เรื่องของดาว มีนา 2525

                              เรื่องของดาว โดย อาจารย์ประทีป อัครา

            
                   
                                                เรื่องของดาวโดย อาจารย์ประทีป  อัครา
                                            บรรยายที่สมาคนโหรฯ เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๒๕

 
     ที่หมายไม่ว่าจะไกลแสนไกลเพียงไร 
ก็ย่อมเดินถึงเข้าสักวันหนึ่งจนได้  ถ้าไม่หลงทาง
 
เมื่อพูดถึง “เรื่องของดาว”  ในวงพยากรณ์  ก็เท่ากับพูดถึงพื้นฐานของหลักพยากรณ์เกือบทุกแบบ ทุกประเภท  ทุกแขนง  เพราะพูดได้ว่าหลักพยากรณ์ทั้งหลายล้วนแต่อาศัยอิทธิพลของดาวอยู่ด้วยกันเกือบทั้งนั้น

แม้แต่ “โหงวเฮ้ง”  หลักวิชาพยากรณ์ลักษณะก็ยังอาศัยธาตุจากวันเดือนปีเกิดเป็นองค์ประกอบอย่างสำคัญ  เช่นอย่างที่ทราบๆกันว่า  คนบางคนหน้าตาจมูกปากดูเหลือเกินน่าจะเป็นเถ้าแก่หรือเศษฐีแต่กลับตรงกันข้าม  หรือคนที่มีหน้าตาอาภัพกลับมีชีวิตรุ่งเรืองร่ำรวยเป็นต้น  ซินแสที่ชำนาญในวิชานี้อธิบายให้ฟังว่า  อันลักษณะนั้นเปรียบเหมือนพรรณพืช  ต้องอาศัยวันเดือนปีเกิดอันเสมือนพื้นดินเป็นส่วนประกอบ  เช่นถ้าเป็นลักษณะที่ดีกว่านั้นเป็นประเภทที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยงให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ  แต่วันเดือนปีเกิดกลับมีแต่ธาตุไฟและความแห้งแล้ง  ไม้นั้นย่อมแห้งเฉาตาย  แต่ลักษณะที่เห็นเพียงผิวเผินว่าไม่น่าจะดีเหมือนไม้ที่ชอบน้ำ และวันเดือนปีเกิดเป็นธาตุน้ำอุดมเสริมส่ง  ก็ทำให้ไม้คือลักษณะนั้นเจริญได้

ในวิชาหัตถศาสตร์ก็ยังต้องอาศัยดาวอยู่เช่นกัน  ผมเคยถูกผู้สนใจในวิชานี้ท่านหนึ่งประนามว่าเอาวิชาลายมือมาบังหน้าหลอกคน  คือแทนที่จะเอาความหมายของลายมือโดยบริสุทธิ์พยากรณ์  กลับไปเอาความหมายของดาวมาประกอบ

ท่านผู้นี้ได้อ้างว่าสนใจวิชาลายมือมาตั้งแต่เป็นร้อยตำรวจเอกอยู่กองพิมพ์ลายมือจนเป็นพันตำรวจเอกก็ยังศึกษาค้นคว้าอยู่  ตำราลายมือที่แท้จริง  ไม่มีเล่มไหนใช้ดาวหรือวันเดือนปีเกิดประกอบ  ท่านยังพูดว่าคนที่เกิดในประเทศไทย  ถ้าไม่เคยมาไหว้พระแก้วมรกตแล้ว  ก็หมายความว่าพระแก้วไม่มีด้วยเหตุผลเพียงว่า  เพราะไม่เคยเห็นเท่านั้นแหละ

ผมถามท่านผู้นั้นว่า ในฐานะที่ท่านศึกษาวิชาลายมือมานานจึงเชื่อว่าพอมีความรู้วิชาลายมือขั้นพื้นฐานดีพอ  จึงขอให้ท่านช่วยบอกว่า  ในฝ่ามือของคนเรานั้น มีเนินไหนที่ไม่ใช้ชื่อเป็นดาวบ้าง

ท่านว่า ถึงเนินจะใช้ชื่อเป็นดาว  มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับต้องใช้ดาวพยากรณ์ตรงไหนเลย

ผมบอกว่าเกี่ยวซีครับ เหมือนกับรถที่เรียกว่า “รถม้า” นั่นก็เพื่อให้เป็นที่รู้ว่ารถแบบนี้เขาใช้ม้าลาก  ไม่ใช่สำหรับวัว หรือควายลาก

เนินที่เขาตั้งไว้เป็นชื่อดาวก็เหมือนกัน  เขาตั้งให้รู้ไว้ว่าเนินเหล่านี้เขาใช้พยากรณ์สัมพันธ์กับดาว  ส่วนใครจะเรียนรู้ถึงหรือไม่ถึงก็อีกเรื่องหนึ่ง

ก็เหมือนมหาวิทยาลัย  คนที่มีความรู้ได้รับปริญญา ก็เฉพาะผู้มีภูมิปัญญาได้รับคัดเลือกเข้าไปเรียนทั้งนั้น  ไม่มีมหาวิทยาลัยแล้ว ใครๆก็จะมีความรู้ได้ปริญญากันไปหมดทุกคน

