ตำนานดวงพิชัยสงคราม

 
ตำนานดวงพิชัยสงคราม และ วิธีปฎิบัติบูชา
 
                        ปฐมบท
          "ดวงพิชัยสงคราม" เป็นดวงชะตาที่นับถทิกันว่าเป็นของสูง นิยมกันมาแต่โบราณว่า การบูชาพิชัยสงคราม จะทำให้เกิดสวัสดิมงคลแก่เจ้าชะตา มีผลส่งให้ประสบความราบรื่นและความสมหวังในชีวิต กับทั้งสามารถช่วยปัดเปา่ความเดือดร้อน ในยามมีเคราะห์ให้ผ่านพ้นไปหรือช่วยคลี่คลายเรื่องร้ายห้กลายดี  หรืออย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาที่หนักให้กลับเบาได้ 

           ชื่อ "ดวงพิชัยสงคราม" นี้เป็นที่คุ้นหูกันทั่วไป แต่ก็ยังมีหลายท่านยังไม่เคยเห็นว่าดวงพิชัยสงคราม มีรูปร่างลักษณะอย่างไร และไม่ทราบว่ามีความเป็นมาอย่างไรด้วยจึงได้รบรวม "ตำนานดวงพิชัยสงครามและวิธีปฎิบัติบูชา" มาเผยแพร่ไว้เพื่อเป็นประฏยชน์แก่ผู้สนใจต่อไป
 ประทีป อัครา 
 20 ก.ย. 15



ดวงพิชัยสงครามตัวอย่าง 
                
      "ดวงพิชัยสงคราม" 
ที่อัญเชิญมาลงเป็นตัวอย่างไว้ที่หน้าปก(ตามรูปด้านบน) เป็นดวงชะตาของพระเดชพระคุณสมเด็จ พุฒษจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งข้าพเจ้าคำนวณขึ้นตามคำขอร้องของผู้ที่เคารพเสื่อมใสในองค์ท่าน ซึ่งแสดงความปารถนามาว่าจะเอาไว้สำหรับคารวะบูชา  โดยได้นำลงเผยแพร่ในหนังสือพยากรณ์สารของสมาคมโหรฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๖ 

     ดวงพิชัยสงครมของสมเด็จฯนี้ ทางวัดชอโนรสได้ขอบล๊กไปจัดพิมพ์นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกพร้อมกับรูปของท่านทีทางวัดหล่อขึ้น ปรากฎว่ามีอิทธิปาฎิหารย์เป็นที่เลื่องลือทั้งในทางลาภผล และป้องกันภยันตราย จนกระทั่งหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์นำภาพดวงนี้ ไปพิมพ์ขึ้นปกเผยแพร่ มีผู้นำใส่กรอบไว้บูชาเป็นจำนวนมาก เป็นผลให้ทางวัดต้องพิมพ์เพิ่มเพื่อแจกแก่ผู้ศรัทธ่อีกหลายครั้ง 

     หวังว่าดวงพิชัยสงครามของสมเด็จนี้ จะประสิทธิ์ประสาทความเป็นมงคลให้แก่ท่านซึ่งมีโอกาสได้ไว้เช่นเดียวกับผู้อื่นที่เก็บรักษาไว้เคารพบูชา 

ตำนานดวงพิชัยสงคราม
    "ดวงพิชัยสงคราม" นี้ แต่เดิมทีท่านว่าหาได้มีชื่อดังที่เรียกขานเช่นปัจจุบันไม่ และเป็นที่รู้จักแต่เฉพาะ"วงใน" คือเฉพาะในกรมโหรฯ และในพระบรมมหาราชวังเท่านั้น

