โลกแห่งโหราศาสตร์

    
โลกแห่งโหราศาสตร์   โดย อาจารย์ ส. แสงตะวัน


ปัจจุบันมีนักโหราศาสตร์เกือบทั่วโลก ต่างให้ความสนใจต่อเหตุการณ์ของโลกกันมาก แต่จับทิศทางพยากรณ์ไม่ค่อยถูกต้องตามหลักวิชาการ มักจะเดาสุ่มจับเอาแต่ดวงดาวบนฟากฟ้ามาทำนายกัน ซึ่งมีผิดบ้างถูกบ้างคละเคล้ากันไป บางคนเหวี่ยงแหแบบครอบจักรวาลก็มีให้เห็นอยู่เสมอ โดยหารู้ไม่ว่าโหราศาสตร์ที่แท้จริงนั้นคืออะไรกันแน่ ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้ต้องการค้นหาทิศทางที่ถูกต้องและเป็นจริงเสมอมา แต่มีน้อยคนที่จะประสบความสำเร็จสมความมุ่งหมาย พอเริ่มเรียนก็เริ่มเดินเข้าป่าเสีย แล้วในที่สุดก็คว้าน้ำเหลว เลยฉวยโอกาสด่าแบบไม่เลี้ยงว่าเป็นวิชาอัปยศอดสูและเดียรัจฉานวิชาอยู่บ่อยๆ

วิชาโหราศาสตร์ตามความเป็นจริงนั้นเป็นเรื่องของโลกโดยเฉพาะ มีความเกี่ยวข้องกับดวงดาวเพียงคลื่นแสงเท่านั้น   คลื่นแสงนี่แหละคือตัวกระตุ้นให้คลื่นธาตุของโลกเกิดการเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของแสง   วิชาโหราศาสตร์จึงกลายเป็นศาสตร์ลึกลับที่เคลื่อนไหวอยู่ภายใต้พื้นโลก   มวลสารแห่งธาตุทั้ง ๔ ซึ่งเราเข้าใจกันว่าเป็นลักษณะของนามธรรม   อันนามธรรมย่อมผูกสัมพันธ์กับรูปธรรมตลอดเวลา โลกในทัศนะของโหรสมัยโบราณ เชื่อถือกันว่าไม่ใช่ดวงดาว จึงไม่นำมาใช้ในลักษณะของกลุ่มดวงดาว ต่อมาจึงได้ค้นพบเรื่องราหูเข้า ราหูก็คือโลกเรานี่เอง แต่เราเอาเงาของโลกมาเป็นเรื่องของราหู และราหูนี้เองได้กลายมาเป็นเรื่องของโหราศาสตร์ที่แท้จริง   จุดตรงนี้เองบรรดาเกจิอาจารย์ในระยะต่อมาได้ถกเถียงกันโดยให้เหตุผลแตกต่างยากที่จะยอมรับกันได้ บางกลุ่มก็ว่าโลกกลม บางกลุ่มก็ว่าโลกแบน   ในประเทศอังกฤษถึงตั้งสมาคมโลกแบนกันขึ้น แม้จะเนิ่นนานนับศตวรรษมาแล้ว สมาคมโลกแบนในปัจจุบันได้ข่าวว่ายังมีอยู่

      

ผู้เขียนเกิดมาในยุคปัจจุบัน ได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลมานาน ต้องยอมรับโดยไม่มีข้อสงสัยว่า ราหูคือโลก หรือ โลกก็คือราหู นั่นเอง   ใครจะว่าเป็นเรื่องเหลวไหลงมงายก็ขอยอมรับโดยดุษณีภาพ เนื่องจากผู้เขียนได้ค้นคว้าเรื่องราหูมานานเกือบจะสมบูรณ์ก็ว่าได้   ราหูจึงไม่ใช่เรื่องของดวงดาว และไม่มีดวงดาวมาเป็นบริวารโดยตรง นอกจากดาวจันทร์เพียงดวงเดียวเท่านั้น ซึ่งทำหน้าที่เป็นแม่ครัวให้กับราหู   มวลสารระบบธาตุของโลกหรือราหูได้เกี่ยวพันกับคลื่นแสงของดวงดาวในชั้นบรรยากาศเท่านั้น   ดังนั้นวิชาว่าด้วยเรื่องของราหูจึงเป็นวิชาที่กว้างขวางมากและไม่สามารถจะนำมาเขียนเป็นตำราได้ถนัดนัก เพราะเป็นเรื่องของนามธรรมเบื้องต้น และเป็นคัมภีร์ใหญ่เล่มหนึ่งของวิชาโหราศาสตร์