กล่าวโดยสรุปว่า หลักวิชาใดที่ยังต้องอาศัยนับอายุหรืออาศัยเป็นวันเดือนปี  ล้วนแต่เป็นวิชาที่อาศัยดาวดาวทั้งสิ้น
เพราะวันก็มาจากโลกหมุนรอบตัวเองเข้ารับแสงอาทิตย์ครบหนึ่งรอบ
เดือนจัทรคติคือช่วงเวลาที่จันทร์โคจรรอบโลกทันพระอาทิตย์หนึ่งรอบ
ปีก็คือช่วงเวลาที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ

ล้วนแต่เป็นกำหนดที่ได้จากดาวทั้งสิ้น
สรรพสิ่งทั้งหลาย  ตราบใดที่เราเป็นนายมัน  รู้เท่าทันมัน  ตราบนั้นก็ย่อมจะใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้  แต่ถ้ามันแป็นายเราเมื่อใดแล้ว  นอกจากจะให้มันเป็นประโยชน์ไม่ได้แล้วมันกลับจะพาลมาใช้เราเสียอีก  แม้กระทั่งคนรับใช้  ตราบใดที่เราเป็นายนางยอมจะใช้นางได้  เมื่อเกิดไปเป็นสมภารกินไก่วัดคือแอบไปเป็นผัวนางเข้า  นางก็จะไม่ยอมให้ใช้ต่อไปอีกแล้ว

หรืออย่างที่มีผู้กล่าวว่า  เงินเป็นทาสที่ดีแต่เป็นนายที่เลว  คือดเมื่อเราเป็นนายของเงินมีเงินก็เหมือนมีแก้งสารพัดนึก  จะใช้มันทำอะไรก็ได้สมใจ  ไม่ว่ารเองร้ายหรือเรื่องดี  แต่ถ้ามันเป็นนายเรา  หรือเราตกเป็นทาสของมันเมื่อไหร่  ก็น่าดูชม

เรื่องของดาวก็อยู่ในกฎเกณฑ์นี้ด้วย  ถ้าเราเป็นนายมัน  รู้เท่าทันมัน  ก็จะใช้มันเป็นประโยชน์ดังมีแว่นชั้นดี  สามารถใช้ส่องความเป็นไปของชีวิต  ซึ่งแว่นธรรมดาแม้จะดีเพียงไรก็ไม่อาจส่องเห็นได้

แต่ถ้าเรารู้ไม่เท่าทันมันมันก็จะเย้าหยอกล้อเราให้หลงผิด  หรือปวดเศียรเวียนเกล้าได้เหมือนกัน  แทนที่จะเป็นแว่นทิพย์กลับมีค่าเพียงแว่นตาของม้าญี่ปุ่นเท่านั้น
(ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นใช้ฟางให้ม้ากินแทนหญ้า  โดยใช้ม้าใส่แว่นตาสีเขียว  ก็หลอกให้ม้าเห็นฟางมีสีเขียวขจีเหมือนสีหญ้านั่นแหละ)

ผมขอยกตัวอย่างให้ดูว่า  ดาวมันหลอกหรือล้อท่านได้อย่างไร
เช่นมีคนเอาดวงชะตานี้มาให้ดู  แล้วบอกว่า  เจ้าชะตาโชคดีเหลือเกิน  ลงทุนทำงานอย่างหนึ่ง  ได้กำไร  รวยอื้อไปเลย   
                     

           
เมื่อดูดวง  ก็จะเห็นจริงตามที่เขาบอกว่า    “ แน่ล่ะซีก็ในขณะที่ดาวเสาร์เกษตรราศีมังกรเจ้าเรือนกดุมภะไปอยู่ภพกัมมะ ดาวศุกร์ซึ่งเป็นเกษตร   ราศีตุลย์เจ้าเรือนลาภะก็มาอยู่เรือนกดุมภะ  ลาภผลเงินทองมันก็ไหลมาเทมา ”
 
หรือในทางตรงข้าม  เขาบอกว่า เจ้าชะตารายนี้โชคร้ายเหลือเกิน  เองเงินไปลงทุนหวังรวย กลับประสบความล้มเหลวขาดทุนย่อยยับ

เมื่อหวยมันออกมาอย่างงี้  ดูดวงก็เห็นจริงอีกว่า  “แน่ละซี  ก็ในขณะที่ดาวสาร์เกษตร  ราศีมังกรเจ้าเรือนกดุมภะไปอยู่กับภพกัมมะนั้น  ดาวศุกร์ซึ่งเป็นเกษตรราศี  พฤษเจ้าเรือนอริมาโคจรอยู่กดุมภะนี่ จะไม่แย่อย่างไร  ยิ่งศุกร์กับเสาร์เป็นคู่ศัตรูสำคัญที่ตำราว่าศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก  ผัวย้ายเมียแยกวิบัติกษัยก็ยิ่งต้องหนักเข้าไปอีก ”