    ดวงชะตาอันในภายหลังนามว่า "ดวงพิชัยสงคราม"นี้ หากดูเพียงผิวเผินๆจะเห็นมีลักษณะเหมือนกับยันต์อันศักดิ์สิทธิ์ ทางไสยศาสตร์ เพราะพฤฒาจารย์ผู้แตกฉานเชื่ยวชาญในศาสตร์ ทั้ง ๓ คือ
พุทธศาสตร์ ๑,
ไสยศาสตร์ ๑.
โหราศาสตร์ ๑.
ได้กำหนดรูปดวงชะตาขุึ้นโดยการนำเอาพุทธมนต์มาชักเป็นพระคาถากำกับดวงชะตาไว้ทั้ง ๘ ทิศ และชักเป็นรูปมหายันต์ไว้ภายใน สำหรับบรรจุเกณฑ์พระเคราะห์ทั้งหลายที่คำนวณขึ้น ตามสูตรพระคัมภีร์สุริยาตร์ 

     ดวงชะตาแบบดังกล่าวนี้ เป็นที่เชื่อถือกันว่า มีอิทธิทั้งในทางเป็นเมตตามหานิยม และป้องกันภยันตรายต่างๆ แก่เจ้าชาตา ผู้ยึดมันในการปฎิบัติบูชาแต่ดั้งเดิมมานิยมกันว่าเป็นของสูงที่คู่ควรแต่เฉพาะมหากษัตริย์เท่านั้น มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า 

     กาลได้ล่วงมาจนครั้งหนึ่ง บ้านเมืองเกิดระส่ำระสายด้วยข้าวยากหมากแพง เพราะดินฟ้าอากาศวิปริต ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ประชาชนพลเมืองได้รับความเดือดร้อนอดอยากถึงกับต้องปล้นสะดมภ์กันกิน 

     ในกาลครั้งนั้น ฝ่ายข้าศึกเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะยึดครองบ้านเมืองได้โดยง่าย จึงเคลื่อนกำลังทัพมาประชิดเมือง 

     ข่าวศึกในยามนั้นก่อความประหวั่นกลัวแก่บรรดาพลเมืองแลเสนาข้าราชการเป็นยิ่งนัก ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ควรจะเห็นแก่ข้าศึกเสียโดยดีดีกว่า เพื่อถนอมชีวิตของข้าพลเมืองเอาไว้ 

     แต่ฝ่ายทหารส่วนใหญ่ หัวใจยังเปี่ยมด้วยเลือดและวิญญาณของนักรบที่หยิ่งในศักดิ์ศรี และมีความหวงแหนอธิปไตยของซาติ ต่างพากันคัดค้านความเห็นข้างต้นอย่างแข้งขัน โดยทุกคนยินดีที่จะยอมให้ "ตัวตายดีกว่าซาติตาย" 

     องค์พระประมุขทรงเห็นชอบ และสนับสนุนความคิดเห็นทางฝ่ายทหาร และเพื่อเป็นการบำรุงขวัญทหาร พระองค์ได้ทรงมีพระราชโองการให้โหรจัดทำดวงชะตา ซึ่งนิยมกันว่า ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นของสูงคู่ควรแต่เฉพาะพระมหากษัตริย์ให้แก่แม่ทัพนายกองที่จะต้องทำหน้าที่คุมกำลังป้องกันซาติบ้านเมืองในครั้งสำคัญนี้ทุกคน รักษาบูชาไว้ในพระนคร

     การรบได้ดำเนินไปในสภาพที่ด้อยกว่าข้าศึกทั้งกำลังคน และกำลังอาวุธ ผลจึลปรากฎว่า ในการประจัญบานกันแต่ละครั้ง ทหารหาญที่มีน้อยอยู่แล้ว ก็ยิ่งลดน้อยถอยตัวลงไปอีกทุกครั้ง เพราะถูกริดรอนทำลายลงด้วยกำลังที่เหนือว่าอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งความหวังที่พอมีอุ่บ้างในตอต้นละลายหายไปหมด ทุกหัวใจมีแต่ว่าเมื่อไร ข้าศึกจะโหมกำลังเข้าบดขยี้ ทำลายให้สิ้นซาติความเป็นไทยไปเท่านั้น 

     ก่อนที่นาทีสุดท้ายนั้นจะมาถึง สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็ได้มาถึงเสียก่อน นั่นคือความวิปริตของท้องฟ้าและอากาศ เกิดมหาวาตะอย่างรุนแรงขึ้น พร้อมกับมีฝนกระหน่ำหนักลง มาอย่างลืมหูลืมตา ไม่ขึ้นติดต่อกันออยู่ถึง ๓ วัน ๓ คืน จนกระทั่งน้ำเอ่อท่วมท้นสูงขึ้นถึงคอ 

