ตำนานของพระพฤหัส(๕)

     พระพฤหัสบดี (๕)  

 

        พระพฤหัสบดี(๕)

ดาวพฤหัสบดีตามตำราโหราศาสตร์ นับเป็นดาวพระเคราะห์ที่ใหญ่รองจากพระอาทิตย์ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๘๖,๐๐๐ ไมล์ มีเนื้อที่ ๒๔,๕๗๑,๔๘๐,๐๐๐ ตารางไมล์ ดาวพระเคราะห์นี้มีดังนี้ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ราหู ศุกร์ เกตุ และเพราะดาวพฤหัสบดีเป็นดาวที่ใหญ่อย่างว่านั่นแหละ นิยายกรีกจึงจัดให้เป็นเทพสูงสุดเหมือนพระอิศวรของพราหมณ์ มีนามกรว่า ซิวส์หรือซีอุส Zeus ส่วนทางพราหมณ์ถือว่าเป็นครู วันพฤหัสบดีจึงเรียกว่า คุรุวาร

นักวิชาการทางศาสนาเช่นหลวงวิจิตรวาทการ สรุปการแบ่งสมัยศาสนาพราหมณ์เป็น ๔ สมัย คือ สมัยอริยกะ สมัยพระเวท สมัยพราหมณะ และ สมัยฮินดู พระพฤหัสบดีนี้บางทีก็ว่าเป็นฤาษี บางทีก็ว่าเป็นเทวดา และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางวิชาการของพระอินทร์มาตั้งแต่สมัยอริยกะ ซึ่งสมัยนั้นพระอินทร์ใหญ่มาก ยังไม่เกิดพระเป็นเจ้าทั้งสาม มาในสมัยพระเวท พระพฤหัสบดีได้รับยกย่องมากขึ้น ได้เป็นทูตของสวรรค์ นำความดีความชอบของมนุษย์ไปแจ้งแก่สวรรค์ สมัยพราหมณะก็ได้เป็นอาจารย์ของเทพเจ้าทั้งหลาย ในสมัยฮินดูพระพฤหัสบดีก็ยังคงรักษาการในตำแหน่งทางวิชาการอีกนั่นแหละ


บางกระแสท่านว่าพระพฤหัสบดีเป็นผู้ประกอบพิธีของเทพเหมือนกับพระอัคนี พระพฤหัสบดีได้รับยกย่องให้เป็นปุโรหิต (ผู้ประกอบพิธีในบ้าน) พราหมณ์ (ผู้สวดมนต์) และพรหม (การสวดหรือความภักดี) เป็นผู้นำเครื่องสังเวยไปให้แก่เทพ เป็นผู้สวดและมาร่วมในการสวดมนต์ของมนุษย์ด้วย และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ได้นามว่า “คณบดี” คือหัวหน้าของกลุ่มซึ่งครั้งหนึ่งเป็นฉายาของพระอินทร์และพระคเณศ พระพฤหัสบดียังเป็นราชาแห่งการสวดและบันดาลใจให้เกิดบทสวดมนต์สดุดีเทพ ดังนั้นจึงเป็นผู้เกี่ยวข้องกับมนุษย์ โดยถือกันอีกว่าเป็นเทพแห่งการพูดและปัญญา หรือ วาจบดี อีกด้วย ตอนนี้ดูจะสับสนอยู่เหมือนกัน พระพุธนั้นก็ถือกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งวาจาและพาณิชย์ เป็นผู้มีความฉลาดและรอบรู้ และก็คล้ายกับพระพุธ (Hermes หรือ Mercury) ของเทพนิยายกรีก ซึ่งจัดเป็นเทพแห่งการขโมยและวาทศิลป์

พระพฤหัสบดีเป็นโอรสของ พระอังคีรสพรหมบุตร กับ นางสมปฤดี (สติ) แต่ตามตำนานพระเคราะห์ว่า พระอิศวรได้สร้างพระพฤหัสบดีขึ้นด้วยฤาษี ๑๙ ตน ด้วยการร่ายพระเวทให้กายฤาษี ๑๙ ตนนั้นละเอียด แล้วเอาผ้าห่อผงนั้นประพรมด้วยน้ำอมฤต จึงได้บังเกิดเป็นพระพฤหัสบดี มีวิมานเป็นสีบุศราคัม และกวางทองเป็นพาหนะ

พระพฤหัสบดีมีชายาสองพระองค์ คือ นาง ดารา มีบุตรคือ พระพุธ และนาง มมตา มีบุตรมีนามว่า พระภรัทราชมุนี ในรามเกียรติ์มีเรื่องว่าทหารของพระรามชื่อตาระ ก็เป็นบุตรของพระพฤหัสบดี