ผู้ปรารถนาจะตั้งต้นเป็นโหรระดับโลก หรืออยากจะไต่เต้าให้ถึงระดับนั้น ควรศึกษาจากดวงโลกให้แตกฉานเสียก่อน และต้องรู้ว่าในแต่ละปีพลโลกมีความเป็นอยู่อย่างไรตกอยู่เรือนราศีไหนเสียก่อน แล้วจึงศึกษาดวงระดับประเทศต่อไป และในที่สุดจึงจะถึงระดับผู้นำประเทศโดยเป็นครั้งสุดท้าย   ดวงโลกในเชิงมุมของโหราศาสตร์ ท่านเกจิอาจารย์ได้จัดวางลัคนาไว้ราศีกุมภ์ เอาราหูเจ้าเรือนเกษตรลัคนาไว้ราศีเมษ เพื่อเป็นสื่อขยายเครือข่ายให้กว้างขวางมากขึ้น เคยมีบางคนที่ตั้งตนเป็นอาจารย์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เอาลัคนาโลกไว้ราศีเมษก็มี   ลักษณะเช่นนี้เห็นจะไม่ถูกต้องแน่นอน

ตัวอย่างเช่นปี ๒๕๓๔ ดวงโลกโคจรเข้าสู่ราศีกันย์ ซึ่งเป็นเรือนมรณะกับลัคนาดวงโลก เรือนมรณะเป็นเรือนที่ขยายความหมายให้กว้างขวาง โดยมีทั้งด้านดีกับด้านเสียควบคู่กัน   ปี ๒๕๓๔ พลโลกอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาว ๑ – ๔ หรือดาวอาทิตย์กับดาวพุธ   ราศีกันย์เป็นเรือนธาตุดิน หมายถึงพลโลกจากกลุ่มต่างๆ ตั้งแต่ชั้นปกครองลงมาจนถึงชั้นแรงงาน ได้มีการแปรเปลี่ยนสถานภาพของตนเองหลายอย่าง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงทั้งทางที่ชอบและไม่ชอบ ตามสถานะของบ้านเมือง เช่น การเลิกล้มหรือเปลี่ยนแปลงการปกครอง การสิ้นสุดและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ส่งเสริมงานด้านวิทยาการใหม่ๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองหรือตนเอง พัฒนาการแพทย์เพื่อรองรับผู้เจ็บป่วย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงสังเขปเท่านั้น

เดือนเมษายน ๒๕๓๕ นับแต่วันหลังสงกรานต์ไปหนึ่งวัน ดวงโลกโคจรเข้าสู่ราศีตุล เป็นเรือนสุภะ ชะตาพลโลกอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวอังคารกับดาวพระศุกร์ ดาวคู่นี้เป็นคู่มิตร เรือนสุภะหมายถึงการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน   หากเป็นระดับโลกหรือระดับประเทศ จะได้รับความช่วยเหลือจากมิตรประเทศ ถ้าประเทศของตนเดือดร้อน จะด้วยสิ่งใดก็ตาม ความโกรธความเกลียดที่เคยมีต่อกันก็จะกลายกลับมาเป็นมิตร หันหน้าเข้าหาปรึกษากัน   ตามหลักวิชาโหราศาสตร์สามารถขยายความออกไปได้อีกมาก เรียกว่าปีนี้พลโลกที่ตกต่ำจนถึงอดอยาก นานาประเทศที่เจริญแล้วจะให้ความช่วยเหลือ หรืออาจจะช่วยพัฒนาบ้านเมืองให้อีกก็ได้