     เมื่อพายุและฝนสงบลง ต่างคนต่างก็ได้ เห็นภาพที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น นั่นคือภาพค่ายทหารของข้าศึกพินาศพินทนการไปหมดแล้ว ด้วยอำนาจของลมพายุและกระแสน้ำ ช้าง ม้า และเหล่าทหารก็พลอยสูญเสียชีวิตไปด้วยเป้นจำนวน มากที่ยีงชีวิตอยู่ ก็ได้แต่ตะเกียกตะกายเพื่อให้รอดได้เพียง แตัวไม่มีใครมีกะใจคิดจะรบเอาชัย หรือคิดห่วงใยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จมหายอยู่ใต้น้ำอีกเลย

     การที่บ้านเมืองรอดพ้นจากเงื้อมมือข้าศึกมาได้  อย่างปาฎิหารย์ พร้อมกับที่ฝ่ายข้่ศึกประสบความพิบัติ กลับไปอย่างยับเยินครั้งนั้น เป็นที่เชื่อกันว่าเนื่องจากอานุภาพแห่งการปฎิบัติบูชาดวงชะตาที่คำนวณบรรจุไว้ในมหายันต์พุทธมนต์นั้นโดยแท้ พระมหากษัตริย์ได้ทรงถือเอาเหตุผลมงคลครั้งนั้น มาพระราชทานนามแก่ดวงชะตาแบบนี้ว่า
"ดวงพิชัยสงคราม" อันมีความหมายว่า ดวงชนะศึก

    นับแต่กาลครั้งนั้นมา "ดวงพิชัยสงคราม" ก็เป็นสิ่งปราถนาที่ต่างคนต่างพยายามขวนขวายหากัน เพื่อเอา ไว้บูชาเป็นสิริมงคลแก่ตัว 
       
การคำนวณดวงพิชัยสงคราม
    การคำนวณดวงพิชัยสงคราม เป็นที่ทราบกันดีในวงการโหรว่าทำได้ด้วยความยากลำบากยิ่งนัก ท่านอาจารย์ หลวงอรรถวาทีธรรมปวรรต กล่าวถึงการคำนวณดวงะิชัยสงครามไว้ในการรวบรวมปฎิทินโหรของท่านว่า "ดวงพิชัยสงครามนี้ ผู้เรียนคัมภีร์สุริยาตรรู้ดีแล้ว จึงจะคำนวณได้ และมักต้องเสียเวลาคำนวณไม่น้อยกว่า ดวงละ 6 ถึง 8 ชั่วโมง " จึงเป็นเหตุให้คนที่สมมโนรถ ในความปราถนา ที่จะได้ดวงพิชัยสงครามอันถูกต้องไว้บูชามีอยู่จำนวนน้อยทั้งนี้เพราะการ "เรียนคัมภีร์สุริยาตรให้รู้ดี" นั้ยิ่งยากกว่าการคำนวณดวงพิชัยสงครามหลายต่อหลายเท่ากัน ในวงการโหรยุคหนึ่งๆ จะมีผู้อุสาหะเรียนคัมภีร์นี้ให้ถึงขั้นมีความรุ้จริงๆ นั้นมีน้อยกว่าน้อย จึงเป็นผลให้หาผู้ทำการคำนวณดวงพิชัยสงครามให้ถูกต้องครบถ้วนตามแบบแผนได้ยากเต็มที

    แต่เนื่องจากผู้ที่ทราบอานุภาพและเกรียรติคุณของดวงพิชัยสงครามต่างปราถนากันมาก เมื่อไม่อาจคำนวณแบบที่ถูกต้องสมบูรณ์ได้ ในที่สุดก็มีการคิดแบบย่อขึ้นใช้แทนคือใช้วิธีเฉลี่ยสมผุสดาวจากปฎิทินมาบรรจุในรูปยันต์ หรือในรูปตารางที่จำลองแบบให้ดูคล้ยกับพิชัยสงคราม เป็นเครื่องแก้ขัดความปราถนาไปได้ และปรากฎว่าเป็นที่นิยมทำกันแพร่หลายไม่น้อย 
         