การรู้ไม่เท่าทันดาว  นี่ขนาดแค่มีความหมายเพียงดาวกับเจ้าเรือน  มันยังงตอแหลบิดเบี้ยวลั้ยวลดหลอกเอาได้ถึงเพียงนี้  ขอให้หวยออกแล้ว  ไม่ว่าจะออกอะไร  มันก็ทำให้เห็นจริงว่าถูกไปทั้งนั้นได้ทุกเที่ยวทุกงวด

ถ้ายิ่งให้มีเครื่องประดับถึงองศา-ลิบดา  เป็นนวางศ์  ตรียางศ์  ฤกษ์  ละเอียดมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีข้อให้อ้างมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

อย่างเช่นว่า  ใช้เกณฑ์ละเอียดคำนวณหาเลขหวย ๒ ตัว  จะได้ข้อมูลออกมาละเอียดครบถ้วนเลย  คือมีตั้งแต่ ๐๐ ถึง ๙๙ แต่ถ้าแค่รู้วิธีคำนวณแต่ไม่รู้เท่าทันมัน  คือไม่รู้ว่าตัวไหนจะออก  ความละเอียดจะมีประโยชน์อะไร  ขืนเอาไปแทงหมดทุกตัว ก็มีแต่เจ๊งไม่มีเจ๊า

อย่างดีก็คงแค่เอาไว้ตรวจเมื่อหวยออกแล้วว่าถูกทุกงวด  ให้คลื้มๆ ใจเล่น

เรื่องการใช้ดวงพยากรณ์  ปัญหาเรื่องดวงหยาบดวงละเอียดนี้มีปัญหามานานแล้ว
ในสมัยก่อนนักโหราศาสตร์ที่นิยมคำนวณดาวละเอยดถึงองศา-ลิบดา  เพื่อเล่นดวงนวางศ์ ฯลฯมีเหตุที่จะเอามาอ้างตำหนิพวกใช้ดวงหยาบหรือดวงอีแปะว่า  เป็นพวกมีพื้นฐานความรู้แค่ไหนโคนต้นมะขาม  ทำดวงละเอียดไม่ได้จึงจำเป็นต้องใช้ดวงอีแปะ

แต่เมื่อการปรากฏว่า  คนที่ทำดวงละเอียดเป็นและไม่ใช่เพียงแต่เอาปฏิทินมาหารคูณเฉลี่ยเอาด้วยวิธีเลขบัญญัติไตรยางศ์เท่านั้น  ยังสามารถคำนวณดาวได้ทั้งล่วงหน้าและย้อนหลังเป็นร้อยเป็นพันปี  และยังสามารถคำนวณดวงที่ถือเป็นดวงละเอียดสูงสุดคือดวงพิชัยสงครามได้อีกด้วย  จริงๆมีอยู่หลายคนอย่างเช่นผมคนหนึ่ง  เหตุที่ชอบเอามาอ้างตำหนินั้นก็ค่อยๆจางหายไป   เพราะเห็นชัดเจนแล้วว่าพวกเล่นดวงอีแปะนั้น ไม่ใช่เพราะทำดวงละเอียดไม่เป็น

เพื่อให้ท่านเห็นและเข้าใจเรื่องความละเอียด ความหยาบของดาวโดยชัดเจน  ผมขอนำปฏิทินมาให้ท่านได้ชมและพิจารณาสักปีหนึ่ง  ดังนี้

                                           ปฏิทินนี้คือปฏิทินที่โหรที่ใช้กันในรัชกาลที่ ๕
               ท่านคงจะเห็นว่า  สิ่งที่พอจะทราบได้จากปฏิทิน  ก็คือ
เดือน   ได้แก่กเดือนจันทรคติ  เดือน ๕ เดือน ๖  เดือน  ๗ ฯลฯ
วัน       บอกให้ทราบแต่เพียงว่า  วันขึ้นต้นเดือน  และวันสิ้นเดือน  จันทรคติตรงกับวันอะไร 
ดาว  บอกให้ทราบเพียงแต่ว่า  ขึ้นหรือแรมกี่ค่ำ  (ช่องหน้าเป็นขึ้น   ช่องหลังเป็นแรม ) และดาวย้ายเข้าราศีอะไร(บอกไว้ใต้วันขึ้น-แรม) และดาวย้ายเข้าราศีอะไร(บอกไว้ใต้วันขึ้น-แรม)เช่นบรรทัด  อ  ซึ่งบอกถึงอาทิตย์  ช่องหลังเรือน ๕  มีเลข ๕  อยู๋ข้างบน  มีเลข ๐  อยู่ใต้  หมายถึงอาทิตย์เข้าราศี ๐ (เมษ)  วันแรม ๕ ค่ำ  (บอกแค่นั้นไม่บอกว่าย้ายเวลากี่โมงกี่นาทีเหมือนปฏิทินสมัยนี้)

