ตำนานดาว

         
 
    ตำนานซาติเวร
ตำนาน หมายถึง สิ่งที่เล่าขานสืบต่อๆกันมา เป็นเรื่องเล่ากันมาตั้งแต่ในอดีต และใช้เป็นเครื่องมือ ที่ใช้ถ่ายทอดเรื่องราวของเรื่องนั้นๆ ไม่ว่าจะทางประวัติศาสตร์  ซึ่งตำนานเหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ ประเพณี ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ อาจเป็นเรื่องเล่ามาก็ได้ อาจจะมีหลักฐานก็ได้หรือไม่มีก็ได้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ จะแสดงถึง สถานที่ บุคคล นิสัย หรือการกระทำ พิธรกรรม ในเรื่องราวที่เล่ากันสืบมานาน เช่น ตำนานพุทธเจดีย์ ตำนานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน หรือแม้นแต่ตำนานซาติเวรก็เช่นกัน ที่จะบอกเล่าถึงดาวทั้ง ๙ ดวง ที่จะเปรียบเทียบให้เราเข้าใจถึง นิสัย การกระทำ ที่จะทำให้เราสามารถออกคำพยากรณ์กันได้แม่นยำมากขึ้น

      

ในตำนานซาติเวร ได้กล่าวถึงการกำเนิดแห่งดวงดาวทั้ง ๘ ดวง คือ ๑.อาทิตย์  ๒.จันทร์  ๓.อังคาร  ๔.พุธ  ๕.พฤหัสบดี  ๖. ศุกร์   ๗. เสาร์  ๘.ราหู    
 
มีการให้ความรู้ การเป็นมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาลในสมัยก่อนพุทธกาลแล้ว ความจริงของดวงดาวทั้งหลายที่ยัง มีอุปนิสัย มีอำนาจ มีอิทธิพล ในตัวของบุคคล ซึ่งโดยทั่วไปนั้น มีดวงดาวสำคัญๆที่ใช้ในการพยากรณ์ที่ยายใช้อ่านดวงมีอยู่ ๑๐ ดวง คือ เพิ่มพระเกตุอีก ๑ ดวง และเพิ่ม มฤตยู อีก ๑ ดวง ซึ่งดาวทั้ง ๑๐ ดวงนี้มีส่วนสำคัญในการดลบันดาล ความเป็นไปในชีวิตแห่งสรรพสัตว์ ซึ่งในส่วนมฤตยูนั้นเป็นดาวที่กำเนิดมีการค้นพบภายหลัง ซึ่งจะไม่ค่อยการเก็บรวบรวมเรื่องราวของ มฤตยู มากนัก แต่จะมีเพียงการเก็บสถิติจากการอ่านดวงเสียส่วนมาก
 
ตำนานชาติเวรและหลักโหราศาสตร์ในเวป/บล๊อคนี้ เกิดขึ้นจากการค้นคว้าจากตำรับตำรา จากบรมครูโหรโบราณ ครูโหรหลายๆท่าน โดยยายจะนำมารวบรวม ซึ่งจะนำเสนอเรื่องราวและตำนานที่มีมาแต่โบราณกาล มาให้ท่านผู้อ่านที่สนใจ ได้อ่าน ได้ศึกษา เพื่อจะได้นำเรื่องราวในตำนาน มาปรับเปรียบเทียบ ให้เข้าหลักเกณฑ์ ไม่ว่าจะ นิสัยใจคอ สิ่งของ สถานที่ การใช้สี เครื่องแต่งกาย และการบูชาพระประจำวันเกิด ตามตำนานโบราณที่บอกเล่าไว้ เพื่อที่จะนำมาใช้ในการออกคำพยากรณ์

วันต่างๆ ที่เราได้ใช้ในการเรียน การศึกษาโหราศาสตร์ มีหลักๆอยู่ ๗ วันด้วยกัน คือ อาทิตย์ จันทร์  อังคาร  พุธ  พฤหัสบดี  ศุกร์ และเสาร์  ส่วนทางโหราศาสตร์ได้เพิ่มขึ้นไปอีก ๑ วัน ๑ ชื่อ คือ ราหู เป็นส่วนของพุธกลางคืน

ราหู นั้นถือกันว่าเป็นชื่อวันของบุคคลที่เกิดในเวลากลางคืนของวันพุธเท่านั้น และอำนาจอิทธิพลผิดแผกแตกต่างกันไปตามกำลัง (ซึ่งจะกล่าวให้ทราบต่อไป) ชื่อของวันต่างๆ เหล่านี้มี การบันทึกกันมาแต่ดึกดำบรรพกาลหลายพันปีมาแล้ว แต่กลับไปเป็นชื่อของดวงดาวนพเคราะห์ต่างๆบนท้องฟ้า ทางวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์และดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่มีเหตุผลเชื่อถือได้ หากแต่ว่ายังไม่มีใครพิสูจน์ให้เห็นจริงแท้แน่นอนลงไปได้เท่านั้นเอง เพราะว่าการพิสูจน์วิชาโหราศาสตร์นี้ ไม่มีเครื่องทดลองอะไรให้มองเห็น นอกจากการพูด หรือการเขียนเท่านั้น