 นักโหราศาสตร์บางท่านอาจจะสงสัยขึ้นมาว่า เมื่อพลโลกหรือพลเมืองทั้งโลกตกอยู่ในเรือนมรณะหรือสุภะดังที่กล่าวมานี้ จะเป็นไปได้จริงทุกคนหรือเปล่า   เรื่องนี้โดยหลักวิชาแล้วเป็นไปได้จริง มันอยู่ที่ครูผู้รู้จะสอนให้หรือไม่เท่านั้น เพราะแต่ละขั้นตอนจำเป็นจะต้องนำไปเกี่ยวพันกับชะตาเมืองของประเทศอื่นด้วย หากแต่ประเทศนั้นปีจรดวงเมืองของเขาจะเข้าสู่เรือนอะไร และให้ผลอย่างไรแก่ดวงชะตาเมือง   ดวงพลโลกก็ให้ปรับเข้าสู่แนวเดียวกัน   เรื่องนี้เห็นทีจะสับสนยุ่งยากค่อนข้างมากพอสมควร   

ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่มราหูเหล่านี้ไม่ใช่กลุ่มดาว เป็นเพียงการแบ่งภาคมาจากพระราหู เพื่อผลการปรับปรุงแต่งระบบธาตุของโลกเท่านั้น   ราหูได้แบ่งภาคมาจากพระราหูตามกฎเกณฑ์ถึง ๘ ภาคด้วยกัน เรียกว่า อัฏฐคชนาม คือ ราหูกำบัง ราหูจำบัง ราหูบังเงา ราหูก้อนเส้า เกณฑ์ราหู ราหูเสวย ราหูนักพรต และราหูอวตาร   ซึ่งเคยกล่าวมาแล้วในบทความของโหราเวสม์ ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๔

ราหูเหล่านี้มิได้ปรากฏอยู่บนท้องฟ้า แต่จะปรากฏอยู่บนพื้นโลกและใต้พื้นพิภพ ราหูเรามองเห็นเพียงภาพเงา แต่ไม่สามารถจะจับต้องได้ แต่เรานำมาเล่นกับสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งที่เคลื่อนไหวบนโลกได้ ดังเช่นราหูเสวยอายุเป็นต้น   ใครๆ ก็มักจะกลัวกันนักหนาหากเมื่อราหูเสวยอายุ บางทีถึงกับเข้าวัดจัดพิธีทำบุญสะเดาะพระเคราะห์ ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ราหูเสวยอายุยังไม่มีใครเคยเห็นราหูเลย นอกจากจะรู้กันเพียงว่าเป็นเงาของโลกจรเข้าหาตัวเราเองเท่านั้น   ราหูอุปมาเสมือนสิ่งลึกลับโคจรอยู่ใต้พิภพหรือมหาสมุทรไม่สามารถนำมาอธิบายตามรูปลักษณะของดวงดาวได้