เรื่องชายาของพระพฤหัสบดีที่ชื่อดารานั้น มีเรื่องเล่าสนุกสนานมาก เกี่ยวข้องกับพระจันทร์ ซึ่งก็ได้เล่าไว้ในเรื่องพระจันทร์แล้ว ในที่นี้จะเล่าย่อและขยายความบางตอนที่ไม่ได้กล่าวไว้ในตอนนั้น เรื่องมีอยู่ว่า พระจันทร์ได้ลักเอานางดาราไปเป็นเมีย จนเป็นเหตุให้เกิดสงครามใหญ่โต ข้างพระพฤหัสบดีนั้นมีพระอิศวร พระอินทร์ช่วยรบ ส่วนพระศุกร์นั้นไม่ถูกเส้นกับพระพฤหัสบดีมาก่อน เลยเข้าข้างพระจันทร์ นอกจากนั้นก็มีพวก ทานพ แทตย์ และอสูร ซึ่งเป็นศิษย์ของพระศุกร์ก็ช่วยข้างพระจันทร์ ครั้งนั้นการรบเกรียวกราวมาก เรียกกันว่า เทวาสูรสงคราม ผลที่สุดพระพรหมต้องมาห้ามทัพ บังคับพระจันทร์ให้ส่งนางดาราคืนให้พระพฤหัสบดี และนางดารานี้ต่อมาก็ได้บุตรมีนามกรว่าพระพุธนั่นแหละ

ตรงนี้ ผมขอแทรกเรื่อง ทานพ แทตย์ และอสูร สักนิดเถอะ ทั้งนี้เพราะเหตุผล ๒ ประการ คือ เรื่องราวของพระพฤหัสบดีมีน้อย ถ้าเขียนสั้นๆ ไปก็ไม่พอฉบับ คุณต่วยก็จะว่าได้ อีกประการหนึ่งชื่อเหล่านี้มีปรากฎในวรรณคดีอยู่เสมอๆ ผู้อ่านที่กำลังอยู่ในวัยเรียนก็จะพลอยได้รับความรู้ไปด้วย และผมก็จะไม่อธิบายยาวหรอกเดี๋ยวก็เลยเถิดไปอีก และเพื่อความสะดวกก็ขอคัดจากหนังสือ ชุมนุมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของ หลวงสารานุประพันธ์ ตีพิมพ์ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๖ โน่น ตัดตอนมาเล็กน้อยก็แล้วกันนะครับ

ลำดับต่อไปนี้ เป็นรายชื่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่เป็นพลโลก อาศัยอยู่ในไตรภพทั้ง ๓ นี้

     ๑. เทวดา แปลว่า ผู้เล่นสนุก ผู้เปล่งแสง เป็นพลโลกของโลกสวรรค์

     ๒. คนธรรพ์ เป็นภูต (ผู้มีกำเนิด) จำพวกหนึ่งซึ่งเข้ากับเทวดาก็ได้ เข้ากับมนุษย์ก็ได้ เพราะมีอยู่ทั้งสวรรค์และมนุษยโลก หรืออีกนัยหนึ่งว่ามีดลกของเขาอีกอันหนึ่งต่างหาก เรียกว่า “คนธรรพโลก” อยู่ระหว่างโลกสวรรค์กับโลกมนุษย์ (เข้าใจกันว่าเป็นชาวเขา ซึ่งมักตั้งถิ่นฐานอยู่บนเขา) คนธรรพ์มีหน้าที่เป็นผู้รักษาโสม เป็นผู้ชำนาญในการปรุงยา เป็นผู้อำนวนการนักษัตรและเป็นหมอดู รอบรู้กิจการต่างๆ ที่เป็นไปในโลก ทั้งปัจจุบันและอนาคต เจ้าหรืออธิบดีของคนธรรพ์ชื่อ ท้าวจิตรถ หรือ จิตรเสน บางตำรับเรียกท้าว ธตรฐ

อภินิหารของคนธรรพ์ มีที่สำคัญอยู่อีกอย่างหนึ่ง คือ เป็นผู้ชำนาญในการขับร้องและดนตรีปี่พาทย์ เป็นพนักงานขับร้องและทำดนตรีบรรเลงพระเป็นเจ้าและเทพนิกร

ครูเฒ่าของการขับร้องและดนตรีชื่อ พระนารทมุนี ผู้คิดทำพิรุณขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก พระมุนีองค์นี้ได้นามว่า “ปรคนธรรพ์” ซึ่งต่อมาพวกนักดนตรีปี่พาทย์จำเลื่อนไปเรียกว่า “พระประโคนธรรพ์”

     ๓. ยักษ์ เป็นภูตจำพวกหนึ่ง เรียกกันว่า อสูร แปลว่าพวกอริกับเทวดา สิ่งมีชีวิตจำพวกนี้มีทั้งใจดีและใจร้าย รูปร่างน่าเกลียดและน่ากลัว มีเขี้ยวยื่นออกมาจากปาก เป็นลูกพระกัศยป มีเจ้าหรืออธิบดีชื่อ ท้าวกุเวร…อาศัยอยู่ทั้งในสวรรค์และโลกมนุษย์ มีทั้งดีและชั่ว
     
