วันใหม่ตามหลักโหร

                                    

วันใหม่ตามหลักโหร  โดย ส. แสงตะวัน 

               ประมาณปี 2483 (อาจผิดได้) รัฐบาลสมัยท่านจอมพล ป.พิบูลย์สงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเป็นทางการให้เปลี่ยนวัน เดือน ปีเสียใหม่ เพื่อให้เข้ากับหลักสากลแบบตะวันตกที่นิยมใช้กันอยู่ อาทิ วันใหม่ให้เริ่มใช้หลัง ๒๔.๐๐ น. หรือหลังเที่ยงคืนล่วงไปแล้ว แต่เดิมเราใช้วันใหม่โดยถือเอา เมื่อแสงอาทิตย์จับขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเรียกว่าแสงอรุณ โดยประมาณเมื่อออกไปยืนกลางแจ้งตอนเช้ามืด เห็นเส้นลายมือ หรือเห็นใบไม้และจำได้ว่าเป็นใบอะไรดังนี้ เป็นต้น 

              เริ่มต้นเดือนใหม่ของปี ให้ถือเอาวันที่ ๑ มกราคม หลังเที่ยงคืน เป็นเดือนเริ่มต้นของปีใหม่ แต่เดิมสมัยโบราณ เราเคยถือเอาวันที่ ๑ เมษายน ของทุกปี หรือขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ทางจันทรคติ เป็นวันขึ้นปีใหม่ ลักษณะที่ใช้แบบนี้เพื่อให้เป็นแนวเดียวกับเรื่องฤดูกาลทางภาคโหราศาสตร์ไทย ในปัจจุบันยังคงใช้แบบเดิมกันอยู่ เรื่องนี้เกิดสับสนระหว่างพนักงานของรัฐ กับผู้แจ้งเกิดอยู่ระยะหนึ่ง และทางฝ่ายโหราศาสตร์รุ่นใหม่ได้พลอยสับสนไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ทั้งนี้เนื่องจากหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ทางโหราศาสตร์ไทย ยังคงยึดถือแบบเดิม คือรุ่งอรุณเป็นวันใหม่ และขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ทางจันทรคติ เป็นเดือนขึ้นปีใหม่จนถึงยุคปัจจุบัน 

             เคยพบโหรรุ่นใหม่ที่หันมาใช้แบบใหม่ในแนวโหราศาสตร์อยู่บ่อย ๆ บางครั้งเป็นเหตุให้เกิดสับสนระหว่างเจ้าของดวงชาตากับโหรผู้ทำนาย เนื่องจากผลที่ออกมาไม่ค่อยจะตรง หรือถูกต้องจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันตลอดมา เรื่องนี้ปรากฏกับผู้เขียนมาแล้วสำหรับคนที่เกิดก่อน พ.ศ. ๒๔๘๒ ครั้งแรกคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็เกิดปัญหาเข้าจนได้ และเคยพบหลายครั้งกับบุคคลที่เกิดก่อน พ.ศ. ๒๔๗๐ จากบัตรดวงชาตาที่โหรรุ่นใหม่ผูกมาให้ ปรากฏว่าเขาเกิดหลังเที่ยงคืนล่วงไปแล้ว ซึ่งเป็นความจริงเขายังคงใช้วัน เดือน ปี เกิดแบบเก่ากันอยู่ แต่โหรรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หันกลับมาใช้ วัน เดือน ปี แบบใหม่ ก็เลยมีปัญหาด้านวิชาโหราศาสตร์ เกี่ยวกับเรื่องเทวดาเสวยอายุ ซึ่งเราใช้เทวดาเสวยอายุจากวันเกิดเป็นหลักมาตรฐานตลอดมา ผู้เขียนพอจะคาดคะเน หรือเดาเอาเองได้ว่า โหรรุ่นใหม่คงมิได้เรียนจากครูโหรผู้รู้จริง หรือซื้อตำรามาเรียนเองเองจึงไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง 