                   วันที่  บอกเฉพาะวันที่ที่ตรงกับขึ้น  ๑  ค่ำของเดือนจันทรคติเท่านั้น

               เห็นไหมครับว่า  สิ่งที่พอจะเรียกได้ว่า “ความละเอีด”  ไม่มีให้เห็นหรือให้หาได้เลยในปฏิทินสมัยนั้น

         นอกจากนั้น  ยังไม่บอกเรื่องของจันทร์ไว้เลยอีกด้วยเพราะโหรสมัยก่อนท่านใช้วิธีเอา ๑๒ คูณดิถี เอา ๓๐ หารแล้วก็นับแต่หน้าอาทิตย์ไปเท่าลํพธ์  ตกราศีไหนถือว่าจันทรอยู่  “ประมาณ” ราศีนั้น ถ้าเศษเป็น  ๑๘  หรือ  ๒๔  ก็เลื่อนจันทร์ไปอีกราศีหนึ่ง ซึ่งถ้าคำนวณโดยละเอียดแล้ว  จันทรือาจจะเร็วหรือช้าไป  ๑  ราศีได้

         แต่ปฏิทินหยาบๆ อย่างนี้แหละครับ  ที่โหรสมัยก่อนใช้พยากรณ์แบบ  “ เอาหัวเป็นเดิมพัน ”  กันและก็ปรากฏผลที่ถูกต้องแม่นยำ  ให้โหรสมัยใหม่มองตากันเล่น

         ในระยะต้นๆ ของสามาคมโหร     มีข้าราชสำนักชั้นผู้ใหญ่หลายท่านแวะเวียนมาร่วมสนทนาปราศรัยกับพวก    สามาชิกอยู่เสมอ  เช่นท่านเจ้าพระยารามราฆพ  ท่านพระยาดหราธิบดี(แหยม) และคุณหลวงบทมาลย์บริรักษ์ เป็นต้น  ท่านเหล่านี้ได้นำเกียรติประวัติของโหรรุ่นเก่าๆ   มาเหล่าให้พวกโหรรุ่นหลังได้ฟังก็สดับสติมากมายหลายเรื่อง
           เช่นครั้งหนึ่ง  ท่านพระยาโหราธิบดี (ชุ่ม)  กราบถวายบังคมทูลพยากรณ์ต่อในหลวงรัชกาลที่ ๕ ว่า “มีเกณฑ์ว่าจะได้ข่าวศึกภายใน ๗ วันนี้ ”

               ทรงรับสั่งติงว่า “เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเขาศิวิไลกันแล้ว  จะรบทัพจับศึกที่ไหนกันอีก”

               แทนที่ท่านพระยาโหราจะระย่อหยุดยั้ง  กล้ากราบถวายบังคมทูลย้ำยืนยันว่า  “จะได้รับข่าวศึกแน่นอน  พะยะค่ะ  ภายในเวลา ๓ วันนี้ ขอถวายหัว”  ลดจำนวนวัน  แต่เพิ่มหัว
               มีพระราชกระแสรับสั่งว่า  “เรื่องนี้ฉันไม่ได้ฟังนะ ท่านครู”

               ท่านผู้เล่าอธิบายว่า  ที่ทรงมีรับสั่งเช่นนี้  คงเพื่อไม่ให้เกิดความจำเป็นเหมือนอย่างกรณีพันท้ายนรสิงห์นั่นเอง

               แต่การณ์ปรากฏว่า  อีก ๒ วันต่อมา ก็ได้รับการใบบอกข่าวศึกจากหัวเมืองเหนือ  ต้องจัดทัพไปช่วยรบศึกเมืองฮ่อ   ติดพันกันอยู่หลายปี

               (ในพระนิพนธ์เรื่อง  “ เจ้าชีวิต” ของพระวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์  ทรงบอกไว้ว่า  พระเจ้ากรุงหลวงพระบาง  และเจ้าเมืองหนองคาย  เป็นผู้กราบบังคมทูลเรื่องฮ่อยกเข้าประชิดเมือง    และขอกำลังจากรุงเทพฯ ขึ้นไปช่วย

              ท่านพระยาโหราธิบดี  ชุ่ม  ผู้นี้มีอายุยืนยาวรับราชกาลสนองพระเดชพระคุณสือต่อมาจนถึงรัชกาลที่ ๖

              คุณหลวงบทมาลย์บริรักษ์  ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดพระยุคลบาท  เล่าให้ฟังว่า  ท่านพระยาโหราผู้นี้ได้กราบบังคมทูลถวายคำพยากรณ์ว่า  “จะได้รับยกย่องพระราชอิสริยยศในไม่ช้านี้ ”

             ต่อมาอีกไม่กี่วัน  ก็มีพระโองการจากพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ  แต่งตั้งให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว  เป็นนายพลเอกในกองทัพอังกฤษ

เนื่องจากที่ประเทศไทยประกาศสงครามร่วมรบกับฝ่ายสัมพันธมิตร และเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ ๑

