พระอุปคุตแสดงฤทธิ์

                 พระอุปคุตมหาเถระแสดงฤทธิ์

         

             พระอุปคตแสดงฤทธิ์เดชอิทธิปาฏิหาริย์
  
 เมื่อประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ ๒ หลังจากพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ณ ที่นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ในภาคใต้อินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ตามตำนานกล่าวว่า ได้ทรงสร้างพระวิหารและพระสถูปเจดีย์ถึง ๘๔๐๐๐ องค์  พระองค์ได้ทำการรวบรวมและขุดค้นหาพระบรมสารีริกธาตุจากเจดีย์ต่างเอามารวมไว้ที่สถูปเจดีย์ที่พระองค์ได้สร้างขึ้น  เมื่อการรวบรวมและบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว 

พระองค์ก็ทรงปรารภที่จะจัดให้มีการฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมดนั้น เป็นการมโหฬารยิ่ง คือการสมโภชตลอด ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน และเพื่อให้การฉลองสมโภชเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปราศจากอุปสรรค จึงใคร่จะอาราธนาพระสงฆ์ขีณาสพที่ทรงอิทธิฤทธิ์มาเป็นผู้คุ้มครองงาน ให้ปราศจากการรบกวนของพวกมารร้ายต่างๆ แต่พระสงฆ์ในนครปาตลีบุตรในขณะนั้น ไม่มีรูปใดที่จะสามารถเป็นผู้คุ้มครองงานอันมหึมาและยิ่งใหญ่นี้ให้พ้นจากภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ (โดยเฉพาะภัยจากพญาวัสสวดีมาร ผู้มีฤทธิ์ยิ่งกว่าภูตผีปีศาจทั้งหลาย) นอกเสียจากพระอุปคุตเถระผู้เดียวเท่านั้น 

พระสงฆ์ทั้งปวงจึงตั้งพระตัวแทน ๒ รูป ให้ลงไปอาราธนานิมนต์พระอุปคุตมหาเถระผู้เรืองฤทธิ์ มาช่วยรักษาความปลอดภัยงานสมโภชในครั้งนี้ ซึ่งกล่าวกันว่า พระอุปคุตเถระองค์นี้ มีปกติสันโดษอยู่องค์เดียวเข้าฌานสมาบัติเสวยวิมุตติสุขอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ภายในปราสาทแก้วที่เนรมิตขึ้นมาเหนือรัตนะบัลลังก์ จะออกจากสมาบัติเหาะขึ้นมาบิณฑบาต ในโลกมนุษย์ ในวันพุธเพ็ญกลางเดือนเท่านั้น  

   พระภิกษุทั้งสองรูปนั้นเมื่อได้รับหน้าที่ให้ไปนิมนต์พระอุปคุตที่สะดือทะเล แล้วก็ได้ชำแรกน้ำทะเลลงไปจนถึงเรือนแก้วอันเป็นที่อยู่ของพระอุปคุต  พระอุปคุตท่านก็ตอนรับขับสู่เป็นอันดีแล้วจึงเอ่ยถามพระเถระทั้งสองรูปนั้น ว่า "พวกท่านมาหาผมในครั้งนี้ด้วยจุดประสงค์อันใดหรือ?"  พระเถระทั้งสองก็ตอบท่านว่า "เกล้ากระผมทั้งสองรูปได้รับหน้าที่ให้ลงมานิมนต์พระคุณท่านให้ขึ้นไปช่วยปกป้องคุ้มครองการรบกวนของพญามารในงานสมโภชพระสถูปเจดีย์ ๘๔๐๐๐ องค์ของพระเจ้าอโศกมหาราช  ซึ่งพระองค์จะทำการสมโภชเป็นเวลา ๗ ปี  ๗ เดือน  และ ๗ วัน  พระองค์ปราถนาจะให้งานสมโภชเรียบร้อยไปด้วยดีปราศจากการรบกวนของพวกพญามารทั้งหลาย  จึงได้ส่งพวกเกล้ากระผมทั้งสองรูปลงมานิมนต์พระคุณท่าน  ขอรับ" พระอุปคุตเมื่อรู้จุดประสงค์ ของพระเถระทั้งสองรูปแล้วท่านก็รับนิมนต์และท่านก็ขึ้นมารายงานตัวต่อคณะสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น

    เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงทราบข่าวว่าพระอุปคุตที่ให้ไปนิมนต์ขึ้นมาจากสะดือทะเลหลวงแล้วพระองค์ก็ทรงเสด็จมานมัสการเพื่อจะดูว่าพระอุปคุตองค์นี้จะมีคุณสมบัติอันเหมาะสมกับหน้าที่นี้หรือไม่  พอพระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงเห็นรูปร่างของพระอุปคุตแล้วก็เกิดความคลางแคลงสงสัยขึ้นในพระทัยว่า "พระอุปคุตองค์นี้ดูร่างกายบอบบางผอมโซเหมือนคนไม่มีแรง รูปร่างอย่างนี้จะสู้กับพระยามารได้หรือ? จะทำหน้าที่อันใหญ่หลวงนี้ได้สมบูรณ์หรือเปล่า? จำเราจะต้องทดสอบดูก่อนว่าจะทำหน้าที่ได้หรือไม่ ถ้าทำหน้าที่นี้ไม่ได้ก็จะปรึกษากับคณะสงฆ์เฟ้นหาพระองค์อื่นที่เหมาะสมกันต่อไป"  หลังจากสนทนากับคณะสงฆ์พอเป็นที่สบายพระทัยแล้วก็ทรงเสด็จดำเนินกลับพระราชวัง

   เช้าวันรุ่งขึ้นพระอุปคุตท่านออกไปบิณฑบาตในเมืองปาตลีบุตร  ในขณะที่กำลังเดินรับบิณฑบาตอยู่นั้น  พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเห็นพระอุปคุตกำลังเดินบิณฑบาตอยู่ จึงทรงใคร่จะทดลองฤทธิ์เดชของพระอุปคุตดูว่ามันจะเป็นจริงตามที่คณะสงฆ์ได้ยกย่องกันหรือเปล่า จึงทรงมีรับสั่งให้คนเลี้ยงช้างปล่อยช้างตกมันให้วิ่งเข้าไปทำร้ายพระมหา เถระ   พระอุปคุตได้เห็นช้างตกมันวิ่งเข้ามาหาเพื่อจะทำร้ายจึงได้ทำการสกดช้างด้วย พลังจิตอันสูงส่งด้ายวาจาว่า "ช้างตัวดีเจ้าจงหยุดอยู่ตรงนั้นอย่าได้ไหวติงเลย"  ช้างตกมันตัวนั้นก็กลายเป็นช้างหินแข็งทื่อไปเลย  เคลื่อนไหวอะไรมิได้   

พระเจ้าอโศกมหาราชเมื่อได้ทรงเหตุการณ์เช่นนั้นด้วยพระเนตรของพระองค์เองก็ทรงเลื่อมใสในพระอุปคุตยิ่งนักทรงเสด็จไปขอขมาโทษพระมหาเถระถึงที่วัดอย่างสำนึกผิด  พระอุปคุตก็ให้อภัยแก่พระเจ้าอโศกมหาราชและแก่ช้างตกมันตัวนั้นด้วย   เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชทรงเห็นว่าพระอุปคุตมีฤทธานุภาพมาก  จึงตรัสสั่งให้เตรียมการสมโภชพระสถูปเจดีย์ในทันที มีการปลูกสร้างปะรำพิธีที่ประดับประดาด้วยธงทิวประทีปและโคมไฟ​ ตลอดระยะทางกึ่งโยชน์ ทำตามแนวฝั่งของแม่น้ำคงคา สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ เมื่อถึงวันฤกษ์งามยามดี  พระสงฆ์ขีณาสพและพระสงฆ์ปุถุชนตลอดจนพุทธศาสนิกชนในเมืองปาตลีบุตรและประชาชนทั่วทุกสารทิศก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาสู่บริเวณงานพร้อมด้วยเครื่องสักการะบูชาเพื่อร่วมพิธีการสมโภชพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในพระสถูปและมหาเจดีย์ทั้ง ๘๔๐๐๐ องค์  ด้วยความเลื่อมใสและศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