             ก่อนจะลงมือผูกดวงชาตาให้ใครก็ตาม ควรไต่ถามถึงเรื่องวันเดือนปีให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน เมื่อเห็นแน่แก่ใจดีแล้ว จึงค่อยลงมือผูกดวงชาตาให้แก่เขา ถ้าโหรมีความเชี่ยวชาญชำนาญมาก่อนในเรื่องระบบธาตุ จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าที่เขาบอกมานั้นผิดหรือถูกอย่างไร สำหรับเรื่องเวลาเกิดหรือตกฟาก มักจะมีปัญหายุ่งยากอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เล่นเอานักเขียนบทความบางคนชักแหยงกลัวผิดพลาดเลยไม่กล้าบอกเวลา บางดวงไม่วางลัคนาเสียด้วย เขียนวิจารณ์เรื่อยเปื่อยพาให้เด็กรุ่นใหม่หลงทางพาเข้าป่าไปก็มีให้เห็นบ่อย ๆ สมัยโบราณโหรรุ่นครูเขาจะแสดงใจกว้าง เขียนไว้ครบบริบูรณ์ โดยมิต้องเกรงความอับอายขายหน้าใคร 

            ข้อมูลหลักวิชาโหราศาสตร์ ควรจะได้มีการศึกษาค้นคว้าหาหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องตามความเป็นจริง เพื่อผลที่ออกมาเป็นไปตามที่ตนประสงค์ บางคนพอค้นพบอะไรแปลก ๆ ยังไม่ทันตรวจสอบให้ถ่องแท้แน่นอนเสียก่อน รีบประกาศ หรือทึกทักเอาว่าได้พบสูตรการเคลื่อนไหว และความหมายจนสามารถสร้างเป็นตำราออกมาได้ ต้องใช้เวลานับเป็นร้อยเป็นพันปีขึ้นไปก็มี ชั้นครูคิดไม่สำเร็จชั้นศิษย์ก็นำมาคิดค้นหากันต่อไปจนกว่า จะพบความสำเร็จตามประสงค์ สามารถนำมาเป็นต้นแบบสร้างเป็นตำราชี้นำสืบต่อไป 

            วิชาดาราศาสตร์มีสองแนวทาง แนวทางหนึ่งดาราศาสตร์สายวิทยาศาสตร์ ที่นักวิทยาศาสตร์กำลังเล่น และค้นความเรื่องจักรวาลกันอยู่ ส่วนอีกสายหนึ่งเป็นสายของฝ่ายโหราศาสตร์ที่นำมาเล่นเกี่ยวกับระบบธาตุระหว่างโลกกับดวงดาว นักศึกษาควรระลึกถึงเรื่องการคำนวณสุริยาตร์ที่ฝึกหัดคำนวณกันอยู่ขณะนี้ นับเป็นความสามารถสูงของมนุษย์อย่างเราในสมัยโบราณ กว่าจะค้นพบได้ข้อมูลที่ถูกต้องตามความเป็นจริง สามารถสร้างตำราเป็นแบบฉบับให้พวกเราได้เจริญรอยตามมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นอัจฉริยะที่น่าพิศวง สมเป็นบรมครูที่ได้วางรากฐานแบบฉบับ เป็นอนุสนธิสืบเนื่องมาถึงลูกหลานในยุคปัจจุบัน 

            วิชาโหราศาสตร์ที่แท้จริง หลักใหญ่จะต้องอาศัยการโคจร ที่แม่นยำจากดวงดาวในท้องฟ้า ส่งคลื่นแสงลงมาผูกพันกับระบบธาตุที่ปกคลุมอยู่รอบโลก เนื่องจากโลกมีคลื่นธาตุกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป และคลื่นธาตุเหล่านี้ยังอยู่ในเครือข่ายของนามธรรม จึงต้องอาศัยคลื่นแสงของดวงดาวส่งลงมาชุมนุมกันในชั้นบรรยากาศของโลก เพื่อผลทางผสมผสานโดยรวมคลื่นธาตุตามอัตราสัดส่วน เพื่อความสำเร็จออกมาเป็นรูปธรรม แต่เราอาจจะเห็นเป็นกฎธรรมดาของธรรมชาติ 