ท่านครูโหรฯในสมัยโบราณบางท่านก็ได้พิสูจน์ให้ประจักษ์จริงแท้แน่นอน ด้วยการพยากรณ์ล่วงหน้าได้ถูกต้องแม่นยำ ทำความนิยมเลื่อมใสเชื่อถือให้แก่ปวงชนได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันให้เห็นกันเป็นข้อพิสูจน์ เพียงแต่มีเพียงแค่การเล่าบอกต่อกันมาเท่านั้น ไม่เหมือนอย่างวิชาวิทยาศาสตร์ทุกวันนี้

นอกจากจะมีแต่ตัวเลขและหนังสือถือกันเป็นบรรทัดฐาน เป็นหลักฐานสืบมาเท่านั้นเอง เหตุนี้ จึงมีผู้นำหลักวิชาโหราศาสตร์มาใช้ผิดๆ พลาดๆ ทำให้คลาดเคลื่อนกลายเป็นของจริง ไม่แน่แท้แน่นอน จนถูกตำหนิจากผู้คนผู้ที่ไม่ได้ศึกษาโหราศาสตร์บางคน ว่าโกหกพกลม ปาหี่  ไร้เหตุผล งมงาย

ศาสตร์ทั้งหลายจะไร้ความจริงนั้นไม่มี มีแต่ยังค้นไม่พบ พิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีความรู้ ความสามารถทดลองเท่านั้น จึงไม่สามารถจะล่วงรู้ได้และนำวิชาทั้งหลายมาใช้เป็นประโยชน์ได้ เช่น “เมขลาล่อแก้ว” ของคนโบราณ ทำไมนักวิทยาศาสตร์จึงนำมาใช้ให้เป็นแสงสว่างในเวลากลางคืนได้ตามความพอใจของเรา คือ ไฟฟ้า ที่สามารถบันดาลให้เป็นแรงอันมหึมายิ่งกว่าคนได้ตั้งหลายร้อยพันเท่า ฯลฯ นั้น ก็เพราะได้พิสูจน์ทดลองเห็นจริงแท้แน่นอน และนำมาใช้ถูกหลักเกณฑ์ของการทดลองค้นคว้า

โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่เจริญรุ่งเรืองมานานหลายพันปีแล้ว ซึ่งในสมัยโบราณจัดเป็นศาสตร์นี้ ให้ในหนึ่งวิชาที่พระมหากษัตริย์ต้องศึกษากันเลยทีเดียว แต่วิชานี้เป็นวิชาที่มีละเอียดถี่ถ้วน พลิกแพลงตามเหตุที่ต้องพบเจอ เพราะในวิชาโหราศาสตร์นี้ เราใช้เพียงธาตุ ๔ ธาตุ ดาว ๑๐ ดวง เรือน ๑๒ เรือน มาใช้ในการคำนวณ ออกทำนาย การสร้างบ้าน หรือแม้นแต่การยาตรทัพ ฯ
 
การใช้ตามหลักวิชานี้ มีความจริงอยู่เพียงใด จะต้องมีการพิสูจน์ การทดลองกันอย่างถูกต้อง ขอให้ที่เข้ามาศึกษาทุกท่าน ได้ใช้ความสามารถของท่านช่วยกันพิสูจน์ ให้เห็นว่าโหราศาสตร์ไทยเรานั่นเป็นวิทยาศาสตร์ มีเหตุมีผล และสามารถพิสูจน์ได้จริง
 
แต่ส่วนที่ยายนำมากล่าวเล่าสู่กันฟังในครั้งนี้ เป็นเพียงตำนานของท่านครูโหร ท่านโบราณาจารย์กล่าวไว้ว่า อำนาจอิทธิพลของดวงตาวแต่ละดวงเกิดขึ้นด้วยเหตุใด ทำไมจึงว่าเป็นมิตร และ เป็นศัตรูกัน ซึ่งยายจะขอรวบรวมนำเสนอ เฉพาะบางตอนเท่านั้น ดังจะกล่าวต่อไปนี้
 
หากในเวปนี้ บล๊อคนี้ จักอำนวยประโยชน์ให้ผู้ที่สนใจ เข้ามาอ่าน และเข้ามาศึกษาโหราศาสตร์ ได้บ้างตามความประสงค์แล้ว ยายขออุทิศผลบุญกุศลในการเผยแพร่วิชาโหราศาสตร์นี้ ให้แด่ ท่านบรมครู ครูโหรฯทุกๆท่าน ที่ท่านยอมเผยแพร่วิชาโหราศาสตร์ทั้งหลาย ให้พวกเราได้ศึกษาได้เล่าเรียนกัน
 
“ตำนานชาติเวร” นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อท่านทั้งหลาย และขอให้ท่านผู้อ่านและท่านผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ จงประสบความสำเร็จ สมดังปรารถนาทุกประการเทอญ.






#By_คุณยายกลิ่นโสม 102100142 450

#เรียนดวงไทยฟรีที่บ้านคุณยายกลิ่นโสม46799

#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเอง ได้ที่ : #htthttp://www.baankhunyai.com 102
-----------------------
สนใจดูดวงติดต่อ : baankunyai  141102100



Visitors: 170,762