ประเทศอังกฤษในสมัยนั้น จัดได้ว่าเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกประเทศหนึ่งทีเดียว และในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปศึกษาวิชาทหารที่ประเทศนี้ก็ทรงได้รับพระยศเพียงร้อยโทเท่านั้น   การได้รับพระยศเป็นถึงพลเอกของกองทัพอังกฤษมหาประเทศจึงถือเป็นเกียรติที่สูงมาก  

น่าสงสัยใช่ไหมครับว่า โหรรุ่นเก่าใช้ปฏิทินบอกตําแหน่งดาวหยาบ ๆ อย่างนั้นพยากรณ์ได้อย่างละเอียดและถูกต้องแม่นยําได้อย่างไร

และคงจะสงสัยต่อไปว่า โหรสมัยนี้มีปฏิทินละเอียดสมบูรณ์กว่าสมัยก่อน ตั้งหลายเท่าควรจะพยากรณ์ได้ดีกว่าและแม่นยํากว่าโหรรุ่นก่อนหลายๆ เทา แต่ทำไมแค่จะพยากรณ์ให้ได้เท่าก็ดูเหมือนจะไม่มีปรากฏให้เห็น

การที่โหรสมัยก่อนสามารถใช้ปฏิทินหยาบๆ พยากรณ์ได้ละเอียดและถูกต้องได้ ท่านผู้ใหญ่ที่สนใจและใกล้ชิดกับโหรสมัยก่อน อธิบายให้ฟังว่า “เพราะโหรเขารู้จักดาวกันจริง ๆ และรู้เท่าทันดาว เหมือนกับการเลี้ยงคนและใช้คน ถ้ารู้นิสัยสันดานของแต่ละคนดี ถึงจะไม่ไปคอยเฝ้าดู ใกล้ชิด ก็รู้ทัน ไม่ให้มันหลอกหรือตบตาได้”

ท่านว่าจริงไหมครับ การรู้จักดาว และรู้เท่าทันดาว จะดีกว่ารู้เพียงรายละเอียดของดาว

การใช้ดาวที่มีรายละเอียดมากเท่าไร ก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น เหมือนการใช้ลูก น้องที่มีความสูง เฉลียวฉลาดมาก ถ้ามีความรู้เท่าและรู้ทันก็ดีไป แต่ถ้าเรารู้น้อยกว่าหรือโง่ กว่าลูกน้อง มีตัวอย่างปรากฏให้เห็นมาหลายต่อหลายรายแล้ว เถ้าแก่เจ๊ง แต่ลูกน้องรวย

บางท่านอาจคิดแย้งว่า ก็เมื่อปฏิทินมีรายละเอียดพร้อมมูลอยู่แล้ว ไม่ต้องไปคิด คำนวณอะไรอีก จะมีปัญหาอะไร 

ผมขอยืนยันว่า ถ้าท่านพิจารณาปฏิทินอย่างละเอียดให้สมกับความละเอียดของปฏิทิน แล้วท่านจะพบปัญหามากมาย

เอาแค่ “เวลาดาวย้ายราศี”

ทั้งที่ไปเอาปฏิทินดาราศาสตร์มาทําแค่ตัดอยนางศ์ด้วยกัน เวลาดาวย้ายราศีก็ยังมีแตกต่างกันให้เห็นอยู่มากมาย เจ้าหนึ่งย้ายเวลาหนึ่ง อีกเจ้าหนึ่งย้ายอีกเวลาหนึ่ง

เมื่อเวลาดาวย้ายไม่เหมือนกัน ก็หมายความว่า ณ จุดเวลาหนึ่งดาวจะอยู่ต่างราศีกัน

เมื่อผูกดวงชะตาดวงหนึ่งขึ้น ใช้ปฏิทินหนึ่ง ดาวอยู่ราศีหนึ่ง ใช้อีกปฏิทินหนึ่งดาว อยู่อีกราศีหนึ่ง ทั้งๆ ที่เป็นปฏิทินดาราศาสตร์จัดอยนางศด้วยกัน   ท่านว่าอย่างนี้เป็นปัญหาไหมครับ แล้วจะเอาหลักอะไรมาตัดสินว่าของเจ้าไหนควรจะถูกกว่า

และในพยากรณ์สารเดือนกุมภาพันธ์นี้เอง  ผู้จัดทําปฏิทินของสมาคมฯ ก็แถลงให้ ทราบว่า เดี๋ยวนี้ได้เปลี่ยนวิธีคํานวณเวลาดาวยกมาใช้คอมพิวเตอร์แล้ว เพราะคํานวณได้ผล ละเอียดและถูกต้องแน่นอนกว่า พร้อมกับนําผลคํานวณแบบเก่ากับแบบใหม่ที่ใช้คอมพิวเตอร์ มาให้ดู
ปรากฏว่าเวลาดาวยกแตกต่างกันถึงประมาณ ๙ นาที 

ท่านไม่คิดว่านี้ก็เป็นปัญหาหรือครับ?