   ดวงขาด - ดวงด้วน
     การกำหนดแบบแผนดวงพิชัยสงครามชิ้นนั้น บูรพาจารย์ท่านได้วางไว้ ให้นำข้อมูลเกณฑ์คำนวณของดวงดาวมาบรรจุไว้ได้โดยครบถ้วน เพื่อให้เกิดพลังและอานุภาพ โดยสมบูรณ์ ท่านผู้ใหญ่ในวงการโหรหลายท่านเคยให้ความเห็นว่า ดวงที่ทำขึ้นแบบพิชัยสงครามเหมาะแต่กับการใช้พยากรณ์ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำมาใช้ในการปฎิบัติบูชาเพราะดวงที่ขาดเกณฑ์ ของพระเคราะห์ต่างๆไปนั้น เป็นลักษณะของ "ดวงขาด - ดวงด้วน" ผลที่ได้จึงย่อมจะขาด_ด้วน ไม่สมบูรณ์ไปด้วย 

ดาวพระเคราะห์-เทวดา 
     เป็นที่เชื่อถือจนเป็นคตินิยมสืบต่อกันมาว่า ดาวพระเคราะห์มีเทวดาครอง และมีหน้าที่มีเทวดาครอง และมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ มีอยู่ ๘  องค์ คือ
พระอาทิตย์ ๑ , พระจันทร์ ๑ , พรอังคาร ๑ , พระพุธ ๑ , พระพฤหัส ๑ , พระศุกร์ ๑ ,   
พระเสาร์ ๑ , พระราหู ๑ 

ลำดับพระเคราะห์หรือเทวดา 
     ลำดับของพระเคราะห์ หรือเทวดา ไม่ได้เรียงเวียนกัน เหมือนวันในสัปดาห์ แต่เรียงเวียนตามลำดับ ดังนี้ อาทิตย์  จันทร์  อังคาร  พุธ  เสาร์  พฤหัส  ราหู ศุกร์  เมื่อครบ ๘ องค์ แล้วก็เวียนมาขึ้นต้นใหม่
          กำลังของพระเคราะห์หรือเทวดา มีกำหนดไว้ดังนี้
พระอาทิตย์   กำลัง ๖ 
พระจันทร์     กำลัง ๑๕
พระอังคาร    กำลัง ๘ 
พระพุธ         กำลัง ๑๗
พระเสาร์       กำลัง ๑๐ 
พระพฤหัส     กำลัง ๑๙
พระศุกร์        กำลัง ๒๑

     คนเกิดวันใด พระเคราะห์หรือเทวดา วันนั้นก็เข้าเสวยอายุจนครบกำลัง แล้วพระเคราะห์หรือเทวดาองค์ถัดไปก็เข้าเสวยต่อจนครบกำลัง เปลี่ยนไปตามลำดับ

     เช่น คนเกิดวันอังคาร พระอังคารจะเข้าเสวยตั้งแต่เกิดไปจนถึงอายุครบ ๘ ปี จากนั้นพระพุธก็เข้าเสวยต่อตั้งแต่เกิดไปจนอายุครบ ๘ ปี จากนั้นพระพุธก็เข้าเสวยต่อตั้งแต่อายุเริ่ม ๙ ปีไปจนถึง ๒๕ ปี ไปจนถึง ๓๕ ปี  ฑฟฆัสเข้าเสวยต่อตั้งแต่เริ่ม ๓๖ ถึงอายุ ๕๔ ปี  และพระเคราะห์ หรือเทวดาองค์ถัดไปก็เข้ามาเสวยตามลำดับกันไป       

