จาตุรงคโชค

                                                          จาตุรงคโชค… โดย อาจารย์ประทีป อัครา  


                                                           

                           จาตุรงคโชคสื่อนำโชค (ดีหรือร้าย) สู่ชีวิต… 
            วิชาโหราศาสตร์ ได้แก่วิชาผูกดวงดูชะตาชีวิต   ความจริงเป็นศาสตร์ที่มีสมรรถภาพและคุณสมบัติเช่นเดียวกับศาสตร์อื่นๆ ทั้งหลายในโลก   แต่เพราะคนบางคนมองศาสตร์นี้ผิดไป   เข้าใจว่าเป็น“ศาสตร์วิเศษ” ซึ่งผิดไปจากความเป็นจริง จึงทำให้เกิดความผิดหวัง เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน และเกิดเดียดฉันท์ขึ้นอย่างไม่ค่อยจะถูกต้องและเป็นธรรมนัก

            การกล่าวว่าวิชาโหราศาสตร์มีคุณค่าและประสิทธิภาพเท่าเทียมกับศาสตร์อื่น ก็คงจะมีผู้ค้านอีกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะผลจากการใช้วิชานี้พยากรณ์ ปรากฏว่ายังถูกบ้างผิดบ้างอยู่ หมายความว่า โหราศาสตร์ยังไม่ได้ผล ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ จึงยังจะเอามาเทียบกับศาสตร์อื่นๆ ไม่ได้ ลองช่วยกันคิดดูด้วยความเป็นธรรมว่า ในชั่วชีวิตของท่านผู้อ่านเอง เคยพบศาสตร์ไหนที่ให้ผลถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เสมอไปบ้าง
            เภสัชศาสตร์ ที่ปรุงยาออกจำหน่ายเต็มท้องตลาด บอกสรรพคุณไว้นานาประการ   เมื่อซื้อมากินมาใช้ ก็ปรากฏว่าหายบ้างไม่หายบ้าง
            แพทย์ศาสตร์ ก็ยังไม่ถึงขั้นรักษาคนหายได้ทุกโรคทุกราย ยังมีหายบ้างไม่หายบ้าง และตายบ้าง
            พาณิชย์ศาสตร์ เป็นอย่างไร   การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียๆ หายๆ ต้องเปลี่ยนตัวกันบ่อยๆ คงเป็นที่ทราบๆ กันอยู่
            เศรษฐศาสตร์ ควบคุมเศรษฐกิจได้ผลแค่ไหน กี่เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นที่เห็นๆ กัน

            แต่ทำไมศาสตร์ทั้งหลายจึงยังเป็นที่ยอมรับ ยังใช้และยังศึกษากันอยู่ คำตอบที่แน่ชัดและแน่นอนก็คือ การยกย่องหรือยอมรับศาสตร์ทั้งหลาย อยู่ที่ศาสตร์นั้นให้ผลได้มากกว่าผลเสีย ไม่ใช่ต้องให้ผล ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ การที่โหราศาสตร์ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุด   ยังคงได้รับความเชื่อถือสืบต่อกันมา ก็อยู่ที่พยากรณ์ได้ถูกมากกว่าผิด ไม่ใช่เพราะถูก ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เสมอ   เช่นเดียวกับศาสตร์ทั้งหลายนั่นเอง

            ถ้าไม่หลงเข้าใจผิดคิดว่า โหราศาสตร์เป็นวิชาวิเศษผิดธรรมดา   ศาสตร์นี้ก็ยังเป็นหลักวิชาที่มีค่าควรแก่การสนใจศึกษา และยังเป็นประโยชน์อยู่พอสมควร ไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดน่ากลัวอย่างไรเลย ศาสตร์ทั้งหลายในโลก เกิดจาก “สถิติ” ทั้งสิ้น   แพทยศาสตร์คาดหมายอาการของโรคได้ก็อาศัยสถิติ คือได้พบเห็นอาการของโรคนั้นมาก่อนแล้ว

