มโนภาพกับโหราศาสตร์

    
         มโนภาพกับโหราศาสตร์   โดย อาจารย์ ส. แสงตะวัน 

สิทธิการิยะ ผิวผู้ใดก็ตามทำนเก่งในเชิงโหร และคงในการสร้างมโนภาพด้วย ท่านว่าผู้นั้นเก่งแล

บรมครูรุ่นโบราณ  ท่านมักจะยกย่องสรรสรรเสริญผู้ที่มีความสามารสสร้างมโนภาพ และนำมาประกอบกับการอ่านควงชะตาได้สมจริง จึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนเก่ง การจะเก่งแต่เพียงอ่านดวงดาวเท่านั้น ให้ถือว่ายังไม่สบูรณ์แบบในหลักวิชาโหราศาสตร์ จึงต้องสร้างมโนภาพเข้าประกอบด้วย

มโนภาพ จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ความคิดเห็นเป็นภาพขึ้นในใจ คำว่ามโนภาพนี้หากจะกล่าวกันแบบชาวบ้านก็ว่า นึกเห็นภาพขึ้นในใจก็ได้ การนึกเห็นภาพนั้นจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย เรียกว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก และก่อนที่จะนึกเห็นภาพขึ้นในใจนั้น


เราจะต้องใคร่ครวญและวิเคราะห์ดวงดาวให้ละเอียด ถี่ถ้วนเสียก่อน แล้วจึงสร้างมโนภาพขึ้นในใจเพื่อการจะนำมาอ่านควบคู่กับตวงดาว  ถ้าสามารถอ่านดวงดวงดาวได้ถูกต้องและสร้างมโนภาพได้สมเหตุสมต ท่านก็จะได้ชื่อว่า  ท่านทำนายเก่ง อันที่จริงจะว่ากันโดยทั่ว ๆไป นักพยากรณ์ที่คร่ำหวอดขั้นครู ก็มักจะใช้มโนภาพเป็นองค์ประกอบการพยากรณ์อยู่แล้ว

แต่เขียนเท่าที่เคยได้ศึกษามานาน รู้สึกว่าการสร้างภาพนึกขันในใจนั้น ย้งไม่สมบูรณ์แบบจริงๆ ยังขาดตกบกพร่องอยู่อีกอย่างหนึ่ง คือการสร้างภาพด้วยตาเปล่า หรือนึกเห็นภาพภายนอกด้วยสายตา ลักษณะอาการที่จะทำให้บังเกิดนึกเห็นภาพภายนอกด้วยตาเปล่านั้น มีลักษณะคล้ายกับการเพ่งกสิน แต่ไม่ใช่กสิณ เป็นเพียงการสร้างภาพ ในอากาศหรือในที่แจ้ง

กสิน เป็นเรื่องของผู้ใฝ่สมถกรรมฐาน ว่าด้วยอารมณ์ที่กำหนดธาตุ๔ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ วาโยธาตุ และเตโชธาตุ โดยเบื้องต้นเราจะยึดเอาธาตุหนึ่งธาตุใดก็ได้ แล้วแต่อารมณ์ที่คิดว่าสะดวกและง่าย เช่นปฐวีธาตุหมายถึงธาตุดิน เราก็นั่งขัดสมาธิลงที่พื้นดิน  แล้วพยายามหานโยบายข่มจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียว คือการทำจิตให้หยุดนิ่ง แล้วเพ่งสายตามองไปที่พื้นดินโตยไม่กระพริบตาให้นานทีสุตเท่ที่จะนานได้ ขณะที่กำลังเพ่งสายตามองดูพันดินอยู่นั้นให้นึกเห็นภาพประกอบไปตัวย เป็นภาพอะไรก็ได้ ถ้าภาพนั้นปรากฎให้เห็นเด่นชัต เรียกว่า กสิน หรือปฐวีกสิณ ถ้าเพ่งมองไปที่อากาศ และเห็นภาพนึกในอากาศ เรียกว่า วาโยกสิณ เป็นต้น