เพราะหากเราถือเป็นข้อยุติ ให้ถือผลคํานวณด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นหลัก เพราะ ประสิทธิภาพในการคำนวณควรแก่การเชื่อถือได้มากกว่า 

ถ้าอย่างนั้นปฏิทินที่คํานวณกันไว้ก่อน ที่ยังไม่ได้คํานวณด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มี กันอยู่แล้ว และจะต้องใช้กันอยู่ต่อไปเช่นใช้ผูกดวง จะมีผิดหมดหรือ ถ้าผิดจะใช้กันไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิดหรืออย่างไร ยิ่งในสมัยนี้คํานวณเวลากันละเอียดถึงวินาที ความแตกต่างถึงประมาณ ๙ นาที จึงเป็นเรื่องไม่ใช่เล็กน้อย

ถ้ายังคิดหาคำตอบไม่ได้ก็ยังไม่ต้องคิด ลองคิดกันถึงอีกปัญหาหนึ่งว่า ตอนนี้เรากําลัง ใช้ดาว หรือว่าดาวมันกําลังใช้เรากันแน่ คือใช้ให้เราคํานวณอย่างละเอียดกันแทบตาย แต่ยังตัดสินใจ ไม่ได้ว่าอย่างไหนถูกอย่างไหนผิด

เมื่อพูดถึงความละเอียดในวิชาโหราศาสตร์ ก็เห็นจะต้องพูดถึงอีกอย่างหนึ่ง คือ ลัคนาแบบเวลานักษัตร ซึ่งมีการคิดคํานวณเวลากันอย่างละเอียดถึงวินาที ทําให้ได้รับการตีความว่าน่าจะถูกต้องกว่าการใช้ลัคนาแบบเดิม ทั้ง ๆ ที่ความละเอียดกับความถูกต้องมันเป็นละเรื่องคนละอย่างกัน

ผมเคยถูกถามหลายครั้งว่า ทําไมถึงยังใช้ลัคนาแบบเดิมอยู่ ไม่ทดลองใช้ลัคนาแบบ เวลานักษัตรดูบ้าง

เมื่อผมบอกว่า ผมเคยลองใช้เปรียบกันอยู่นานแล้ว เห็นว่า “ถ้าใช้หลักเกณฑ์พยากรณ์ ( แบบโหรไทยแล้ว ใช้ได้ผลลัคนาแบบเดิมของไทยไม่ได้”

หลายคนที่ฟังแล้วหัวเราะเสียงแปร่งเหมือนจะแฝงคำเยาะไว้ว่า “ใช้ไม่ได้ผล หรือว่าใช้ไม่เป็น คำนวณไม่เป็นกันแน่”


และหลายคนที่ตําหนิผมว่า เป็นพวกชาตินิยมแบบไม่ลืมหูลืมตาดูความเจริญของโลก

เมื่อพูดถึงความละเอียดกัน ตําแหน่งลัคนาเวลานักษัตรที่นํามาเสนอในวันนี้จึงไม่ใช้ ตารางหาลัคนา Tables of  Houses ของ Raphael หรือ Tables of Ascendants ของ Lahiri หรือ Nirayana Tables of Houses ของ B.V. Raman

เพราะถึงจะเป็นตารางที่ใช้กันแพร่หลาย แต่ก็ไม่ละเอียดพอจะให้หาจุดที่ประสงค์ได้ เช่นแลตก็บอกไว้แค่องศา เวลาก็เว้นช่วงไว้ถึง ๓-๔ นาที อย่างดีที่จะหาได้ก็คือ “หาจุดที่ใกล้ เคียงที่สุด” มาใช้ ดูแล้วไม่สมกับที่ทํา “กร่าง” ถึงวินาทีหรือพิลิบดาไว้เลย

การเสนอตําแหน่งลัคนาเวลานักษัตรละเอียดถึงพิลิบดา และเวลาวินาทีนี้ เพื่อแก้ ความเข้าใจผิดของคนที่คิดว่า ที่ผมยังใช้ลัคนาแบบเก่าอยู่เพราะใช้หรือคำนวณลัคนาแบบใหม่ ไม่เป็นได้เข้าใจว่า ผมใช้อยู่เพราะได้ทดสอบแล้วลัคนาแบบเดิมของไทยยังใช้ได้ผลดีกว่าจริง ๆ ถ้าใช้หลักเกณฑ์พยากรณ์แบบโหรไทย กรุณาเข้าใจให้ถูกนะครับ ว่าผมไม่ได้ว่าลัคนาแบบ ไทยดีกว่าลัคนาแบบอื่น ผมย้ำว่า ถ้าใช้หลักเกณฑ์พยากรณ์แบบโหรไทยแล้ว ลัคนาแบบไหนก็สู้ลัคนาแบบไทยไม่ได้

และขอถือโอกาสนี้ทําความเข้าใจกับท่านที่คิดว่า แบบเป็นคนชาตินิยมแบบไม่ลืมหู ลืมตาดูความเจริญของโลกอีกสักนิดว่า 