            เศรษฐศาสตร์คาดหมายแนวโน้มของเศรษฐกิจได้ก็อาศัยสถิติเช่นเดียวกัน และการวางแผนในกิจการใดๆ ก็ต้องอาศัยสถิติ บูรพาจารย์ของแต่ละศาสตร์ได้ศึกษาสังเกตความเปลี่ยนแปลงของสิ่งทั้งหลายจนได้ “สถิติ” ที่ ค่อนข้างแน่นอน แล้ว จึงเอาสถิตินั้นมาจัดหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบเป็นหลักเกณฑ์สำหรับศึกษา เรียกว่า “ศาสตร์”

            บูรพาจารย์ในวิชาโหราศาสตร์ก็ดำเนินรอยเดียวกันนี้ คือหลังจากได้ศึกษาสังเกตมาเป็นเวลาช้านาน   ในที่สุดก็พบสถิติที่ค่อนข้างแน่นอนว่า ดาวพระเคราะห์ที่โคจรอยู่ในจักรวาลนั้น มีอิทธิพลต่อโลก เช่น ทำให้เกิดกลางวันกลางคืน เกิดฤดูกาล และเกิดน้ำขึ้นน้ำลง เป็นต้น   และยังมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์อีกด้วย เช่น ทำให้เกิดโชค ประสบความสำเร็จ ลาภผล มีความสุขสมบูรณ์   หรือทำให้เกิดเคราะห์ เช่นประสบความล้มเหลวผิดหวัง มีความทุกข์ยากขัดสน
            เมื่อได้สถิติแล้วก็บันทึกเป็นตำราไว้   ปรากฏว่าใช้ได้ผลเป็นที่เชื่อถือกันสืบมา

            ส่วนการที่ถูกตั้งข้อรังเกียจว่า วิชาโหราศาสตร์ถูกนำไปใช้หลอกลวงคนนั้น ก็หาได้พ้นไปจากธรรมดาวิสัยของศาสตร์ทั้งหลายไม่ วิชาแพทยศาสตร์ก็เคยมีเรื่องเป็นข่าวว่า ถูกนำไปใช้ในทางไม่ถูกต้อง

            วิชาหนังสือพิมพ์ก็เคยถูกนำไปใช้หลอกลวงข่มขู่เรียกร้องทรัพย์สินอยู่บ่อยๆ แม้พุทธศาสตร์ซึ่งเป็นศาสตร์บริสุทธิ์ที่สุด ก็ยังถูกนำไปใช้ในทางไม่บริสุทธิ์   มีข่าวพระเล่นการพนัน พระยิงปืน พระมีเมีย พระทำเสน่ห์

            แต่ที่ศาสตร์นั้นยังไม่ถูกคว่ำบาตรหรือถูกขจัดยกเลิก ก็เพราะบุคคลที่ทำความเสียหายมีส่วนน้อย และเพราะในศาสตร์นั้นๆ มีคนดีมากกว่าคนชั่ว

            เมื่อกล่าวว่า ทางโหราศาสตร์อาศัยการโคจรของดวงดาวเป็นหลักพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต หลายท่านก็เกิดความสงสัยว่า ถ้าเหตุการณ์และปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นเพราะอิทธิพลของดวงดาว   เมื่อดวงดาวโคจรผ่านพ้นราศีไปแล้ว   เพราะเหตุใดเหตุการณ์และปัญหาจึงไม่สิ้นสุดยุติ หรือผ่านพ้นไปด้วย   อย่างบางคนมีปัญหาหนี้สินอยู่ไม่รู้จบนับเป็นสิบปี ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะดาวแต่ละดวงโคจรผ่านราศีหนึ่งๆ ไม่ได้ใช้เวลายาวนานถึงเพียงนั้น เรื่องปัญหาที่ยืดเยื้อไม่รู้จบสิ้นนี้   พอจะชี้ให้เห็นโดยเปรียบเทียบกับอาการเจ็บป่วยได้

            มีคนป่วยเป็นจำนวนมากที่อยู่ในอาการทรงกับทรุดต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน คือเมื่อไปหาหมอได้รับการรักษาเยียวยา อาการก็ค่อยดีขึ้น   อยู่ไปๆ ก็ทรุดลงอีก   พอไปให้หมอตรวจรักษาอีก   อาการก็ค่อยดีขึ้นอีก   อยู่ไปๆ ก็ทรุดลงอีก เป็นอยู่อย่างนี้ อาการเจ็บป่วยแบบนี้พบสาเหตุว่าร้อยเกือบทั้งร้อย เพราะคนไข้ไม่ยอมละเว้นของแสลง การเจ็บไข้ได้ป่วยที่เกิดขึ้น อาจแยกออกได้เป็น ๒ ประการ คือเกิดเพราะสุขภาพร่างกายทรุดโทรมเองอย่างหนึ่ง และเกิดจากการติดเชื้อหรือรับเชื้อจากคนหรือสิ่งแวดล้อมอีกอย่างหนึ่ง