แต่ในที่ไม่หมาะสมที่จะเรียกว่า กสิน ควรจะเรียกว่า การสร้างภาพในอากาศ ดูจะเหมาะสมกว่า เพราะ นักดูดวงส่วนมากไม่ใช่พวกสมถกรรมฐาน แต่เราก็มีวิธีที่จะสร้างภาพในอากาศได้ การสร้างภาพในอากาศ หากไม่เคยฝึกหัดมาก่อน จะเห็นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อและไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่อันที่จริงแล้วย่อมเบื่นไปได้ ถ้าหากได้ ฝึกฝนอยู่เสมอ ๆ หรือถ้าหากว่าท่านนักโหราศสตร์ใดได้เคยฝึกหัตเรื่องกสิณมาก่อนแล้ว เรื่องการสร้างภาพในอกาศสบายมาก และไม่ยากเลย

การสร้างภาพในอากาศนั้น มีผลต่อเนื่องมาจากการสร้างมโนภาพเป็นมูลเหตุ และก่อนที่เราจะสร้าง มโนภาพและภาพในอากาศ เราจะต้องมีความชำนาญและเข้าใจในเชิงเล่นดวงดาวภาคพยากรณ์เสียก่อน การเล่นดวงดาวนั้นโดยทั่วไปเราก็เล่นกันอยู่แล้ว ถ้าหากสามารถผสมธาตุจากดวงตาวได้ด้วยจะยิ่งตีมาก เมื่ออำนดวงดาวได้ถูกต้อง เราก็สามารถสร้างมโนภาพได้ คือนึกเห็นภาพขึ้นในใจ เมื่อนึกเห็นภาพข้นในใจแล้ว ขั้นต่อไปเราก็สร้างภาพในอากาศแล้วนำมาประกอบอีกชั้นหนึ่ง เพื่อขยายเรื่องราวให้กว้างขวางมากขึ้น ถ้าหากสามารถกระทำได้ครบทั้ง ๓ อย่าง เราก็จะเป็นนักพยากรณ์ที่ดีและเก่งได้เช่นกัน

วิธีการสร้างภาพในอากาศ เราจำเป็นจะต้องใช้สถานที่ใดที่หนึ่งรอบๆ ตัวเราเช่นบนท้องฟ้ที่ไม่มีเมฆหมอกอันหนาทึบ เพดานบ้าน ข้างฝา พื้นบ้านหรือพี้นดินที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเรา เมื่อได้สถานที่ตามทีเราประสงค์แล้ว เราจงลงมือตรวจดวงดาวในเรือนชาตา ว่าลักษณะเรือนชาตาของผู้มาให้พยากรณ์นั้นเป็นอย่างไร พร้อมๆ กับนึกเห็นภาพในใจติดตามไปด้วย และก่อนที่จะกล่าวคำพยากรณ์ออกไป เราจะต้องเพ่งสายตามองออกไป ในที่ใดที่หนึ่ง เช่นสมมติวเราเพ่งสายตาไปจับที่ข้างฝ่าบ้าน ควรจะทำจิดให้เป็นกลางๆ อย่างสงบชั่วอึตใจหนึ่ง ในขณะที่เพ่งสายตาไปจับที่ข้างฝานั้น เราก็นึกเอาภาพที่เกิดขึ้นในใจ ออกมาเพ่งให้เห็นภาพจริงๆ ปรากฏอยู่ข้างฝา ภาพที่ปรากฎนั้นไม่ใช่ภาพอย่างกสิณ เป็นภาพที่นึกเห็นถ่ายทอดมาจากภาพที่นึกอยู่ ในใจ เมื่อภาพนึกปรากฎให้เห็นออกมาอย่างไร  เราก็จับเอาดวงดาวมาอ่านประกอบกับภาพที่เห็นนั้น ถ้าถูกตรงเบ้าหมาย เราจะสามารถอ่านได้ละเอียดและอ่อนไหวแบบสนดังลมทีเดียว และจะทำให้ผู้รับฟังคำพยากรณ์ รู้สึกที่งและสนเท่ห์ เสมือนกับเราไปรู้เรื่องราวของเขามาก่อน ชะดีชะร้ายเขาจะหาว่าเราเลี้ยงผีก็ ได้ แต่ถ้าผิตก็ติดไปเลยไม่ด้องแก้ตัว