สถานภาพในวงการโหรของผมในขณะนี้ ผมถลําลึกเข้ามาจนเกินกว่าที่จะถือวิชา โหราศาสตร์เป็นของที่เรียนฆ่าเวลาหรือเรียนเล่นสนุก ๆ เพื่อความเพลิดเพลินไปแล้วเกินกว่า ที่จะเลือกประเภทวิชาสำหรับเอาไว้คุยให้เห็นว่าโก้กว่าเสียแล้ว

เพราะคนที่ตั้งใจพบกับ ประทีป อัครา ในเรื่องโหราศาสตร์ ไม่ใช่มาเพื่อคุยกันเล่น เพราะอยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร แต่ละคนล้วนแต่ตั้งหน้าจะมาพูดกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเอาจริง เอาจัง เอาการเอางาน รวมไปถึงพวกที่อยากรู้ อยากลองและอยากเรียนด้วย

ในสถานภาพเช่นนี้ ต่อให้ผมฉลาดน้อยเพียงไร ก็คงไม่โง่ถึงกับมัวถือชาตินิยม ยึดถือหลักเกณฑ์ที่ล้าสมัยไร้ค่าไว้ ทั้ง ๆ ที่มีของใหม่ที่ดีกว่าให้เลือกได้

และถึงจะโง่เพียงไร ก็คงยังมีความฉลาดเหลือไว้ให้คิดว่า ต้องใขว่คว้าหาของที่ดี ที่ใช้ได้ผลมาไว้ เพื่อค้ำจุ้นสถานภาพให้ยืนหยัดอยู่ในวงการได้อย่างภาคภูมิต่อไป

ด้วยเหตุผลตื้น ๆ ง่าย ๆ เพียงแค่นี้ คงจะพอให้เชื่อได้นะครับว่า สิ่งที่ผมยึดถืออยู่ไม่ ใช่ด้วยอุปาทาน เพราะการดํารงอยู่ของผมขึ้นอยู่กับผลงานทางโหราศาสตร์

จึงขอเรียนยืนยันว่า ผมไม่ใช่ชาตินิยมแบบไม่ลืมหูลืมตาดูความเจริญของโลกแน่ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถยืนหยัดอยู่ในวงการโหรสืบต่อกันมาอย่างสม่ำเสมอจนถึงบัดนี้

พูดถึงเรื่องลัคนาเวลานักษัตร ซึ่งเป็นลัคนาแบบละเอียดกันเสียที

สมมุติว่า เวลาเกิดของเจ้าชะตารายหนึ่ง เมื่อจัดการแก้ไขให้เป็นเวลานักษัตรเรียบร้อยแล้ว จะคาบอยู่ระหว่างเที่ยงถึงเที่ยงครึ่ง คือ ๑๒.๐๐ ถึง ๑๒.๓๐ น. กรุงเทพฯ

เพื่อให้ได้ตำแหน่งลัคนาเวลานักษัตรโดยละเอียด จึงขออนุญาตใช้แลตที่คุณมานิตย์ ธีระเวชชกุล ได้ค้นคว้าและกรุณานํามาเผยแผ่ไว้ คือ ๑๓ องศา ๔๕ ลิบดา ๑๐ พิลิบดา
 ถ้าคํานวณตรงเวลา ๑๒.๐๐ น. ลัคนาจะอยู่ราศีธนู ๒๔ องศา ๒๖ ลิบดา ๑๓ พิลิบดา
 ถ้าคานวณตรงเวลา ๑๒.๓๐ น. ลัคนาจะอยู่ราศีมังกร ๑ องศา ๑๗ ลิบดา ๒๘ พิลิบดา

ท่านจะมีตารางหาลัคนาที่ละเอียด หรือมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพให้ผลคํานวณที่ถูกต้องเพียงไรก็ตาม

แต่เมื่อเจ้าชะตาจำเวลาเกิดได้ไม่แน่นอน ผลที่คํานวณได้ก็เป็นแค่ “ความละเอียด” ส่วนความถูกต้องนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  เพราะลัคนาของช่วงเวลานั้นอยู่ได้ถึง ๒ ราศี

จึงเกิดเป็นปัญหาขึ้นมาว่า จะเอาอะไรเป็นหลักตัดสินชี้ขาดว่าลัคนาที่ถูกต้อง ควรจะอยู่ที่ราศีไหน
ถ้าต้องใช้หลักวินิจฉัยด้วยเหตุผลทางใดก็ตาม ก็ถือว่าหลุดพ้นไป จากหลักเกณท์คํานวณที่ละเอียด และเครื่องคํานวณที่มีประสิทธิภาพไปแล้ว ละเอียดอย่างไรก็เห็นจะไม่พ้นจากความเป็นลัคเนอยู่ดี