            การเจ็บป่วยที่เกิดจากสุขภาพร่างกายทรุดโทรม   เมื่อรักษาและบำรุงให้แข็งแรงดีแล้ว ก็เป็นอันหมดโรคหมดเรื่องกันไป แต่ถ้าเกิดจากการติดเชื้อหรือรับเชื้อจากคนหรือจากสภาวะแวดล้อม จะอาศัยเพียงการรักษาบำรุงร่างกายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแก้ไขต้นตอที่แพร่เชื้อนั้นด้วย

            เหตุการณ์ที่เป็นปัญหายุ่งยากก็เช่นเดียวกัน อาจเกิดขึ้นได้ ๒ ทาง คือเกิดจากอิทธิพลดวงดาวให้โทษในดวงชะตาโดยตรงทางหนึ่ง และเกิดจากอิทธิพลภาวะแวดล้อมให้โทษต่อดวงชะตาอีกอย่างหนึ่ง

            ในกรณีแรก เมื่อดวงดาวโคจรพ้นราศีไปแล้ว   เหตุการณ์ก็คลี่คลายหรือสิ้นสุดผ่านพ้นไป   ส่วนในกรณีหลังจะต้องแก้ไขภาวะแวดล้อมด้วย   ถ้าจะตั้งหน้าแก้ไขแต่เหตุการณ์อย่างเดียว ก็เหมือนกับการรักษาโรคโดยไม่งดเว้นของแสลง

            สิ่งทีมีอิทธิพล หรือเป็นเชื้อให้เกิดเหตุการณ์ดีร้ายแก่ชีวิตได้ นอกเหนือไปจากดวงดาว   มีกำหนดไว้ในหลักตำรา ๔ อย่าง เรียกว่า “จาตุรงคโชค”   ได้แก่ สีอย่างหนึ่ง   รัตนะอย่างหนึ่ง   อักษรอย่างหนึ่ง   และชัยภูมิอีกอย่างหนึ่ง หากมองกันเผินๆ จะรู้สึกว่า ของทั้ง ๔ อย่าง ๔ ประเภทนั้นไม่น่าจะมีอิทธิพลต่อชีวิตถึงขนาดก่อให้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นได้อย่างไรเลย

            แต่ถ้าคำนึงถึงอย่างรอบคอบ เปรียบเทียบกับการที่นักวิทยาศาสตร์ได้ทุ่มเทความรู้และเวลาในการทดลองค้นคว้าด้านพลังงานทางเสียงและแสง   รายงานว่าคลื่นเสียงก่อปฏิกิริยาต่อเซลล์ในมนุษย์ สัตว์ และพืช มีผลให้เกิดความเจริญความเสื่อมได้ไม่น้อย ก็ดี   คลื่นแสงคือสีต่างๆ มีปฏิกิริยาต่อความรู้สึกจิตใจเป็นอย่างมาก ก็ดี  ของทั้ง ๔ อย่างที่เรียกว่า “จาตุรงคโชค” จึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะด่วนมองข้ามไปเสียทีเดียว

            ผู้เขียนเคยพบดวงชะตาที่ต้องสะบักสบอมกับปัญหาแบบไม่รู้จบสิ้นมาหลายครั้งหลายราย และเคยสงสัยว่าดาวที่ให้โทษก็โคจรไปกันหมดแล้ว   เพราะเหตุใดเหตุการณ์ที่เป็นปัญหาจึงยังไม่หมด ได้รับคำตอบหลักจากอาศัยหลักเกณฑ์คัมภีร์จาตุรงคโชคตรวจสอบดวงชะตาต่างๆ เป็นจำนวนมาก เป็นเวลาต่อเนื่องกันสิบกว่าปีที่ผ่านมา   ทำให้ผู้เขียนกล้ากล่าวว่าเกือบทุกดวงที่มีปัญหาไม่รู้จบสิ้นนั้น มีจาตุรงคโชคที่ให้โทษอยู่ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งเสมอ และเมื่อได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งให้โทษนั้นแล้ว ก็ปรากฏผลว่า เจ้าชะตา “ส่วนมาก” สามารถแก้ไขเหตุการณ์ให้คลี่คลายดีขึ้นได้