สถานที่ที่ควรจะนำมาใช้ ในการเพ่งภาพในอากาศนั้น  กล่าวมาแล้วข้างต้น ในสถานที่นั้นต้องไม่มีวัตถุหรือสิ่งของตั้งหรือแขวนเกะกะสายตาจะเป็นที่หนึ่งที่ใดดังได้ ต้องเป็นสถานที่ว่างเปล่าจริง ๆ ถ้าหากมีสิ่งใดมาเกะกะสายตา จะทำให้ภาพที่ปรากฎเลอะเลือนหรืออาจไม่เห็นก็ได้ หรือบางทีทำให้จิตของเราไปสนใจในสิ่งนั้นได้เช่นกัน 

อีกประการหนึ่ง การเพ่งสายตานั้น ( ลืมตานะไม่ใช่หลับตา ) จงอย่าให้นานจนเกินไป ใช้เวลาพียงชั่วแวบเดียวหรืออึดใจเดียวเท่านั้น ถ้าเพ่งนานๆ ภาพนึกเห็นที่ปรากฎออกมาจะเลอะเลือนหรือมีภาพอื่นปรากฏซ้อนขึ้นมา ทำให้เกิดการลังเลและพยากรณ์ผิดจุดประสงค์โต้ บางทีผู้มให้พยากรณ์อาจจะเข้าใจผิด คิดว่าเราเป็นโรคประสาท หรือคิดว่าเรามีอันเบ็นไปเสียแล้วก็ได้ ใครจะรู้

การสร้างภาพในอากาศนี้ ผู้เขียนได้นำมาใช้เสมอเป็นประจำ จนมีบางท่านเกิดความเข้ใจผิต คิดว่าสู้เขียนใช้กสิณหรือวิปัสสนาเข้ามาทำนายประกอบด้วย อันที่จริงแล้วหาได้เป็นดังที่เขาใจไม่ หากแต่เขียนอ่านดวงดาวพร้อมๆ กับนึกเห็นภาพขึ้นในใจ แล้วเพ่งสายตาสร้างภาพในอากาศอีกครั้งหนึ่ง จึงจะกล่าวคำทำนายออกมา และก่อนที่จะทำนายด้องนึกถึงคำพูดให้เข้าจุดและสละสลวย ทำให้ผู้ฟังเพลิตเพลินเห็นคล้อยตามไปด้วย

จริงอยู่รู้พยากรณ์ ไม่ใช่เทวตาหรือผู้สำเร็จวิปัสสนา  จะได้รู้ไปหมดทุกอย่าง ย่อมจะต้องมีการผิดพลาดกันบ้างเป็นธรรมดา การผิดพลาดย่อมเป็นบทเรียนทีตี ซึ่งควรจะคันคว้าหาข้อมูลกันต่อไป และควรพยายามให้ผิดพลาดน้อยที่สุดในคราวต่อไป

ท่านนักศึกษา หากสนใจจะทดลองดูบ้างก็ได้ แต่ต้องพยายามฝึกหัตเล่นให้บ่อย ๆ และให้เร็วที่สุดที่จะเร็วได้  หากบังเกิดผลสมดังตั้งใจ ผู้มาให้พยากรณ์จะรู้ สึกสนเท่ห์และไม่รู้ว่าเราเอาอะไรมาพยากรณ์ ก่อนอื่นต้องฝึกหัตเรื่องดวงดาวให้คล่องตัวเสียก่อน เมื่อมีความชำนาญแล้วเรื่องสร้างภาพในอากาศก็คงไม่ยากเย็นอะไร สวัสดี 

#คุณยายกลิ่นโสม
#คุณยายเล่าเรื่องจากเรือนดาว
#โหราศาสตร์ไทยเรียนง่ายกว่าที่คิด
#เรียนโหราศาสตร์ไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#อ่านดวงไทยสบายสบาย ตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม   
#เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรี ที่เวปนี้นะ:: htthttp://www.baankhunyai.com
  --------------------  
Visitors: 172,768