันที่สุด

ดาวพระเสาร์เป็นดาวใหญ่ เเละมีอิทธิพลในลักษณะของกระเเสธาตุในเชิงบาปเคราะห์  ซึ่งมีทั้งคุณและโทษอย่างมหันต์ เวลาพักร์หรือย้ายราศีแต่ละครั้ง ย่อมจะบังกิดแรงกระเทกทำให้เกิดการสั่นสะทือนที่สูงมาก อาการสะทือนของพระสาร์จะแผ่วงกว้างในรัศมีประมาณ ๑๒๐  องศา เรือนธาตุในราศีที่ใกล้เคียง  จะเกิดวิปริตแปรปรวนผิดปกติอยู่ประมาณ ๙๐ วัน แล้วจึงค่อยลดผ่อนลงเรื่อย ๆ จนสงบเบ็นปกติ

ด้วยพลังอานุภาพของดาวพระเสาร์ ที่ได้เริ่มต้นย้ายเข้าสู่ราศีตุล อยู่ในขณะนี้ ได้ทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกและพื้นผิวโลก  พลอยได้รับกระทบกระเทือนและเกิดวิปริตไปเกือบทั่วโลก เช่นมีการทำสงครามสู้รบ การรัฐประหาร การอุบัติเหตุรายใหญ่ๆ การสูญเสียบุคคลสำคัญของโลก ดังเช่น ประธานาธิบดี เบรสเนฟ แห่งรัสเชีย เป็นตัน และยังจะมีอีกต่อไปจนกว่าจะพ้น  ๙๐ วันล่วงไปแล้ว

เหตุการณ์วันที่ ๒๔ เฉพาะในเมืองหลวง รู้สึกว่าบุคคลทั่วไปได้มีการเคลื่อนไหวผิกปกติ คงจะหวั่นเกรงเรื่องความไม่สงบอันอาจจะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองก็เป็นได้ เวลาตกตอนค่ำ ฟากฟ้าอากาศในกรุงเทพเริ่มเย็นฉ่ำ มีเมฆหนาแน่นและมืดคลื้มอยู่ทั่วไป แสดงว่าลมหนาวได้ย่างผ่านเข้ามาในพระนครอีกระลอกหนึ่ง วันที่ ๒๕ ก่อนเริ่มรุ่งอรุณคลื่นลมหนาวได้รวมตัวหนาแน่นยิ่งขึ้นจนรู้สึกยะเยือกทั่วไป แต่ลมหนาวในกรุงเทพในระยะปีนี้มีหนักเบาสลับกันเรื่อยๆ ส่วนทางต่างจังหวัดทางภาคกลางและภาคเหนือคงจะหนาวจัดพอดูทีเดียว

ขณะนี้ดาวพระเสาร์กำลังโคจรอยู่ในราศีตุล และจะเกินอยู่เป็นระยะยาวนาน ๒ ปี กับ ๖ เดือน ทำให้สถานการณ์ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่นการเมืองระดับโลก. ระดับประเทศ การเหมืองแร่ การอุตสาหกรรมแผนใหม่ และพืชพันธ์ธัญญาหาร ต่างๆ เป็นต้น พระเสาร์จะเบนเข็มทิศทางการเมือง ในลักษณะการผูกมิตรกับนานาประเทศ ดำเนินนโยบายแผนใหม่ เพื่อให้สอดคล้อง ต้องกันกับที่อารยะประเทศส่วนใหญ่ยอมรับนับถือ พระเสาร์จะเพิ่มพูนพืชพันธ์ธัญญาหารมากขึ้น อันได้แก่จำพวกแป้ง ข้าวน้ำตาลและอื่นๆ กับมีการขยายโครงการณ์ อุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น เช่นจำพวกอาหารสำเร็จรูปต่างๆ จำพวกเหล็กกล้าและสินแร่ทั่วไปเป็นต้น 

มีบางท่านที่ชอบศึกษาวิชาโหราศาสตร์ ได้ให้ความเห็นว่า ดาวพระเสาร์เมื่อโคจรเข้าราศีตุล  พระเสาร์ได้เข้าไปอยู่ในเรือนมหาอุตม์ ซึ่งควรจะหมายการแสดงคุณมากกว่าการให้โทษ และในระยะที่ดาวพระสาร์โคจรอยู่ในราศีตุลนี้  ใคร ๆ ที่เกิดมาในช่วงนี้พระเสาร์ควรจะเป็นมหาอุตม์หมดทุกคน

อันที่จริงเรื่องดาวเกษตรหรือมหาอุตม์นี้  ยังมีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อนกันอยู่มาก   จึงขอแสดงความคิดเห็นตามที่เคยเล่าเรียนมาดังนี้  ดาวจรดวงใดก็ตาม เมื่อจรเข้าเรือนเกษตรหรือมหาอุดม์ จะมิได้มีตำแหน่งเกษตรหรือมหาอุตม์ทั้งหมตทุกวันดังที่เข้าใจกัน จะทรงอิทธิพล ตำเหน่งเกษตรหรือมหาอุตม์แท้จริงที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์  เพียงระยะเดือนประมาณ ๒ หรื ๓ วัน เท่านั้น ส่วนวันอื่นจะไม่เบ็นเกษตรหรือมหาอุตม์ อย่างดาวพระเสาร์ ในขณะนี้ก็เช่นกัน ได้จรเข้าไปอยู่ในเรือนมหาอุตม์  แต่หาได้เบ็นมหาอุตม์ทุกวันไม่  จนกว่าจะจรเข้ากฎเกณฑ์ครั้งหนึ่ง จึงจะเบ็นอุตม์วันหนึ่ง ส่วนที่จะะไห้คุณหรือให้โทษนั้นอยู่ที่ลัคนา ดังได้กล่าวมาแล้วในตอนต้น

ดังจะเห็นได้ว่าในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๒๖ ดาวพระเสาร์จะจรเข้สู่ตำแหน่งมหาอุตม์ที่แท้จริงครั้งหนึ่ง หรือถ้าหากใครเกิดในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ในวันนั้นดาวพฤหัสบดี โคจรเข้าสู่ตำแหน่งมหาจักรแท้ในราศีพิจิกครั้งหนึ่ง จะเป็นนผู้ที่เจริญรุ่งเรื่อง ไปด้วยวิชาความรู้ และเบ็นเจ้าแห่งปัญญา ทำงานในระดับประทศหรือระดับการเมือง ชื่อเสียงเกียรติยศจะปรากฎแก่ชนทั่วไป   ...สวัสดี
#คุณยายกลิ่นโสม
#คุณยายเล่าเรื่องจากเรือนดาว
#โหราศาสตร์ไทยเรียนง่ายกว่าที่คิด
#เรียนโหราศาสตร์ไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#อ่านดวงไทยสบายสบาย ตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม   
#เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรี ที่เวปนี้นะ:: htthttp://www.baankhunyai.com
  --------------------  
Visitors: 172,918