            สุภาพสตรีรายหนึ่งเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เธอแต่งงานกับสามี อยู่กินกันมาจนเกือบจะมีหลานแล้ว ชีวิตราบรื่นเป็นสุขดี สามีเป็นคนใจคอเยือกเย็นรักลูกรักเมีย หลังจากย้ายบ้านหลวงมาอยู่บ้านของตัวเองที่ซื้อจากหมู่บ้านจัดสรรได้ไม่นาน นิสัยใจคอของสามีก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียวกับลูกๆ แม้กระทั่งกับเธอเอง   ทำให้สงสัยว่าคงจะแอบไปมีใหม่ๆ หน้าตาจุ๋มจิ๋มไว้ที่ไหน แต่หลังจากสืบดูอย่างแน่ชัดแล้ว ก็ปรากฏว่าไม่มี

            เมื่อสอบดวงชะตาโดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามคัมภีร์จาตุรงคโชคดู ก็พบว่าสีที่ใช้ทาห้องขัดกับดวงชะตา  หลังจากที่แก้ไขให้ถูกต้องแล้ว   สภาวการณ์ในครอบครัวก็ค่อยๆ ดีขึ้น

            รายหนึ่งมาถามว่า พระพุทธรูปที่เป็นอัปมงคลให้โทษมีไหม   ผู้เขียนบอกว่าพระพุทธรูปเป็นวัตถุมงคล ไม่ใช่สิ่งอัปมงคลแน่นอน   เขาว่าเขาได้เช่าพระบูชาเก่าแก่องค์หนึ่งมาด้วยราคาสูงมาก   หลักจากที่เอาพระองค์นั้นเข้ามาบูชาในบ้านแล้ว   สังเกตว่ามีเรื่องยุ่งยากเสียนั่นเสียนี่อยู่ตลอดเวลา   ผู้เขียนจึงแนะนำให้เขาลองเปลี่ยนสถานที่ประดิษฐานให้ถูกชัยภูมิตามดวงชะตา   จะด้วยเหตุผลกลใดหรือจะเป็นการบังเอิญก็แล้วแต่   หลังจากที่เขาแก้ไขแล้วไม่กี่วันก็ประสบโชคใหญ่อย่างไม่คาดฝัน   สภาวการณ์ก็กลับสู่ความสงบเรียบร้อยราบรื่นเหมือนอย่างเดิม

            ผู้เขียนสังเกตเห็นสตรีรายหนึ่งมาหา สวมแหวนหัวสีน้ำเงินสดสวยสะดุดตามาก จึงถามว่าใส่แหวนวงนี้ติดนิ้วเป็นประจำหรือเปล่า   เธอรับว่าใส่   ผู้เขียนบอกว่าเธอไม่ควรใส่ประจำ เพราะรัตนะสีนี้ให้โทษแก่ดวงชะตาของเธอ จะมีอิทธิพลทำให้หญิงอื่นเกิดมาสนใจแฟนของเธอ หรือไม่ก็จะทำให้สามีของเธอเกิดไปเผื่อแผ่น้ำใจให้หญิงอื่น   พอผู้เขียนพูดจบ เธอก็ถอดแหวนใส่กระเป๋าทันที เพราะที่เธอมาหาก็เพราะจะมาสอบถามดวงชะตาในเรื่องสามีเธอไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นอยู่

            การนำเรื่องนี้มากล่าว เพื่อเสนอต่อผู้สนใจในการตรวจสอบโชคเคราะห์ในดวงชะตาไว้เป็นข้อ สังเกตว่าการแก้ไขปัญหาหรือเคราะห์ในดวงชะตานั้นเหมือนกับการรักษาโรค อย่ามุ่งแต่การกินยาฉีดยาอย่างเดียว   ถ้าไม่ห่างหรือเว้นจากของแสลงแล้ว โรคก็ย่อมหายยากหรือไม่หายเลย   การแก้ปัญหาหรือการแก้เคราะห์ในดวงชะตา จะต้องขจัดเชื้อหรือสื่อที่ทำให้เกิดโทษด้วย จึงจะได้ผล