 ในขณะนั้นเองพญามารที่มีชื่อว่า "พญาวัสสวดีมาร" ก็แทรกซึมเขามากับเขาด้วยเพื่อจะก่อความวุ่นวาย เมื่อแทรกซึมเข้ามาได้แล้ว  พญามารก็บรรดาลให้เกิดลมพายุพัดเอาปะรำพิธีแทบหักแต่ก็ถูกพระอุปคุตช่วยเอาไว้ได้  บางครั้งพญามารก็แปลงร่างเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้ายทำให้คนมาในงานเกิดความหวาดกลัว พระอุปคุตก็กำราบเอาไว้ได้  ไม่ว่าจะแปลงเป็นอะไรมาก็ตามพระอุปคุตก็กำราบปราบปรามเอาไว้ได้ทุกครั้ง เพื่อเป็นการตัดปัญหาเรื่องการก่อกวนของพญามาร  

พระอุปคุตท่านจึงเนรมิตร่างของหมาเน่าขึ้นมาตัวหนึ่งแล้วดึงเอาประคตเอวจากเอวของท่านมาผูกร่างหมาเน่าเอาไว้แล้วนำเอาไปคล้องคอของพญามารและท่านก็พูด เป็นวาจาสิทธิ์ว่า "ไม่ว่าใครก็ตามจะเอาร่างหมาเน่าออกจากคอพญามารไม่ได้" แล้วก็ขับพญามารออกจากบริเวณงานในทันที  ด้วยความอับอายพญามารก็รีบออกจากบริเวณงานในทันที  พญามารพยายามแก้ร่างหมาเน่าออกจากร่างกายก็แก้ไม่ได้ เพราะเวลาที่พญามารเอามือจับที่ร่างหมาเน่าเพื่อจะแก้ออกจากคอนั้นก็เกิดมีไฟลุกไหม้คอขึ้นมาทันที  

เมื่อเป็นเช่นนั้นพญามารก็ไปเที่ยวหาคนอื่นให้แก้ให้เป็นร้อยเป็นพันคน แม้กระทั่งเทวดาทั้งหลายเช่น พระอินทร์   ท้าวยามาเทพบุตร   ท้าวสันดุสิตเทพบุตร   และท้าวสหบดีพรหมผู้ยิ่งใหญ่ในพรหมโลกก็แก้ไม่ได้  เหล่าเทวดาทั้งหลายก็บอกแก่พญามารว่า"คนที่ จะแก้ได้ก็มีแต่ท่านพระอุปคุตคนเดียวเท่านั้นคนอื่นอย่าได้ไปเที่ยวหาให้ เสียเวลาเลย ท่านจงไปหาพระอุปคุตอ้อนวอนขอความเมตตากับท่านขอให้ท่านยกโทษให้ เมื่อท่านยกโทษให้แล้วท่านก็จะแก้ร่างหมาเน่าออกจากคอของคุณเองแหละ"
   
 เมื่อพญามารหมดที่พึ่งที่จะไปขอความช่วยเหลือแล้วก็จำต้องไปหาพระอุปคุต เพื่อขอความเมตตาจากท่าน  พระอุปคุตท่านเห็นพญามารหมดพยศย่อมสยบราบคาบทุกอย่างมากล่าว อ้อนวอนขอความเมตตาให้เอาร่างหมาเน่าออกจากคอ  ก็ให้เกิดความเมตตาสงสาร แต่ก็ยังไม่ไว้ใจพญามารจึงได้นำเอาพญามารไปสู่ภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งแล้วนำเอา ร่างหมาเน่าออกจากคอพญามารแล้วก็ทิ้งลงไปในเหวลึก  จึงเนรมิตให้สายประคตเอวของท่านยาวออกแล้วเอาผูกคอพญามารมัดติดไว้กับภูเขา ลูกนั้นแล้วก็พูดกับพญามารว่า "เจ้าจงอยู่ที่นี้จนกว่าจะทำการสมโภชพระสถูปเจดีย์เสร็จสิ้นจึงจะมาปล่อย"  เมื่อ งานสมโภชพระสถูปเจดีย์และพระบรมสารีริกธาตุเสร็จสิ้นลงแล้ว  พระอุปคุตจึงมาหาพญามารโดยการแอบดูอยู่ห่างๆว่าพญามารหมดพยศแล้วหรือยัง




ที่มา: https://kobamulet.com/news_view.php?id=19







#By_คุณยายกลิ่นโสม
#เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเอง ที่: #www.baankhunyai.com
-----------------------
ดูดวงติดต่อ Line : baankunyai  


Visitors: 171,879