บรรดากลุ่มโหรในสมัยโบราณ เคยถกเถียงกันมานานว่า โหราศาสตร์ที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ ส่วนมากมักจะเอาวิชาดาราศาสตร์เข้ามาตีขลุมว่าวิชาโหราศาสตร์ และยังกล่าวกันอยู่จนถึงยุคปัจจุบัน   ส่วนมากมักจะเรียนผิดทางหรือพบทางตัน ไม่สามารถจะเจาะให้ทะลุปรุโปร่งได้ จึงต้องเลิกราจนเกิดความเคียดแค้นตำหนิว่าเป็นวิชาเหลวไหลเชื่อถือไม่ได้ บางครั้งกลับถูกด่าแหลกแบบไม่เลี้ยงก็มี   อันที่จริงน่าจะเฉลียวใจกันบ้าง ตามประวัติศาสตร์ที่เราเคยเรียนรู้กันมาว่า วิชาโหราศาสตร์มีมาแล้วก่อนพุทธกาลกว่า ๖๐๐ ปี แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อตอนประสูติใหม่ๆ โหรพราหมณ์ได้เคยทำนายไว้ว่า ต่อไปพระองค์ท่านจะได้เป็นพระศาสดาเอกของโลก และปรากฏว่าเป็นความจริงตามโหรทำนาย   ต่อมาพระมหากษัตริย์เกือบทั่วโลกเห็นความสำคัญจึงมีโหรไว้เป็นที่ปรึกษาประจำราชสำนัก ถ้าไม่มีความเป็นจริงหลงเหลืออยู่บ้าง คงไม่ตกทอดจนมาถึงยุคปัจจุบันนี้หรอก   วิชาโหราศาสตร์ก็เหมือนๆ กับวิชาอื่นๆ ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองและมีความเสื่อมไปตามยุคตามสมัย เพียงแต่การศึกษาค้นคว้าในสมัยหลังนี้ยังไม่พบทางออกที่ถูกต้องเท่านั้น

วิชาโหราศาสตร์นี้มีอาถรรพณ์แปลกกว่าวิชาอื่น ใครที่คิดอยากจะศึกษา หากไม่ซื่อสัตย์ต่อครูผู้สอนแล้วจะเกิดอาเพศให้ไขว้เขวออกนอกลู่นอกทาง และลืมเลือนไปหมด   สมัยก่อนครูผู้รู้ก่อนจะสอนให้ใคร ต้องคิดทบทวนกันอยู่ช้านาน ถ้าเห็นไม่แน่ใจจะงดการสอนทันที การสอนแต่ละคนจะต้องมีพิธียกครู จัดตั้งเครื่องสังเวยตามแบบฉบับของแต่ละครู สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ บายศรี ๙ ยอด   ยอดที่ ๙ คือบายศรีพระเกตุ   ส่วน ๘ ยอดคือบายศรีพระราหู จัดตั้งล้อมรอบบายศรีพระเกตุ สำหรับดอกไม้บูชาเขาใช้ดอกไม้สีม่วง เช่นดอกอัญชันหรือดอกมะเขือ เป็นต้น   อัญเชิญวิญญาณพระฤาษี ๑๘ พระองค์มาประชุมเป็นสักขีพยาน เนื่องจากพระฤาษีเป็นพระอาจารย์ฝ่ายโหราศาสตร์โดยตรง   วิชาโหราศาสตร์แม้จะลึกลับสับสนยากแก่การศึกษาก็จริงอยู่ แต่ไม่พ้นขีดความสามารถที่จะศึกษากันได้   ถ้าหากครูผู้สอนจะขยันฝึกสอนแก่ศิษย์ของตนเท่านั้น เนื่องจากไม่มีตำราที่ถูกต้องวางขายในท้องตลาดหนังสือทั่วไป

อนึ่ง นักศึกษารุ่นต่อไปในอนาคต จงเร่งขวนขวายค้นหากันต่อไปอย่าได้ท้อถอย บทความต่างๆ ที่เขียนมาแล้วตั้ง พ.ศ. ๒๕๐๔ ในหนังสือพยากรณ์สารและโหราเวสม์ รวมถึงตำราต่างๆ จงเก็บรักษาไว้เถิด อนาคตจะเป็นหนังสือที่มีความสำคัญต่อการค้นหาเงื่อนงำต่อไป เพราะผู้เขียนรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร และมีความสำคัญต่อโลกในอนาคตอย่างไร   สวัสดี

ขอบคุณที่มา : https://sunwasa.wordpress.com
#คุณยายกลิ่นโสม
#คุณยายเล่าเรื่องจากเรือนดาว
#โหราศาสตร์ไทยเรียนง่ายกว่าที่คิด
#เรียนโหราศาสตร์ไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#อ่านดวงไทยสบายสบาย ตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม   
#เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรี ที่เวปนี้นะ:: htthttp://www.baankhunyai.com
  --------------------  
 
Visitors: 171,393