            การวิเคราะห์ว่าอะไรในจาตุรงคโชคเป็นโทษหรือเป็นคุณต่อชะตาในเรื่องอะไร จำเป็นต้องพิจารณาดวงชะตาโดยละเอียด เช่นเดียวกับเกิดกรณีเจ็บไข้ได้ป่วยจะต้องทำการตรวจสอบร่างกายโดยละเอียด   แต่ในกรณีทั่วไปอาศัยหลักสุขศึกษาบำรุงและรักษาร่างกายก็ใช้ได้    ในที่นี้จึงจะนำหลักเกณฑ์ทั่วไปมาแนะนำแนวทางสำหรับเลือกสิ่งเป็นมงคลที่ส่งเสริมชะตาและเลี่ยงสิ่งอัปมงคลที่เป็นโทษนำความทุกข์ความเดือดร้อนมาสู่ชะตา โดยอาศัยวันเกิดเป็นหลัก เพียงประการเดียว   ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

            ของ ๔ อย่างในจาตุรงคโชค มีอยู่อย่างหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันค่อนข้างกว้างขวาง ได้แก่ “อักษร” ที่ใช้ตั้งชื่อตัวหรือชื่อสถานที่

            แต่ปรากฏว่าความเข้าใจในเรื่องอิทธิพลของอักษรยังคลาดเคลื่อนอยู่มาก   ในข้อที่เข้าใจอักษร “ศรี” มีอิทธิพลในด้านให้คุณ   และอักษร “กาลกิณี” มีอิทธิพลในด้านให้โทษ ในทำนองเดียวกับเข้าใจเอาง่ายๆ ว่าน้ำหอมดีกว่าน้ำอุจจาระ ซึ่งไม่เป็นความจริงและไม่ถูกต้องในบางกรณี เช่น กรณีเอาน้ำหอมไปหยอดตา น้ำหอมก็เกิดเป็นโทษ และเอาอุจจาระไปรดพืชผัก น้ำอุจจาระก็จะกลับให้คุณเพราะเป็นปุ๋ยทำให้พืชหรือผักเจริญงอกงาม

            ความเข้าใจว่าอักษรกาลกิณีเป็นอัปมงคลให้โทษ ทำให้บางท่านที่เผอิญไปถูกทัก หรือ่านตำราพบว่าในชื่อของตนมีอักษรกาลกิณีอยู่ถึงกับขวัญเสีย เพื่อเป็นการยืนยันให้ผู้อ่านมั่นใจว่า อักษรกาลกิณีมิใช่อักษรอัปมงคลที่ให้โทษเสมอไป ที่ให้คุณก็มี จึงขอนำบุคคลที่มีอักษรกาลกิณีอยู่ในชื่อในตำแหน่งที่มีอิทธิพลสำคัญ คือเป็น อาทิอักษรได้แก่อักษรตัวนำ และอันตอักษรได้แก่อักษรตัวท้าย   มาให้ท่านได้เห็นประจักษ์กับตา

          ยุพา อุดมศักดิ์   ดร.   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ   รัฐมนตรีหญิงคนเดียวในคณะรัฐบาลปัจจุบัน   เกิดวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๔๗๑   ตรงกับวันศุกร์   อักษร ย ตัวนำหน้าเป็นกาลกิณี
          สุธี สิงห์เสน่ห์   นาย   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง   เกิดวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๔๗๑   ตรงกับวันอาทิตย์   อักษร ส ตัวนำหน้าเป็นอักษรกาลกิณี
          ดำริ น้อยมณี   นาย   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย   เกิดวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๗   ตรงกับวันศุกร์   อักษร ร ตัวท้ายเป็นอักษรกาลกิณี