     ๔. กินนร  เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง คล้ายๆ คนแต่ไม่ใช่คนทีเดียว เพราะมีหาง ศัพท์กินนรแปลว่า “คนหรือมิใช่” หรือ “คนอะไร” อาศัยอยู่ตามถ้ำเขา ในระหว่างโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์ คือ กิมบุรุษวรรษ กินนรเป็นบริวารของท้าวกุเวร และเป็นพวกคนธรรพ์ เพศหญิงเรียกว่า “กินรี” ตามรูปเดิมของอินเดียนั้นตัวเป็นคนหัวเป็นม้าแต่ตกมาเมืองไทยกลายรูป หัวเป็นคนตัวเป็นนก

นาค เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายงูใหญ่อาศัยอยู่ใต้พื้นโลกมนุษย์คือพื้นน้ำ เป็นลูกพระกัศยปเหมือนกัน มีท้าววิรูปักษ์เป็นอธิบดีจอมนาค

ครุฑ  เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายนกใหญ่อาศัยอยู่บนพื้นโลกมนุษย์ เป็นอริกับนาค คอยกินนาคตลอดเวลา เป็นลูกท้าวกัศยป กับนางวินตา เป็นพาหนะของพระวิษณุ

แทตย์  เป็นอสูรจำพวกหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกของนางทิติกับพระมหาฤาษีกัศยป

ทานพ  เป็นอสูรเชื้อสายแห่งนางหนูกับพระกัศยป

รากษส  เป็นอสูรจำพวกหนึ่ง ซึ่งมีทั้งดีและชั่ว อาศัยอยู่ตามป่าช้า ชอบกวนพราหมณ์ในขณะทำพิธี มักกวนพราหมณ์ผู้ตั้งใจสมาธิ เข้าสิงในซากศพ กินคนและรบกวนให้ร้ายแก่มนุษย์โดยอาการต่างๆ คัมภีร์ปุราณะว่าเกิดแต่รากษะพราหมณ์ผู้เป็นลูกพระกัศยปกับนางขศา ฯลฯ

ผมคัดมาเพียงแค่นี้ครับ หนังสือที่ว่านี้หาอ่านได้ยากในปัจจุบัน แต่ถ้าต้องการความรู้จริงๆ ผมคิดว่าอ่านอภิธานท้ายเรื่องศกุนตลาของ ร.๖ จะได้อะไรๆ มากกว่านัก

รูปของพระพฤหัสบดีเป็นเทพฤาษี สีกายเป็นสีแก้วไพฑูรย์ พาหนะเป็นกวางทอง อาภรณ์แก้วมุกดาหาร มือถือกระดานชนวน เพราะพระพฤหัสบดีเป็นครูของเทวดา เราถือวันพฤหัสบดีเป็นวันครู นักเรียนจัดพิธีไหว้ครูก็ตรงกับวันพฤหัสบดี

เรื่องรูปพระพฤหัสบดีนี้ วิทยานิพนธ์ปริญญาเอก ณ เมืองอินเดียของ คุณอุดม  รุ่งเรืองศรี เรื่อง เทวดาพระเวท ได้กล่าวว่า “ลักษณะของพระพฤหัสบดี ส่วนใหญ่มักปรากฎคู่เคียงกับเทพอื่นเสมอ โดยแนวนี้พระพฤหัสบดีย่อมมีความคล้ายคลึงกับอคนีในด้านปรากฎการณ์ เทพท้าวนี้มีปากอยู่เจ็ดปาก ลิ้นเดียว และมีเจ็ดสี กายเป็นสีทองและสีทองแดง น้ำเสียงแจ่มใสและสง่างาม มีเขาอันคมกริบ หลังสีน้ำเงิน และมีปีกนับร้อย อาวุธคู่พระหัตถ์คือลูกศรกับคันธนู สายธนูนี้คือจารีต (ขนบประเพณี) อาวุธอีกอย่างหนึ่งคือขวานโลหะหรือขวานสั้นที่เป็นทองคำ ซึ่งทวาสตฤเป็นผู้ประดิษฐ์รถทรงเป็นทองคำและเทียมด้วยม้าสีเหลือง รถนี้เป็นรถแห่งขนบประเพณีเช่นกัน เวลาทรงรถ พระพฤหัสบดีจะอยู่ในท่ายืน รถทรงนี้จะเป็นพาหนะนำไปประหารเหล่าผีร้ายทลายคอกขังวัว(ทำให้ฝนตก) และทำลายความมืด”

เป็นอันว่าจบเรื่องพระพฤหัสบดีครับ

ที่มา:รองศาสตราจารย์ประจักษ์  ประภาพิทยากร
::  
https://www.silpathai.net/พระพฤหัสบดี 




​​​​​​​




#คุณยายกลิ่นโสม 102100
#อ่านดวงไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#ดวงดาวบอกวิถี #รู้ดาวอ่านดวง #ดวงคือแผนที่ชีวิต
#เรียนดวงไทยฟรีที่เวปฯบ้านคุณยายกลิ่นโสม #บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเองที่เวปบ้านคุณยาย #www.baankhunyai.com​​​​​​ 102100

Visitors: 171,413