หน้าที่ของดาวพระเคราะห์หรือเทวดา
พระเคราะห์หรือเทวดามีหน้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์แตกต่างกันไปตามลำดับพระเคราะห์หรือเทวดาเริ่มจากวันเกิด ดังนี้
บริวาร   เกี่ยวกับ  ผู้ที่แวดล้อม หรือ ผู้ที่ต้องติดต่อเกี่ยวข้อง
อายุ          "         สุขภาพ อายุขัย
เดช          "         ยศ หรือ ต่ำแหน่ง
ศรี            "         ลาภผล หรือ ความสำเร็จ 
มูละ          "         ที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน ที่ดิน
อุสาหะ      "         ธุรกิจ การดำเนินงาน
มนตรี        "         ผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชา ผู้อุปถัมภ์ 
กาลกิณี     "         ความเดือดร้อน ความวุ่นวาย

เช่น คนเกิดวันเสาร์ 
พระเสาร์     จะเกี่ยวข้องกับ   บริวาร   
พระพฤหัส           "               อายุ     
พระราหู               "               เดช 
พระศุกร์               "               ศรี    
พระอาทิตย์          "               มูละ    
พระจันทร์            "                อุสาหะ   
พระอังคาร           "                มนตรี     
พระพุธ                "                กาลกิณี   

การปฎิบัติบูชา
      การบูชาดวงพิชัยสงคราม มีวิธีปฎิบัติแยกออกได้เป็น ๒ ประการ คือปฎิบัติเมื่ออยู่ในภาวะปรกติอย่างหนึ่ง และในภาวะที่มีเหุการร์ผิดปกติอีกอย่างหนึ่ง
 
ก.การปฎิบัติบูชาในภาวะปรกติ
๑.ให้มีพระปางประจำวันเกิดไว้ประจำสำหรับบูชา
๒.ให้ถอคาถาองค์พระเป็นอารมณื โดยเฉพาะให้เจริญคาถาเป็นประจำเมื่อจะล้างหน้า ๑ , เมื่อจะกินอาหารคำแรก ๑ , เมื่อจะนอน ๑ 
๓.ให้ถวายข้าวบิณฑ์พร้อมทั้งดอกไม้ ธูป เทียน พระประจำวันเกิดเท่ากำลังทุกรอบวันเกิด(ข้าวบิณฑ์คือข้าวปั้นเป็นก้อน เมื่อลาพระนี้แล้ว ท่านให้เป็นทานแก่สัตว์ หรือนกกา ) 

การรับส่งพระเคราะห์เสวยอายุ 
      ในวาระเปลี่ยนพระเคราะห์หรือเทวดาเสวยอายุ ให้สร้างพระปางพระเคราะห์นั้นไว้บูชาด้วย ควรจะนิมนต์พระสงฆ์มารับสังฆทานที่บ้าน ถ้าเป็นพระใหม่ก็ให้ท่านเบิกพระเนตร และเมื่อท่านกลับควรถวายพระปางที่เสวยอายุ ครบกำหนดแล้ว ให้ท่านนำไปประดิษฐานที่วัด สำหรับเป็นที่สักการะแก่ประชาชนทั่วไปด้วย ทั้งนี้เป็นคติโบราณ ว่าสร้างพระถวายไว้ในวัดเป็นการสืบต่ออายุพระศาสนาประการหนึ่ง 
 
      ในระหว่างถวายสังฆทาน ให้ถวายข้าวบิณพ์ทั้งแก่พระที่รับและส่ง และเจริญภาวนาคาถาประจำปางพระเท่ากำลังเหมือนๆกัน 

            ปางพระ และพระคาถาประจำปาง 
พระอาทิตย์  พระปางถวายเนตร   คาถาประจำปาง อะ วิ สุ นุ สา นุ ติ
         พระจันทร์    พระปางห้ามสมุทร    คาถาประจำปาง  อิ ระ ชา  คะ ตะ ระ สา
         พระอังคาร   พระปางไสยาสน์      คาถาประจำปาง  ติ หัง จะ โต โร ถี นัง
         พระพุธ        พระปางอุ้มบาตร      คาถาประจำปาง  ปี สัม ระ โล ปุ สัต พุท
         พระเสาร์      พระปางนาคปรก      คาถาประจำปาง  โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ
         พระพฤหัส   พระปางสมาธิ          คาถาประจำปาง  ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ
         พระราหู      พระปางมารวิชัย       คาถาประจำปาง  คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ  คะ 
         พระศุกร์      พระปางรำพึง           คาถาประจำปาง  วา โธ โน อะ มะ มะ วา
 
ข.การปฎิบัติบูชาเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปรกติ
ให้ปฎิบัติเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ กว่าที่ปฎิบัติเป็นประจำดังนี้

๑.การบูชาอธิษฐาน ให้สำเร็จสิ่งปราถนา
      ให้ทำข้าวบิณฑ์ พร้อมด้วยดอกไม้ธูปเทียน ไปถวายพระปางที่เป็นเรื่องที่ปราถนา และพระปางที่เป็นศรี และภาวนาคาถาปนะจำปางพระนั้น อธิษฐานขความสำเร้จที่ปราถนา อย่างน้อยให้ทำติดต่อกัน ๓ วัน ระหว่างที่กำลังดำเนินเรื่องเพื่อสำเร็จอยู่ พึงยึดถือคาถาประจำปางพระนั้น เจริญเป็นอารมณ์อยู่เสมอจึงจะเกิดผลดี 

     ตัวอย่าง คนเกิดวันพุธ อยู่ในระยะเกณฑ์ที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนยศ หรือเลื่อนต่ำแหน่งซึ่งมีผู้แข่งขันอยุ่มากด้วย
วิธีการปฎิบัติ ให้ทำข้าบิณฑ์ พร้อมด้วยดอกไม้ ธูปเทียนไปถวายพระปางสมาธิ ซึ่งเป็นปางในดวงะตา (ของถวายให้มีจำนวนเท่ากำลังพระ คือจำนวน ๑๙) และภาวนาคาถาประจำปางสมาธิ คือ ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ ใ้ห้ครบ๑๙ จบ แล้วตั้งจิตให้มั่นอธิษฐานขออำนาจแห่งพระ และเทวดาประจำเดช ให้ช่วยให้ได้รับตำแหน่งสมปราถนา

     เมื่อเสร็จจากการบุชาพระปางแล้ว ให้ปฎิบัติเช่นเดียวกันกับพระปางศรีคือปางมารวิชัย หรือางป่าเลไลย์และอธิษฐานขอให้บันดาลโชคลาภและความสำเร็จให้ 

๒.การบูชาอธิษฐานให้ป้องกัน หรือปัดเป่าสิ่งไม่ปราถนา
     ให้ทำข้าวบิณฑ์พร้อมด้วยดอกไม้ธูปเทียน ไปถวายพระปางที่เป็นเจ้าการเรื่องไม่ปราถนา หรือเรื่องที่ทำให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อน และพระปางที่เป็นกาลกิณีและภาวนาคาถาประจำปางพระนั้น อธิษฐษนความคุ้มครองป้องกัน หรือขอให้ขจัดปัดเป่าเรื่องดังกล่าวให้ผ่านพ้นหรือ บรรเทาเบาบางลงอย่างน้อยให้ปฎิบัติติดต่อ ๓ วัน

     ในระหว่างที่เรื่องเดือดร้อนวุ่นวายยังไม่ผ่านพ้นไปให้ถือคาถาประจำปางนั้น เจริฐเป็นอารมณ์อยู่เสมอ

     ตัวอย่าง คนเกิดวันจันทร์ ประสบปัญหาเดือดร้อนเกี่ยวกับการดำนินธุรกิจ ทำให้เกิดความทุกข์กังวลว่าจะได้รับความวิบัติเสียหาย 
     วิธีปฎิบัติบูชา ให้ทำข้าวบิณฑ์พร้อมด้วยดอกไม้ธุปเทียนไปถวายพระปางมารวิชัย หรือปางป่าเลไลย์ ซึ่งเป็นปางอุสาหะในดวงชะตา (ของถวายให้มีจำนวนเท่ากับกำลังพระอุสาหะ คือ จำนวน ๑๒ ) และภาวนาคาถาประจำปางคือ คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ ให้ได้ ๑๒ จบ แล้วตั้งจิตมั่น อธิษฐานขออำนาจแห่งพระและเทวดาประจำอุสาหะให้ช่วยให้กิจการดำเนินไปโดยราบรื่น 