            เป็นที่ยอมรับกันว่า บุคคลที่สามารถก้าวขึ้นถึงขั้นได้เป็นเสนาบดีนั้น   ถือว่าเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาอันสูงส่ง  เมื่อเป็นเช่นนี้จะว่าอักษรกาลกิณีเป็นอักษรอัปมงคลมีแต่โทษได้อย่างไร   ถ้าผู้อ่านจะลองตรวจรายชื่อรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลปัจจุบันดู จะพบว่าในจำนวน ๔๒ ท่านนั้น มีอักษรกาลกิณีอยู่ในชื่อไม่น้อยเลยทีเดียว   ทั้งที่เป็นอักษรตัวนำ ตัวตาม ตัวผสม ตัวท้าย ครบทุกขบวน   เพราะฉะนั้นท่านผู้อ่านที่มีอักษรกาลกิณีอยู่ในชื่อ น่าจะพอเลิกขวัญอ่อนกังวลใจได้แล้วกระมังครับ

            สิ่งให้คุณให้โทษที่นำมาเสนอให้เลือกหรือให้เลี่ยงดังกล่าวต่อไปนี้ ขอได้โปรดเข้าใจว่า สิ่งนั้นๆ มิได้แสดงอิทธิพลหรือให้ผลอยู่ตลอดเวลา   อุปมาดั่งแมลงวันหรือหนูที่ถูกจัดว่าเป็นสัตว์ให้โทษร้ายฐานที่เป็นพาหะของเชื้อโรคอย่างสำคัญ สำหรับในยามปกติโทษของสัตว์ทั้งสองประเภทก็ดูไม่สู้กระไรนัก   แต่ในยามที่เกิดอหิวาต์หรือกาฬโรคระบาด สัตว์ทั้งสองนั้นจะแสดงพิษแสดงโทษอย่างร้ายแรง   จาตุรงคโชคที่เป็นโทษจะซ้ำเติมเวลามีเคราะห์ ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก

            การเลือกสิ่งที่เป็นมงคลและเลี่ยงสิ่งที่เป็นอัปมงคล จึงเท่ากับเตรียมสิ่งที่จะส่งเสริมชะตา เมื่อถึงคราวมีโชค และป้องกันการซ้ำเติมแบบผีซ้ำด้ามพลอยในยามที่ชะตามีเคราะห์

            ท่านที่เกิดวันอาทิตย์
ควรเลี่ยง
สี   ชมพู   เขียว   แดง     
อักษร   จ   ฉ   ช   ซ   ฌ   ญ   ฎ   ฏ   ฐ   ฑ   ฒ   ณ

ควรเลือก
สี
   ม่วง   ดำ   น้ำเงิน   ฟ้า   เหลืองอ่อน   ขาว   ครีม   นวล
ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้   ก   ข   ค   ฆ   ง   ด   ต   ถ   ท   ธ   น
อักษรตัวตามหรือตัวผสม ใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นพวกที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันจันทร์
ควรเลี่ยง
สี   น้ำเงิน   ฟ้า   ม่วง   ดำ   แสด   ส้ม   น้ำตาล   หมากสุก     
อักษร  ด   ต   ถ   ท   ธ   น   บ   ป   ผ  ฝ   พ   ฟ   ภ   ม   ศ   ษ   ส   ห   ฬ   อ  ฮ

ควรเลือก
สี
   เขียว   แดง   เทา
ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้   ย   ร   ล   ว   หรืออักษร อ ที่ไม่มีสระผสม และออกเสียงเป็น อะ หรือ ออ   อักษรตัวตามหรือตัวผสมใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นอักษรที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันอังคาร
ควรเลี่ยง
สี   เทา   เขียว   แสด   ส้ม   น้ำตาล   หมากสุก   
อักษร   บ   ป   ผ   ฝ   พ   ฟ   ภ   ม   ย   ร   ล   ว   ฎ  ฏ   ฐ   ฑ   ฒ   ณ

ควรเลือก
สี
   แดง   เหลืองอ่อน   ขาว  นวล   ครีม   ชมพู
ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้   จ   ฉ   ช   ซ   ฌ   ญ   หรืออักษรที่ไม่มีสระผสมและออกเสียงเป็น อะ หรือ ออ   อักษรตัวตามหรือตัวผสมใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นอักษรที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันพุธ
ควรเลี่ยง
สี   แสดส้ม   น้ำตาล   หมากสุก   เทา   น้ำเงิน   ฟ้า     
อักษร   บ   ป   ผ   ฝ   พ   ฟ   ภ   ม   ย   ร   ล  ว   ศ    ษ   ส   ห   ฬ   อ   ฮ