            โลกมีระบบการเคลื่อนไหวด้วยแรงดึงดูด จากดวงดาวเริ่มตั้งแต่ดาวอาทิตย์ดาวจันทร์ และเรียงรายต่อเนื่องไปถึงดาวมฤตยู จะมีดาวดวงอื่นอีกเท่าใดนั้นไม่สามารถพิสูจน์ ถือเป็นแบบฉบับออกปฏิบัติการทางพยากรณ์ได้ถูกต้อง เราถือเป็นแนวทางดาราศาสตร์ของกลุ่มวิทยาศาสตร์ที่กำลังค้นคว้ากันอยู่ ฝ่ายโหราศาสตร์ได้เฝ้าดูและวิเคราะห์ติดตามไปด้วยเหมือนกัน ดาวเหล่านี้มีระบบธาตุไฟสามารถส่งคลื่นแสงสะท้อนมายังโลกด้วยเช่นกัน จากคลื่นแสงของดาวทุกดวงในมุมโหราศาสตร์ หากปราศจากแสงอาทิตย์เสียแล้ว ดาวเหล่านี้ก็จะไม่มีกำลังดึงดูดระหว่างดาวต่อดาวที่โคจรในแนวเดียวกัน 

             คลื่นแสงจากดวงดาวอุปมาดังช่วงแขนของมนุษย์ ที่ยื่นมือมายังชั้นบรรยากาศรอบนอกของโลก และจำนวนมือจากคลื่นแสงเหล่านี้ สามารถสร้างสิ่งรูปธรรมให้แก่โลกได้ ซึ่งเราเรียกกันว่าระบบธาตุได้แก่ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุลม และธาตุน้ำ รวมถึงอากาศธาตุ วิญญาณธาตุต่าง ๆ ด้วย 

            สัดส่วนแห่งระบบธาตุเหล่านี้อุปมาเสมือนการผสมผสานปรุงแต่ง เพื่อสนองตอบตามที่โลกต้องการเช่น แม่บ้านหรือแม่ครัว ผู้สามารถกระทำได้ทุกอย่างตามคำสั่ง สมมุติว่าโลกผู้เป็นพ่อบ้านต้องการแกงมัสมั่นสักหม้อหนึ่ง แม่ครัวจะต้องรู้ว่าเจ้ามัสมั่นนั้นมีส่วนผสมอะไรบ้าง จากนั้นจะต้องรอคอยจังหวะให้ดาวต่าง ๆ ที่มีหน้าที่เป็นส่วนผสมต่างยื่นแขน ซึ่งได้แก่คลื่นแสงลงมารวมกันในชั้นบรรยากาศรอบนอกของโลก ส่วนโลกก็มีหน้าที่ส่งหรือยื่นคลื่นธาตุ อุปมาดังภาชนะเครื่องรองรับอาหารระหว่างคลื่นแสงกับคลื่นธาตุผสมผสานวุ่นวายกันอยู่นั้น จะเป็นช่วงพอดีกับการรอคอยจังหวะให้ดาวจันทร์โคจรมาตัดคลื่นแสงจากดวงดาวในทันทีนั้นเอง ระหว่างดาวจันทร์เข้าตัดลำแสง คลื่นธาตุของโลกก็จะฉวยโอกาสดูดดึงมวลธาตุทั้งหลายลงมาร่วมผสมกับคลื่นธาตุของโลกทันที เพื่อความสำเร็จออกมาในรูปธรรม เรียกว่าแกงมัสมั่นได้กระทำสำเร็จโดยสมบูรณ์แล้ว 

           การที่ผู้เขียนได้อุปมาอุปมัยโดยสังเขปนี้ เพื่อต้องการให้ลูกหลานชั้นหลังในวันหน้า ได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์ว่ามีความเป็นอย่างไร และจะได้เกิดความเชื่อว่า วิชาโหราศาสตร์คือเป็นสายงานของวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งจะต้องเขียนหรือบรรยายกันอีกมากมาย


ขอบคุณที่มา : https://www.payakorn.com
#คุณยายกลิ่นโสม
#คุณยายเล่าเรื่องจากเรือนดาว
#โหราศาสตร์ไทยเรียนง่ายกว่าที่คิด
#เรียนโหราศาสตร์ไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#อ่านดวงไทยสบายสบาย ตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม   
#เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรี ที่เวปนี้นะ:: htthttp://www.baankhunyai.com
  --------------------  
 
Visitors: 171,214