     เมื่อเสร็จจากบูชาพระปางอุสาหะแล้ว ให้ปฎิบัติเช่นเดียวกันต่อพระปางที่เป็นปฎิบัติเช่นเดียวกันต่อพระปางที่เป็นกาลกิณีคือ ปางถวายเนตรและอธิษฐานขอให้ผ่อนโทษและงดงามความเดือดร้อนทั้งหลายให้ 

     อย่างไรก็ตามพึงเข้าใจว่า "อานุภาพของพระและเทวดา ย่อมรักษาความเป็นธรรมเพื่อผู้ประพฤติธรรมเท่านั้น"  ฉะนั้นการอธิษฐานจะเกิดผลดี เฉพาะกรณีที่ขอในเรื่องที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม อันมิใช่เป็นไปเพื่อการเบียดเบียน หรือการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น 

     การปฎิบัติบูชาดวงพิชัยสงคราม ที่นำเข้าใจมากล่าวนี้เป็นวิธีสังเขปสำหรับให้เห็นเป็นแนวทางปฎิบัติโดยถูกต้องเท่านั้น จึงอาจไม่ละเอียดพอที่จะทำให้เข้าใจโดยแจ่มแจ้ง หากท่านผู้ใดสนใจต้องการทราบมากกว่าที่กล่าวมาแล้ว กรุณาติดต่อกับผู้รวยรวมที่สำนักพิมพ์นี้ ยินดีที่จะเรียนชี้แจงให้ทราบทุกประการ 

     อนึ่ง การถวายสิ่งของประกอบการบูชาดวงพิชัยสงคราม เพื่อให้พระหรือเทวดาประจำดวงชะตาเกิดอานุภาพมากยิ่งขึ้น ทางโหรจะต้องพิจารณาการโคจรของดวงดาวในดวงชะตาประกอบด้วย 

     เช่น ดาวเสาร์และดาวพฤหัส กำลังให้โทษแก่ดวงชะตาอยู่ในราศีธาตุน้ำ ในขณะที่เจ้าชะตากำลังประสบความวุ่นวายเดือดร้อนอยู่ โหรก็แนะนำให้จัดการถมที่ในสาสนสถานอันเป็นแหล่งที่มีน้ำเน่าคร่ำขัง หรือขจัดสิ่งปฎิกูลจากที่นั้นให้สอาด หรือให้ไปจัดการล้างทำความสอาดฐานพระ โดยการลงมือเองหรือบริจาคทรพย์จ้างให้คนมาทำก็ได้ 

             เหตุผลที่ท่านแนะนำให้ปฎิบัติเช่นนั้นมีว่า 
             ดาวเสาร์์หมายถึงสิ่งโสโครกปฎิกูล เมื่อรวมกับธาตุน้ำ หมายถึงน้ำที่สกปรก ดาวพฤหัสหมายถึงสาสนสถาน หรือที่ที่มีพระอยู่ 

             เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว ก็หมายถึงที่ที่สกปรกโสโครก หรือ มีสิ่งปฎิกูลในสาสนสถานหรือในวัด 

            เมื่อความหมายดังกล่าวให้โทษ ก็เท่ากับเป็นอกุศล ท่านจึงให้แก้เพื่อให้เป็นกุศล โดยไปเสียสละแรง หรือเสียสละทรัพย์แก้ไข

      ในกรณีที่มีเหตุการณ์อื่นๆ ท่านก็ถือหลักพิจารณาทำนองเดียวกันนี้ คือตรวจดูว่าดาวอะไรบ้างที่กำลังส่งผลให้เกิดเหตุการณ์แก่ดวงชะตา พิจารณาดูว่ามีความหมายอย่างไรบ้าง เมื่อทราบแล้วก็ปฎิบัติให้ความหมายนั้นเป็นกุศลขึ้น ก็จะเกิดอานุภาพส่งผลดีแก่เจ้าชะตา