ถ้าเป็นอย่างนี้ จะว่าเป็น “ความถูกต้องแน่นอน” ได้อย่างไร
สมมุติว่า เจ้าชะตาจำเวลาเกิดได้แน่นอนกว่าที่กล่าว คือผู้ใหญ่จดเอาไว้ ซึ่งเมื่อเทียบ เป็นเวลานักษัตรแล้วจะเป็นเวลา ๑๒.๒๕ น. นาฬิกาอาจจะเร็วหรือช้าไปบ้างก็ไม่เกิน ๑ นาที กล้ายืนยันถึงขนาดนี้
เมื่อคำนวณสอบโดยละเอียด จะพบว่า 
เวลา ๑๒ นาฬิกา ๒๔ นาที่ ๒๒ วินาที ลัคนาจะอยู่ ราศีธนู ๒๙ องศา ๕๙ ลิบดา ๔๑ พิลิบดา 
เวลา ๑๒ นาฬิกา ๒๔ นาที ๒๓ วินาที ลัคนาจะอยู่ ราศีมังกร ๐ องศา ๐ ลิบตา ๔ พิลิบดา
ใครจะเป็นคนยืนยันว่า เจ้าชะตาเกิดเมื่อ ๒๒ วินาที หรือ ๒๓ วินาที
 จะใช้อะไรเป็นหลักตัดสินว่าลัคนา อยู่ราศีธนู หรือ อยู่ราศีมังกร
 การเรียนรู้วิธีคำนวณให้ละเอียดแค่ไหน เป็นสิ่งที่ทําได้ไม่ยาก
 แต่หาคนที่จะรู้เวลาเกิดอย่างละเอียดแน่นอนมาให้คำนวณนี้ซิครับ หายาก

การรู้แต่วิธีคํานวณให้ได้ผลละเอียดอย่างเดียว แต่มีความรู้จักดาวคือรู้ทันดาวไม่พอ ความละเอียดของการคํานวณอย่างเดียวก็จะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก

(เนื่องจากลัคนาแบบเวลานักษัตรเป็นหลักเกณฑ์ของโหราศาสตร์ระบบ “สายนะ” ที่พวกโหรฝรั่งใช้กัน ตําแหน่งลัคนาที่นำมาเสนอจึงเป็นตําแหน่งในระบบ “สายนะ” ทั้งนี้เพื่อ ไม่ให้เป็นปัญหาเรื่อง “อยนางศ์” สําหรับท่านที่จะลองคํานวณสอบดูว่าจริงตามที่ผมว่าหรือไม่) 

 ผมขอหวังไว้ในตอนท้ายนี้สักอย่างหนึ่ง
คือหวังอย่าให้ท่านที่กําลังใช้ปฏิทินแบบใหม่และใช้ลัคนาแบบใหม่ คือลัคนาแบบเวลานักษัตร เกิดความเข้าใจผิด คิดว่าผมมาขัดคอ หรือขัดขวางความเจริญของวิชาการ

 
ในฐานะที่เป็นคนชอบศึกษา ค้นคว้า ทดสอบ พิสูจน์ และคอยลืมตาสดับตรับฟัง ความเจริญของโลกโหราศาสตร์อยู่เสมอ เมื่อเห็นว่าตอนไหนมันมีร่อง มีหลุม มีบ่อ ก็เอามาเกริ่นสู่กันฟัง เพื่ออย่างน้อยก็จะได้ไม่พลาดหรือพลัดตกลงไป ทําให้เสียเวลาและเสียความหวัง
ข้อที่พอจะยืนยันว่า ผมไม่ได้รังเกียจหรือกีดกันวิทยาการใหม่ ๆ เลย ก็คือผมเองได้ ให้ความสนใจแก่หลักเกณฑ์ที่มีการเผยแพร่อยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นก็คงคำนวณลัคนาแบบเวลานักษัตรมาให้ดูกันไม่ได้
ในตอนท้ายของการพูดวันนี้ผมอยากจะฝากข้อคิดไว้ว่า

๑) ความละเอียดของดาว เพียงแต่เป็นองค์ประกอบเช่นเดียวกับกล่องหรือกระดาษ ห่อของ ที่ช่วยให้สวยงามน่าดูเท่านั้น ที่สําคัญจริงๆ มันอยู่ที่คุณสมบัติของของที่อยู่ข้างใน จะเห็นได้จากที่โหรรุ่นก่อน ๆ มีปฏิทินที่ไม่มีรายละเอียดเช่นองศา ลิบดาของดาว หรือเวสายกของดาวเลย  ท่านก็ยังใช้พยากรณ์กันได้อย่างละเอียดและอย่างแม่นยำ

๒) การศึกษาโหราศาสตร์ ควรจะศึกษาให้รู้ทันดาวและเป็นนายดาวเพื่อใช้ดาวไม่ใช่ให้ดาวหรือพวกที่ทําปฏิทินขายเป็นนายเราและใช้เราจนหัวปั่น


ปากกาปลอกทองฝังเพชร     ช่วยให้โก้เก๋เท่านั้น
ไม่ได้ช่วยให้เป็นนักประพันธ์มีชื่อเสียงได้หรอกครับ



ที่มา : บรรยายที่สมาคมโหรฯ เมื่อวันที่ ๑๓  มีนาคม ๒๕๒๕






#By_คุณยายกลิ่นโสม
#เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเอง ที่: #www.baankhunyai.com
-----------------------
ดูดวงติดต่อ Line : baankunyai  
Visitors: 171,448