ควรเลือก
สี
   เหลืองอ่อน   ขาว   นวล   ชมพู   ม่วง   ดำ
ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้   ก   ข   ค   ฆ   ง   ด   ต   ถ   ท   ธ   น  
อักษรตัวตามหรือตัวผสมใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นอักษรที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันพฤหัส
ควรเลี่ยง
สี   เทา   แดง   เขียว     
อักษร   ฎ   ฏ   ฐ   ฑ   ณ   ย   ร   ล   ว  และอักษรที่ไม่มีสระผสมที่ออกเสียงเป็น อะ หรือ ออ

ควรเลือก
สี
   น้ำเงิน   ฟ้า   ม่วง   ดำ   แสด   ส้ม   น้ำตาล   หมากสุก
ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้   บ   ป   ผ   ฝ   พ   ฟ   ภ   ม   ศ   ษ   ส   ห   ฬ   อ   ฮ   
อักษรตัวตามหรือตัวผสมใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นอักษรที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันศุกร์
ควรเลี่ยง
สี   เหลืองอ่อน   ขาว   นวล   ครีม   ชมพู   ม่วง   ดำ     
อักษร   ก   ข   ค   ฆ   ง   จ   ฉ   ช   ซ   ฌ   ญ  ด   ต   ถ   ท   ธ   น

ควรเลือก
สี
   ฟ้า   น้ำเงิน   เทา   แสด   ส้ม   น้ำตาล   หมากสุก
ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้   บ   ป   ผ   ฝ   พ   ฟ   ภ   ม   ศ   ษ   ส   ห   ฬ   อ   ฮ   
อักษรตัวตามหรือตัว   ผ   ส   ม   ใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นตัวอักษรที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันเสาร์
ควรเลี่ยง
สี
   เหลืองอ่อน   ขาว   นวล   ครีม   น้ำเงิน   ฟ้า   ม่วง   ดำ     
อักษร   ก   ข   ค   ฆ   ง   ด   ต   ถ   ท  ธ   น    ศ   ษ   ส   ห   ฬ   อ   ฮ

ควรเลือก
สี
   แดง   ชมพู   เขียว
ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้   อ ที่ไม่มีสระผสมและออกเสียงเป็น อะ หรือ ออ  หรือ   จ   ฉ   ช   ซ  ฌ   ญ   อักษรตัวตามหรือตัวผสมใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นอักษรที่ควรเลี่ยง

            สีที่กล่าวมาทั้งหมด หมายถึง สีถาวร   เช่น สีบ้าน   สีห้อง   สีม่าน   สีรถยนต์   สีเครื่องเฟอร์นิเจอร์
            รัตนะ   เช่น หัวแหวน หรือ จี้   อนุโลมให้ถือสีเป็นหลัก เพราะรัตนะบางชนิดมีหลายสี เช่น พลอย เป็นต้น มีเกือบทุกสี

            ข้อแนะนำที่ให้ไว้ ไม่ครบถ้วนทั้ง ๔ ประการ เช่น เรื่องชัยภูมิ   จำเป็นต้องพิจารณาตำแหน่งดาวในดวงชะตาประกอบด้วย จึงไม่สามารถนำมากล่าวในที่นี้ได้
            อย่างไรก็ตาม หวังว่าหลักเกณฑ์เท่าที่นำมาเสนอนี้ จะอำนวยผลเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านบ้าง และหากเป็นดั่งที่หวัง ก็ขอให้ผลที่เกิดเป็นกุศลนี้ จงเป็นพลังปัจจัยเกื้อกูลแก่ดวงวิญญาณของคุณหลวงสุทธิภาศนฤพนธ์ในสัมปรายภพทุกประการ.

(จากหนังสือที่ระลึกงานศพหลวงสุทธิภาศนฤพนธ์   พ.ศ. ๒๕๒๒)





         ที่มา : https://sunwasa.wordpress.com/




  Smiley  with love SmileySmiley 
141 》》 By :: คุณยายกลิ่นโสม :: 141

+++++++++++++++++
<<< เรียนดวง ครั้งละนิด >>>
บ้านคุณยาย.com : https://www.baankhunyai.com
blog : https://baankhunyai.bloggang
.
ดูดวงติดต่อ  Line  : baankunyai


Visitors: 171,578