อนัตบรรพ
      การปฎิบัติบูชาดวงพิชัยสงครามนี้ ยึดถือแตกต่าง กันอยู่บ้างเป็นบ้างบางตอน ผู้รวบรวมได้เคยหยิบยกปัญหานี้ขึ้นถามอาจารย์ให้ความรู้ในระหว่างที่ยังศึกษาอยู่ และได้รับคำชี้แจงจยเป็นที่เข้าใจ และยึดถือเป็นหลักปฎิบัติสืบมา เห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจบ้าง จึงนำปัญหาบางข้อมาเสนอไว้เพื่อเป็นแนวทางพิจารณา ดังนี้ 

๑. คาถาประจำปางพระ
ปัญหา เพราะอะไรคาถาบทขึ้นต้น คือ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา จึงใช้ที่พระจันทร์  แทนที่จะใช้ที่พระอาทิตย์ 
คำไข  ท่านกำหนดภูมิของพระเคราะห์ไว้ตามทิศคือ
จันทร์    บูรพา (ตะวันออก)
อังคาร   อาคเนย์  (ตะวันออกเฉียงใต้ )
พุธ        ทักษิณ ( ใต้ )
เสาร์      หรดี ( ตะวันตกเฉียงใต้ )
พฤหัส    ปัจฉิม ( ตะวันตก )
ราหู       พายัพ ( ตะวันตกเฉียงเหนือ )
ศุกร์       อุดร ( เหนือ )

    หลักการเจริญอาคมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพุทธศาสตราคมหรือไสยศาสตราคม พระอาจารย์เจ้าทั้งหลายนิยมที่จะเริ่มที่ิศบูรพาเสมอ 

๒.พระเสวยอายุ 
ปัญหา เมื่ออายุมากขึ้น พระเคราะห์หรือเทวดา เสวยอายุก็เปลี่ยนไป เพราะอะไรจึงยังบูชาพระเคราะห์เจ้าการเดิมอยู่
คำไข พระวันเกิดนั้น จะมีหน้าที่ประจำดวงชะตาไปตลอดชีวิต ส่วนพระเคราะห์ที่หมุนเวียนเข้าสวยนั้น ทำหน้าที่แทนเพียงชั่วครั้งคราว อุปมา ดังคนเกิดมา แม้จะจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดไปอยู่กับผู้อื่น ก็หาอาจเปลี่ยนพ่อแม่ให้เป็นคนอื่นไปได้ไม่ 

       ๓.ดาวกาลกิณี 
ปัญหา ดาวกาลกิณี เป็นดาวที่โหรทุคนกลัวกันนัก เพราะเป็นตัวบันดาลแต่โทษทุกข์ และความเดือดร้อนให้ เพราะอะไรจึงกำหนดให้บุชาดาวที่เป็นกาลกิณีด้วย
คำไข ดาวกาลกิณีก็เหมือนพวกนักเลง บางครั้งเราก็ต้องผูกไมตรีเอาไว้เหมือนกัน อย่างน้อยก็ช่วยให็พ้นความเดือดร้อน จากการรบกวนหรือถูกข่มเหงรังแก ในยามที่เกิดเรื่องเดือดร้อนวุ่นวาย เปรียบไม่ผิดกับเข้าไปอยู่ในถิ่นนักเลง ท่านจึงให้คาวระอ่อนน้อมแก่เจ้าที่เจ้าทางไว้ โดยถือหลักง่ายๆ ว่า 
การบูชาดาวศรี    เพื่อขอ "เพิ่ม" ผลดี 
การบูชาดาวกาลกิณี  เพื่ออ "ผ่อน" ผลร้าย 
#คุณยายกลิ่นโสม
#คุณยายเล่าเรื่องจากเรือนดาว
#โหราศาสตร์ไทยเรียนง่ายกว่าที่คิด
#เรียนโหราศาสตร์ไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#อ่านดวงไทยสบายสบาย ตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม   
#เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรี ที่เวปนี้นะ:: htthttp://www.baankhunyai.com
  --------------------  
 
Visitors: 171,423